ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประเมินว่าเครื่องชี้เศรษฐกิจไทยไตรมาสสุดท้ายของปี 2562 ยังสะท้อนภาวะชะลอตัว โดยการส่งออกหดตัวต่อเนื่องตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจคู่ค้าและผลกระทบจากเงินบาทที่แข็งค่า ส่งผลให้การนำเข้า การผลิตภาคอุตสาหกรรม และการลงทุนภาคเอกชนหดตัวเช่นกัน ด้านเครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนชะลอตัวลงแม้มีมาตรการภาครัฐช่วยพยุงไว้บางส่วน ขณะที่มีเพียงการท่องเที่ยวที่ยังขยายตัวได้ต่อเนื่องจากแรงหนุนมาตรการ Visa on Arrivals ทั้งนี้ เมื่อประกอบภาพทั้งปี ที่ประชุม กกร. คาดว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2562 อาจขยายตัวเพียง 2.5%
• ในปี 2563 เศรษฐกิจไทยยังอยู่ท่ามกลางหลายปัจจัยกดดันที่ต่อเนื่องมาจากในปี 2562 ไม่ว่าจะเป็น ผลจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวและความผันผวนของค่าเงิน นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยลบเพิ่มเติมใหม่ ได้แก่ ความตึงเครียดในภูมิภาคตะวันออกกลางจากกรณีสหรัฐฯและอิหร่าน ที่หากสถานการณ์ยืดเยื้ออาจผลักดันให้ราคาน้ำมันยืนอยู่ที่ระดับสูงต่อเนื่อง และภาวะแล้งที่รุนแรงในประเทศ ที่นอกจากจะกระทบผลผลิตและกำลังซื้อเกษตรกรแล้ว อาจมีผลให้ราคาอาหารสดปรับตัวสูงขึ้น ทั้งนี้ ทิศทางราคาน้ำมันและราคาอาหารสดที่มีแนวโน้มเร่งขึ้นดังกล่าว จะทำให้การดำเนินนโยบายการเงินของทางการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเผชิญข้อจำกัดมากขึ้น
• จากปัจจัยลบต่างๆ ที่ประชุม กกร. จึงต้องการให้ภาครัฐเร่งรัดการบังคับใช้และการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ให้เกิดขึ้นโดยเร็ว ขณะเดียวกันก็ควรเตรียมแผนรับมือฉุกเฉินจากปัญหาภัยแล้งและเหตุการณ์ในตะวันออกกลาง นอกจากนี้ การดูแลความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทไม่ให้กระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ยังคงเป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะไม่เพียงจะมีผลต่อการส่งออกและการท่องเที่ยว แต่ยังเชื่อมโยงถึงภาคการผลิตและการจ้างงานอีกด้วย ส่วนโอกาสของประเทศไทยต้องสร้างบรรยากาศให้ดีเน้นเรื่องความมั่นคงและปลอดภัย โดยเรายังศักยภาพด้านการท่องเที่ยว รวมถึงเป็นศูนย์กลางอาหารในภูมิภาค
• สำหรับกรอบประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 2563 นั้น กกร. ประเมินว่า การส่งออกอาจยังมีแนวโน้มฟื้นตัวได้จำกัดหรือมีความเป็นไปได้ที่จะหดตัว 2.0% ถึง 0.0% ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยปี 2563 อาจขยายตัวราว 2.5-3.0% ด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไป คาดว่าจะอยู่ในช่วง 0.8-1.5% ซึ่งรองรับสมมติฐานราคาน้ำมันดิบตลาดโลกที่อาจยืนสูงที่ระดับ 70 ดอลลาร์ฯ/บาร์เรล เป็นเวลา 6 เดือน
จากสภาพทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน ทาง กกร.เห็นว่า ภาครัฐควรมีนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวม โดย กกร. เสนอให้ภาครัฐดำเนินการดังนี้
1. ลดค่าใช้จ่าย
2. เสนอให้มีการขุดบ่อกักเก็บน้ำในรูปแบบของแก้มลิงในแต่ละหมู่บ้าน (ประมาณ 70,000 หมู่บ้าน) เพื่อช่วยแก้วิกฤติภัยแล้งในระยะยาว โดยใช้แรงงานในท้องถิ่น ทั้งนี้ หากภาครัฐสามารถจัดสรรพื้นที่ราชพัสดุที่เหมาะสมในการขุดบ่อได้ ก็จะช่วยลดเวลาในการเวนคืนได้มาก
3. แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจในภูมิภาค นอกเหนือจากการพัฒนาเขต EEC เช่น ภาคเหนือ (NEC) จะพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางการผลิตอาหาร และ Creative Economy ภาคอีสาน(NEEC) ศูนย์กลางการท่องเที่ยว อาหาร และ Logistics hub ภาคใต้ (SEC) พัฒนา ให้เป็นเมืองอัจฉริยะและท่องเที่ยว รวมถึงอุตสาหกรรมฮาลาล เป็นต้น
4. ให้ กกร. เข้าไปมีส่วนร่วมในคณะกรรมการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ เพื่อปรับปรุงระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐให้คล่องตัวมากขึ้น และสนับสนุนสินค้าไทยมากขึ้น
Biztalk ประจำวันอาทิตย์ที่ 20 เมษายน 2568 ชวนคุยเรื่องการออกกฎระเบียบบังคับให้สายการบินใช้น้ำมันลดโลกร้อน (น้ำมันอากาศยานยั่งยืน= SAF) จะเริ่มใช้จริงได้เมื่อไหร่ มีอะไรที่ต้องพิจารณาบ้าง คุยกับ พลอากาศเอก มนัท ชวนะประยูร ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย…
ข่าวดีสำหรับคุณแม่! ไปรษณีย์ไทย จับมือ กรมอนามัย ยกระดับการส่งน้ำนมแม่ทั่วประเทศ ด้วยบริการ EMS ด่วนพิเศษ ฟรีค่าจัดส่ง ตอกย้ำสายใยรักจากอกแม่ สู่ลูกน้อยที่อยู่ห่างไกล หนุนเด็กแรกเกิดรับคุณค่าอาหารจากนมแม่เต็มที่ เริ่มแล้ววันนี้! บริษัท ไปรษณีย์ไทย…
Siam.AI Cloud สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยบนเวทีระดับโลก โดยเข้าร่วมงาน NVIDIA GTC 2025 พร้อมขึ้นกล่าวในหัวข้อสำคัญ "Empower the Ecosystem with Sovereign Foundation Models"…
โครงการ ‘Dynamic Cities via Mobility Data หลากชีวิตในเมืองที่โลดแล่น’ ได้ถือกำเนิดขึ้น โดยเป็นการผนึกกำลังครั้งสำคัญระหว่าง ทรู คอร์ปอเรชั่น และ ศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง (UddC) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย…
vivo ประกาศอย่างเป็นทางการถึงการเตรียมเปิดตัว vivo V50 Lite สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดในตระกูล V Series ที่มาพร้อมจุดเด่นอันแข็งแกร่งภายใต้แนวคิด “แบตอึด จนขอท้า” หรือ “BlueVolt Battery So…
เอปสัน ประกาศเปิดตัวการประกวดภาพถ่ายพาโนรามาระดับนานาชาติ "Epson International Pano Awards" ครั้งที่ 16 อย่างเป็นทางการ พร้อมเชิญชวนช่างภาพทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่นจากทั่วโลก ส่งผลงานเข้าร่วมประชันฝีมือ เพื่อชิงรางวัลรวมมูลค่ากว่า 50,000 เหรียญสหรัฐ การประกวดครั้งนี้จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่…
This website uses cookies.