Categories: FinanceNews Update

บลจ.ธนชาต คาด AUM สิ้นปี 2.3 แสนล้าน เชื่อปีหน้า ลงทุนท้าทายขึ้น ต้องเลือกเพื่อสร้างโอกาส

 

บลจ.ธนชาต ตั้งเป้าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) ณ สิ้นปี 2561 อยู่ที่ 2.3 แสนล้านบาท เชื่อสิ้นปีปรับเพิ่มได้อีก จากแรงหนุนกองทุนเพื่อลดหย่อนภาษี (RMF/LTF) ในช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค. นี้ โดยคาดว่าจะมีเม็ดเงิน RMF/LTF ไหลเข้ามาในอุตสาหกรรมประมาณ 5 หมื่นล้านบาท/ปี

นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า ในเดือนตุลาคมปีนี้ บลจ.ธนชาต มียอดลงทุนสุทธิตั้งแต่ต้นปีในกองทุนหุ้นไทยเกือบ 2 หมื่นล้านบาท ทำให้ตอนนี้ธุรกิจกองทุนรวมมีสินทรัพย์ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 203,470 ล้านบาท ส่วนธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลปรับเพิ่มมาอยู่ที่ 13,734 ล้านบาท และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพอยู่ที่ 15,972 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะทำให้ ณ สิ้นปี 2561 สินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) เท่ากับ 2.3 แสนล้านบาท

ในปีนี้ ที่บริษัทสามารถสร้างยอดขายกองทุนหุ้นไทยสุทธิอยู่เกือบ 2 หมื่นล้าน ทำให้สัดส่วนสินทรัพย์กองทุนหุ้นของบริษัทปรับตัวจากเกือบ 4 หมื่นล้านในปีที่แล้ว มาเป็นกว่า 5 หมื่นล้านในปีนี้ คิดเป็น 1 ใน 4 ของมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมด ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากบริษัทได้เปิดขายกองทุนหุ้นไทยแนวใหม่ T-SmartBeta ได้กว่า 5 พันล้านบาท เนื่องจากเป็นกองทุนที่ค่อนข้างมีความเฉพาะตัว สามารถปรับกลยุทธ์การลงทุนได้ ทั้งในช่วงที่ตลาดหุ้นมีแนวโน้มปรับตัวลง และปรับตัวขึ้น แต่กองทุนที่ได้รับความนิยมสูงสุดของบริษัทในปีนี้ คือ กองทุนหุ้นปันผลอย่าง T-DIV และ T-DIV2 ที่ยอดลงทุนสุทธิทั้ง 2 กองทุนอยู่ที่กว่า 1.3 หมื่นล้าน (31 ต.ค. 61) เนื่องจากเป็นกองทุนที่ตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเมื่อประมาณเดือนมีนาคมปีที่แล้ว จนถึงปัจจุบันสามารถจ่ายปันผลได้กองทุนละ 6 ครั้งแล้ว ซึ่งคาดว่าจะยังคงได้รับความนิยมในปีหน้าเช่นกัน

ส่วนเป้าหมายการออกกองทุนในปีหน้า บริษัทก็คาดว่าจะนำเสนอกองทุนหุ้นในรูปแบบต่างๆเพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าต่อไป เนื่องจากเชื่อว่าในระยะยาวแล้ว สินทรัพย์ประเภทหุ้นยังสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ

ด้านมุมมองการลงทุนในปีหน้า นายโชติช่วง ธีรขจรโชติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์มหภาค ให้มุมมองว่า ทิศทางเศรษฐกิจโลกในปีหน้ายังสามารถขยายตัวต่อเนื่อง แต่จะเติบโตในอัตราที่ช้าลง หลังแรงส่งจากมาตรการกระตุ้นต่างๆ ลดลง แต่ยังเชื่อว่าการเติบโตของสหรัฐ จะยังคงช่วยให้เศรษฐกิจโลกยังคงเติบโตต่อไปใน ครึ่งแรกของปี 2561 ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในรอบปัจจุบัน ถือว่ายาวนานที่สุด นับตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา และคาดว่าจะสามารถขยายตัวต่อไปได้ไม่ต่ำกว่า 2 ปี และคาดว่าภาวะถดถอยในระยะถัดไปคงไม่ได้รุนแรงมากอย่างที่หลายๆ คนกลัว แต่รอบการถดถอยอาจกินเวลานานกว่าปกติพอสมควรทีเดียว

สำหรับในระยะ 6 เดือนที่ผ่านมา ความกังวลต่อทิศทางการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน ทำให้ตลาดอยู่ใน Mode Risk-Off เงินทุนจึงผันผวนสูง ซึ่งคาดว่าในปีหน้า ภาวะความผันผวนจะยังคงมาจากปัจจัยต่างประเทศเป็นหลัก ทั้งในเรื่องเศรษฐกิจโลกที่คาดว่าขยายตัวช้าลง ข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับคู่ค้า โดยเฉพาะกับจีนที่ดูจะไม่สามารถคลี่คลายได้ในเร็ววัน นอกจากนั้นนโยบายการเงินในหลายประเทศตึงตัวขึ้น การแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ ความผันผวนของค่าเงิน และประเด็นการเมืองในสหรัฐฯ ยูโรโซน และกลุ่มโอเปก ยังคงเป็นประเด็นที่ต้องจับตาต่อไป

ส่วนการลงทุนต่างประเทศ ในปีหน้าบริษัทมองว่า การลงทุนในตลาดเกิดใหม่ในเอเชียน่าสนใจกว่าภูมิภาคอื่นเพราะในปีนี้ ปรับตัวลดลงค่อนข้างแรง แต่เศรษฐกิจและกำไรของบริษัทยังขยายตัวได้ ทำให้ค่า P/E อยู่ที่ 12 เท่าเท่านั้น

ในปีหน้า บลจ.ธนชาต มองว่าสำหรับการลงทุนใน หุ้นไทยยังคงน่าสนใจกว่าหุ้นต่างประเทศ เพราะในปีหน้าความเสี่ยงของไทยดูจะมีแค่เรื่องเดียวคือการเมืองหลังการเลือกตั้ง ซึ่งแน่นอนว่าในช่วงระยะเวลานั้นน่าจะมีความ ผันผวนหรือปรับลดลงอยู่บ้าง แต่จะเห็นได้ว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนในตลาดยังเติบโตได้ต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่า SET Index ในปีหน้าจะซื้อขายบน P/E ที่ประมาณ 15 – 16 เท่า หรือ ระหว่าง 1,750 – 1,850 จุด แม้ว่า P/E ตลาดหุ้นไทยอาจไม่ได้ต่ำมากเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้าน แต่ปัจจัยเสี่ยงภายในประเทศมีน้อยกว่า ประกอบกับแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติที่น่าจะน้อยกว่าในปีนี้ นอกจากนั้น ยังมีปัจจัยที่ช่วยผลักดันให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นได้จากค่าเงินบาทที่อ่อนลง เพราะเชื่อว่าในช่วงไตรมาส 1 ปี 2019 ค่าเงินบาทจะแกว่งตัวระหว่าง 32.00 – 33.50 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ทำให้หุ้นไทยในปีหน้ายังคงน่าสนใจ

และสำหรับการลงทุนในตราสารหนี้คาดว่าจะให้ผลตอบแทนไม่สูงนัก แต่เชื่อว่าตราสารหนี้ไทยจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าและมีความเสี่ยงต่ำกว่าตราสารหนี้ต่างประเทศ เพราะคาดว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยของไทยจะค่อยเป็นค่อยไปตามหลังสหรัฐฯ อยู่มาก

ส่วนการลงทุนในทองคำนั้น ในแง่หนึ่งถือเป็นการป้องกันความเสี่ยงจากการที่เศรษฐกิจโลกอาจชะลอตัวลงมากกว่าที่คิดกันไว้ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า และอีกแง่ก็จากโอกาสที่เงินดอลลาร์อาจอ่อนค่าในระยะต่อไปด้วย

สำหรับการจัดพอร์ตลงทุน ควรพิจารณาจากความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนสามารถรับได้ โดยแนะนำให้มีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นไทยและตราสารหนี้ไทยสูงกว่าการลงทุนในต่างประเทศ และมองการลงทุนในระยะยาวมากกว่า เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีและกระจายความเสี่ยงได้อย่างเหมาะสมในอนาคต

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และดูรายละเอียดการจ่ายเงินปันผล พร้อมขอรับหนังสือชี้ชวน และคู่มือการลงทุนได้ในวันและเวลาทำการเสนอขายที่ บลจ. ธนชาต โทรศัพท์ 0-2126-8399 หรือ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) โทร. 1770 หรือผู้สนับสนุนการขาย หรือรับซื้อคืนหน่วยลงทุนที่ บลจ.ธนชาต แต่งตั้ง www.thanachartfund.com

