แม้ตลาดจะยังคงมีความผันผวน แต่การถือเงินสดเพียงอย่างเดียวก็ไม่สามารถตอบโจทย์ในการสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ เนื่องจากแนวโน้มดอกเบี้ยทั่วโลกยังเป็นทิศทางขาลง ธนาคารทีเอ็มบีและธนชาต แนะนักลงทุนเปิดมุมมองใหม่ในการลงทุนแบบเชิงรุก ผ่านกิจกรรม TMB | Thanachart Investment Talk LIVE “เสริมพอร์ตสุขภาพดีด้วยกองทุนเฮลท์แคร์ และกองทุนตราสารหนี้ระดับโลก” โดยคุณศรายุทธ แก้วเกษ เจ้าหน้าที่บริหาร บริหารความเชี่ยวชาญด้านการลงทุน ผลิตภัณฑ์กองทุนรวม ทีเอ็มบี พร้อมด้วยวิทยากรรับเชิญนายชุณหวัต จิระวิชิตชัย ผู้อำนวยการ ฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ยูโอบี จำกัด (UOBAM) มาร่วมกันสะท้อนมุมมองพร้อมแนะนำกลยุทธ์การลงทุน เพื่อให้นักลงทุนศึกษาข้อมูล และจัดพอร์ตการลงทุนแบบกระจายความเสี่ยง ลดความผันผวน และเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้นได้ ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างชีวิตการเงินที่ดีในอนาคต
โดยเศรษฐกิจโลกในครึ่งหลังของปี 2563 ยังมีแนวโน้มชะลอตัว และปัจจัยที่ต้องติดตามนอกจากเรื่องโควิด-19 ก็คือปัญหาสงครามการค้าที่เกิดขึ้น ส่วนทิศทางดอกเบี้ยเชื่อว่ายังเป็นขาลงอีกระยะหนึ่ง ทำให้เงินฝากมีผลตอบแทนน้อย ดังนั้น นักลงทุนไม่ควรถือเงินสดไว้ทั้งหมด อย่างน้อยควรลงทุนในตราสารหนี้บางส่วน เพื่อโอกาสในการได้รับผลตอบแทนที่ดีขึ้น แม้ตลาดตราสารหนี้จะยังมีความผันผวน เช่นเดียวกับตลาดหุ้นที่นักลงทุนกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก หลังกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดคาดการณ์จีดีพีในปีนี้เป็นติดลบ – 4.9% จึงเทขายหุ้นออกมากดดัชนีหุ้นทั่วโลกทรุดลง แต่ยังมีหุ้นบางกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นมาโดดเด่นเช่น กลุ่มเฮลท์แคร์ ซึ่งเป็นเมกะเทรนด์
หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 ค่อนข้างน้อย เมื่อเทียบกับหุ้นกลุ่มอื่นๆ อีกทั้งผลการดำเนินงานออกมาดีเกินความคาดหมายของตลาด ทั้งผลตอบแทนและการเติบโตของกำไร ซึ่งสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ทั่วโลกให้ความสำคัญกับเรื่องเฮลท์แคร์มากขึ้น ความต้องการอุปกรณ์การแพทย์และยารักษาโรคเพิ่มขึ้น สัดส่วนการใช้จ่ายด้านสุขภาพมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ เป็นปัจจัยที่เข้ามาสนับสนุนการลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้ โดยเฉพาะความหวังในการผลิตวัคซีนที่น่าจะสำเร็จภายในสิ้นปี 2563 นี้ หรือต้นปี 2564 แม้ก่อนหน้านี้หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์จะมีแรงกดดันจากนโยบายหาเสียงเลือกตั้งในสหรัฐอเมริกาเกี่ยวกับการลดราคายา แต่ตอนนี้แรงกดดันเหล่านั้นลดลงไปแล้ว
นอกจากนี้ หุ้นเฮลธ์แคร์ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากจำนวนประชากรผู้สูงอายุทั่วโลกที่เพิ่มสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ประเทศยักษ์ใหญ่อย่าง จีน อินเดีย รวมทั้งตลาดเกิดใหม่ ซึ่งกลุ่มนี้มีกำลังซื้อสูงขึ้นต้องการใช้เงินเพื่อดูแลสุขภาพมากขึ้น และปัจจุบันนี้อายุเฉลี่ยของคนก็ยืนยาวมากขึ้น ทั้งนี้ธุรกิจเฮลท์แคร์ก็ไม่ได้จำกัดเฉพาะการผลิตสินค้า หรือบริการที่เกี่ยวกับคนเท่านั้น ยังขยายวงกว้างไปถึงสัตว์ด้วย จึงเป็นตลาดที่ใหญ่มาก ขณะที่วิวัฒนาการทางเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าในปัจจุบันช่วยให้การทำวิจัยและพัฒนาของธุรกิจมีต้นทุนลดลง ส่งผลให้กำไรของบริษัทต่าง ๆ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
จากความโดดเด่นของหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ หนึ่งในเมกะเทรนด์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ บลจ.ยูโอบี และธนาคารทีเอ็มบีและธนชาต แนะนำ กองทุนเปิด ยูไนเต็ด โกลบอล เฮลท์แคร์ ฟันด์ (UGH) เน้นลงทุนในตราสารทุนของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจทางด้านสุขภาพ (Healthcare) ทั่วโลกมาเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนที่ตอบรับกับเมกะเทรนด์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจในยุค New Normal
ทั้งนี้ ท่ามกลางภาวะที่แนวโน้มดอกเบี้ยมีทิศทางขาลงและอยู่ในระดับต่ำ ทำให้เงินฝากมีผลตอบแทนน้อย ดังนั้น การลงทุนในตราสารหนี้ จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ไม่มาก แม้ตลาดตราสารหนี้จะยังมีความผันผวนอยู่ แต่มองว่าสภาพคล่องมีแนวโน้มดีขึ้นตามลำดับ หลังจากธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกา และธนาคารกลางของประเทศต่างๆ ออกมาตรการมารับมือกับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากโรคโควิด-19 ทำให้ตลาดค่อยๆ กลับสู่ภาวะปกติมีความผันผวนน้อยลง จึงขอแนะนำให้ลงทุนพันธบัตรรัฐบาลที่น่าสนใจ เช่น พันธบัตรในสหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย ผสมกับตราสารหนี้เอกชนที่เป็นอินเวสเมนท์เกรด เพื่อถัวเฉลี่ยไม่ให้ผลตอบแทนที่ได้รับน้อยเกินไป โดยทาง บลจ.ยูโอบี และธนาคารทีเอ็มบีและธนชาต ได้คัดสรรกองทุนเปิด ยูไนเต็ด โกลบอล ไดนามิค บอนด์ ฟันด์ (UDB) ลงทุนในตราสารหนี้ทั่วโลก ด้วยกลยุทธ์ในการบริหารพอร์ตการลงทุนที่ยืดหยุ่น มีการกระจายการลงทุนแบบเชิงรุกไปยังตราสารหนี้ทั้งภาครัฐและเอกชน ที่จะมาตอบโจทย์การลงทุนท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว