นิด้า ประเมินเศรษฐกิจไทยปี 62 ขยายตัว 3.7% – 4.0% จากลงทุนภาครัฐ ความชัดเจนทางการเมืองช่วยหนุนความคึกคัก

รศ.ดร.มนตรี โสคติยานุรักษ์ ผู้อำนวยการหลักสูตรวิทยาการการจัดการสำหรับนักบริหารระดับสูง (วบส.)สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) Associate Professor Dr. Montree Socatiyanurak Director, Advanced Master of Management Program (AMM), National Institute of Development Administration ( NIDA)เปิดเผยว่า นิด้าประเมินการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2562 เติบโต 3.7-4.0 % โดยการเติบโตจะมาจาก กลไกการขับเคลื่อนจากภาครัฐ ผ่านมาตรการและนโยบายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ซึ่งหลายโครงการได้รับอนุมัติและสามารถเริ่มก่อสร้างได้ในปี 62 งบลงทุนกว่า 4.5 แสนล้านบาท เช่น โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มและสายสีม่วง โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานพื้นที่ EEC และรถไฟทางคู่สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ แม้ว่าในช่วงไตรมาสแรกของปี บทบาทของรัฐอาจชะลอตัวจากภาวะการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่ความชัดเจนทางการเมืองจะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งคาดว่านโยบายของรัฐบาลใหม่จะสามารถสร้างความน่าสนใจ รวมถึงดึงดูดความเชื่อมั่นจากนักลงทุนให้เข้ามาในประเทศได้ นอกจากนี้ ยังมีงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจอีกกว่า 4 แสนล้านบาท

ส่วนการบริโภคภาคครัวเรือนอาจดีขึ้นได้ในช่วงไตรมาสแรกของปี จากเงินเลือกตั้งกว่า 3-4 หมื่นล้านแต่ในช่วงครึ่งปีหลังอาจซบเซา เพราะอิทธิพลของหนี้ภาคครัวเรือนที่มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มสูงขึ้น และความผันผวนของราคาสินค้าเกษตร ซึ่งรัฐบาลชุดใหม่ควรเร่งจัดการแก้ไขเรื่องนี้ ไปพร้อมๆ กับการแก้ไขภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวอย่างเป็นรูปธรรม ส่วนภาคการลงทุนปี 62 นั้น คาดว่าต้องรอถึงช่วงครึ่งปีหลัง เพราะบรรยากาศในการลงทุนและความเชื่อมั่นน่าจะเกิดขึ้นได้จากความชัดเจนทางการเมืองหลังการเลือกตั้ง

สำหรับภาคการส่งออกภาวะการค้าโลกกำลังอยู่ในสภาวะชะลอตัวจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ที่ โดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ พยายามกีดกันสินค้าต่างประเทศโดยเฉพาะจีนด้วยกำแพงภาษีที่สูงถึง 25% ตามนโยบายที่ใช้หาเสียง แต่จากการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐที่เกิดขึ้น ผลการเลือกตั้งทำให้ทรัมป์ไม่สามารถกำกับสภาผู้แทนฯได้เหมือนเคย ทำให้มีความเป็นไปได้ว่าบทสรุปของสงครามการค้าระหว่างจีน จะจบลงอย่างประนีประนอมด้วยการเจรจาที่ลงตัว และภาวะทางการค้าโลกจะกลับมาสดใสในไม่ช้า

อย่างไรก็ตาม ไทยก็อาจจะได้รับประโยชน์จากการเป็นประเทศที่ 3 ที่ช่วยเชื่อมโยงการส่งออก ซึ่งจะมีผลให้ภาคการส่งออกของไทยขยายตัวเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยจากโครงสร้างเศรษฐกิจไทยที่ต้องพึ่งพาการส่งออกมากถึง 78.4% คาดว่าการส่งออกไทยปี 62 จะเติบโตได้ประมาณ 6% ลดลงจากปีนี้เล็กน้อย ปัจจัยเสี่ยงที่มีส่งผลเชิงลบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของปี 62 คือ

  1. สงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน (สหรัฐเป็นประเทศผู้นำเข้าและจีนเป็นผู้ส่งออกอันดับ 1 ของโลก) ที่ทำให้ภาวะเศรษฐกิจและการค้าโลกชะลอตัว ซึ่งไทยพึ่งพาการส่งออก 78.4% จึงได้รับผลกระทบต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจค่อนข้างมาก
  2. การเมืองที่รอความชัดเจนและมีผลต่อความเชื่อมั่นและบรรยากาศในการลงทุนของประเทศ
  3. ภาวะราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ซึ่งกระทบต่อการบริโภคของภาคครัวเรือนและกระทบต่อเนื่องไปถึงภาพรวมทางเศรษฐกิจ เพราะประชากรจำนวนกว่า 1 ใน 3 ของประชากรไทยทั้งหมดอยู่ในภาคเกษตร
  4. ราคาน้ำมันโลกมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจาก OPEC มีแผนลดการผลิตลง ซึ่งนอกจากจะส่งผลต่อต้นทุนการผลิตแล้ว ยังส่งผลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกในภาพรวมด้วย ขณะที่ระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 2.00% – 2.25% ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะอยู่ที่ 1.5% ส่วนค่าเงินบาทคาดว่าอัตราแลกเปลี่ยนจะอยู่ที่ระดับ 31 – 33 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐ

สำหรับภาพรวมของปี 2561 เศรษฐกิจไทยค่อนข้างทรงตัว เนื่องจากกำลังซื้อของภาคการบริโภคชะลอตัว หนี้ครัวเรือนยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 77.5% ต่อ GDP โดยส่วนใหญ่เป็นสัดส่วนหนี้ที่เกิดขึ้นกับธนาคารพาณิชย์ โดยในส่วนนี้เป็นเพียงหนี้ในระบบเท่านั้น ไม่ได้นับรวมหนี้นอกระบบที่คาดว่าขยายตัวเพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ นอกจากอิทธิพลของความซบเซาภายในประเทศแล้ว อีกหนึ่งปัญหาหลักที่ส่งผลกระทบต่อการบริโภคภาคครัวเรือนคือราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ เนื่องจากจำนวนประชากรที่อยู่ในภาคเกษตรของประเทศไทยนั้นมีมากกว่า 7.9 ล้านครัวเรือน หรือประมาณ 46.4% ของจำนวนประชากรทั้งหมดในประเทศ ทำให้กำลังซื้อของประชากรโดยส่วนใหญ่ชะลอตัว ในขณะที่ภาคการลงทุนยังคงชะลอตัว โดยมีดัชนีอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 68%

นอกจากนี้การลงทุนในภาคการผลิตจริงจากต่างประเทศ และการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ยังคงรอความชัดเจนทางการเมือง ส่วนภาคการส่งออกคาดว่าภาพรวมของปี 61 จะเติบโตได้ 8% จากกำลังซื้อของประเทศคู่ค้าสำคัญอย่างASEAN ที่มีสัดส่วนการส่งออกกว่า 28.5%ของมูลค้าการส่งออกทั้งหมดของไทย ในขณะที่ภาคการท่องเที่ยวกลับชะลอตัวในช่วง High-Season เนื่องจากมีกรณีอุบัติเหตุ ทำให้นักท่องเที่ยวต่างประเทศขาดความเชื่อมั่น ทั้งนี้จะเห็นได้ว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 61 นั้น เติบโตได้จากภาคการส่งออกและบทบาทการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ ผ่านนโยบายประชานิยม และโครงการการลงทุนต่างๆ คาดเศรษฐกิจไทยปีนี้เติบโตได้ 4.3%

BizTalk NEWS

Recent Posts

เซ็นทรัลพัฒนา ผนึก Edutainment และ Playland จัดแคมเปญ “The Little Campus 2024” ดันทราฟฟิกกลุ่มครอบครัว

เซ็นทรัลพัฒนา ผนึกกำลังกับพันธมิตรชั้นนำด้าน Edutainment กว่า 300 สถาบัน รวมถึง Playland สุดฮิต จัดแคมเปญ The Little Campus 2024 เปลี่ยนศูนย์การค้าเซ็นทรัลให้เป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้…

10 hours ago

เดนทิสเต้พาลิซ่าจัดงานในไทยอีกครั้ง กับ 3 กิจกรรมในงาน DENTISTE’ x LISA Exclusive After Party

เดนทิสเต้ เดินหน้านำ 3 กิจกรรมสุดยิ่งใหญ่เหนือใคร พาศิลปินระดับโลกชาวไทยอย่าง “ลิซ่า ลลิษา มโนบาล” ซึ่งเป็นหนึ่งในครอบครัวเดนทิสเต้ ในฐานะ Brand Ambassador ของประเทศไทย มาสร้างประสบการณ์สุดพิเศษให้กับแฟนๆ ชาวไทยผ่าน…

11 hours ago

เพอร์เฟค ปิดดีลขายที่ดิน 2 แปลง พร้อมออกหุ้นกู้ 2 ชุด ดอกเบี้ยสูง 7% และ 7.25%

พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ปิดดีลขายที่ดิน 2 แปลง รับ 700 ล้านบาท พร้อมออกหุ้นกู้ 2 ชุด ดอกเบี้ยสูง 7% และ 7.25%…

11 hours ago

กทม. x สวทช. สสวท พัฒนาเยาวชน ในโรงเรียนภาษาที่สาม สู่นวัตกรยุค 4.0 ด้วย Digital Innovation Maker space นำร่องพื้นที่กรุงเทพมหานคร

กรุงเทพมหานคร (กทม.) โดยสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร ร่วมกับ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่ชาติ (เนคเทค สวทช.) และ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) จัดกิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติ Digital…

11 hours ago

รฟม. เผยครบรอบ 1 ปี นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ผลดีเกินคาด ทำยอดผู้โดยสารรถไฟฟ้า MRT และผู้ใช้บริการอาคารจอดแล้วจรเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

นายวิทยา พันธุ์มงคล รักษาการแทน ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ รฟม. ได้ดำเนินการตามนโยบายอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสูงสุด 20 บาท ซึ่งเป็นหนึ่งนโยบาย Quick Win “คมนาคม…

14 hours ago

เป็นเจ้าของสถานีชาร์จฯ ง่ายนิดเดียว ชมแพคเกจสุดพิเศษจาก กฟผ.ในงาน Bangkok EV Expo 2024 ที่บูท EV3/2

กฟผ. ร่วมออกบูท EGAT EV Business Solutions (บูท EV3/2) ในงาน Bangkok EV Expo 2024 เพื่อส่งต่อความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในการพัฒนาและการบริหารจัดการเครือข่ายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า…

14 hours ago