BizTalk NEWS

Recent Posts

King’s Bangkok มอบทุนเรียนฟรีต่อเนื่องปีที่ 3 หนุนเยาวชนไทยสู่เวทีโลก

โรงเรียนนานาชาติคิงส์คอลเลจกรุงเทพ (King’s Bangkok) เดินหน้าสานต่อพันธกิจสำคัญในการมอบโอกาสทางการศึกษาที่เท่าเทียมแก่เยาวชนไทยอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้ประกาศมอบทุน ‘King’s Bangkok Academic Excellence Scholarship’ เป็นปีที่ 3 ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสนับสนุนผู้ที่มีศักยภาพให้ได้รับการศึกษาในระดับนานาชาติอย่างเต็มที่ ทุนการศึกษานี้เปิดกว้างสำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (Year…

54 minutes ago

“Travel Lite by Thailand Post” บริการฝากส่งสัมภาระ ตอบโจทย์นักเดินทางยุคใหม่จากไปรษณีย์ไทย

ไปรษณีย์ไทย รุกตลาดท่องเที่ยว เปิดตัวบริการใหม่ "Travel Lite by Thailand Post" อำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวให้เดินทางตัวเปล่า หมดกังวลเรื่องสัมภาระ สามารถฝากเก็บและรับ-ส่งกระเป๋าเดินทางและสัมภาระต่างๆ ได้ง่ายดาย ในราคาเริ่มต้นเพียง 100 บาท…

17 hours ago

ตลาดโลกปั่นป่วน! สหรัฐฯ จุดชนวน “สงครามภาษี” นักลงทุนผวา ยูโอบีแนะกลยุทธ์รับมือ

ตลาดการเงินทั่วโลกตกอยู่ในภาวะผันผวนอย่างหนัก หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐอเมริกา ประกาศมาตรการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากนานาประเทศแบบไม่ทันตั้งตัว ส่งผลให้นักลงทุนทั่วโลกเทขายหุ้นด้วยความกังวลต่อผลกระทบทางเศรษฐกิจที่อาจตามมา เหตุการณ์เริ่มต้นขึ้นใน "วันปลดแอก" (2 เมษายน 2568) เมื่อผู้นำสหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าครั้งใหญ่ในรอบศตวรรษ โดยกำหนดอัตราภาษีขั้นต่ำ 10% สำหรับสินค้าจากทุกประเทศที่ส่งเข้ามายังสหรัฐฯ…

17 hours ago

ไปรษณีย์ไทย ผนึก เทคซอส เปิดบริการ Data-as-a-Service ขับเคลื่อนธุรกิจยุคดิจิทัล

ไปรษณีย์ไทย จับมือกับ บริษัท เทคซอส ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) อย่างเป็นทางการ เพื่อร่วมกันพัฒนาและต่อยอดเทคโนโลยีและข้อมูล สู่บริการใหม่ "Data-as-a-Service" หวังสร้างโอกาสทางธุรกิจและยกระดับประสบการณ์ผู้ใช้บริการในแวดวงโลจิสติกส์ พิธีลงนามจัดขึ้น ณ อาคารภาณุรังษีไปรษณียาคาร สำนักงานใหญ่…

17 hours ago

กสทช. จับมือ 3 ค่ายมือถือ เร่งเครื่องเปิดใช้งาน Cell Broadcast เตือนภัยฉุกเฉินเต็มสูบ ทั้ง Android และ iOS แม้ระบบกลางของ ปภ. ยังไม่พร้อม

กสทช. เร่งเครื่องโอเปอเรเตอร์ เปิดใช้งานระบบ Cell Broadcast เต็มสูบ รองรับทั้ง Android และ iOS หวังแจ้งเตือนภัยพิบัติประชาชนได้ทันท่วงที แม้ระบบกลางของ ปภ. ยังไม่พร้อม ไตรรัตน์…

18 hours ago

instax mini 41 ฟังก์ชันครบครัน ตอบโจทย์สายแฟชั่นยุคดิจิทัล

ฟูจิฟิล์ม (ประเทศไทย) เปิดตัว instax mini 41 กล้องอนาล็อกรุ่นใหม่ล่าสุด ที่ผสานดีไซน์สุดคลาสสิกเข้ากับความทันสมัยได้อย่างลงตัว พร้อมฟังก์ชันที่ใช้งานง่าย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพและมองหากล้องที่เป็นมากกว่าแค่เครื่องมือ แต่ยังเป็น "ไอเทมแฟชั่นที่ต้องมี" สานต่อความสำเร็จของ instax mini 40 กล้องรุ่นยอดนิยม instax…

24 hours ago

This website uses cookies.