ดร. สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ คปภ. เปิดเผยว่าตามที่บริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้ยื่นคำขอเลิกประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยและบอร์ด คปภ. กำหนดเงื่อนไขให้บริษัททั้งสองถือปฏิบัติก่อนเลิกประกอบธุรกิจประกันวินาศภัย ซึ่งในระหว่างที่บริษัทมีการดำเนินการเพื่อเลิกประกอบธุรกิจประกันวินาศภัย บริษัทได้มีการยืนยันมาโดยตลอดว่าจะดำเนินการตามมาตรา 57 แห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535 และหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และระยะเวลาให้บริษัทถือปฏิบัติก่อนเลิกประกอบธุรกิจประกันวินาศภัย ทั้งยังปรากฏข้อเท็จจริงว่าบริษัทได้เสนอขอให้ผู้เอาประกันภัยรับคืนเบี้ยประกันภัยตามกรมธรรม์ประกันภัย COVID-19 เต็มจำนวนและยกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยโดยสมัครใจ แต่บริษัทสามารถดำเนินการได้เพียงบางส่วน รวมทั้งมีการโอนกรมธรรม์ประกันภัยประเภทอื่นไปยังบริษัทประกันวินาศภัยอื่น แต่ยังไม่แล้วเสร็จ และต่อมามีผู้เอาประกันภัยเป็นจำนวนมากยื่นเรื่องร้องเรียนบริษัททั้งสองโดยมีสาเหตุจ่ายเคลมล่าช้าตามที่ปรากฏเป็นข่าวแล้ว นั้น
ในเรื่องนี้ สำนักงาน คปภ. ได้เร่งติดตามการดำเนินงานสถานะการเงินของบริษัททั้งสอง ตลอดจนตรวจสอบข้อมูลต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องและใกล้ชิด รวมทั้งได้ประชุมร่วมกับทางบริษัททั้งสองหลายครั้งจนได้ข้อมูลปรากฏพฤติการณ์และหลักฐานต่อนายทะเบียนว่า บริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) มีฐานะการเงินไม่มั่นคง โดยมีหนี้สินเกินกว่าทรัพย์สิน จัดสรรเงินสำรองตามมาตรา 23 และจัดสรรสินทรัพย์หนุนหลังตามมาตรา 27/4 ไม่เพียงพอตามที่กฎหมายกำหนด มีสินทรัพย์สภาพคล่องไม่เพียงพอสำหรับการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน และปรากฏว่าอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนต่ำกว่าเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ทำให้ไม่สามารถมั่นใจได้ว่าบริษัทมีความสามารถในการชำระหนี้ตามภาระผูกพันที่มีต่อผู้เอาประกันภัยหรือประชาชนได้ นอกจากนี้ยังได้รับแจ้งจากบริษัทว่าผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทมีมติที่จะไม่สนับสนุนเงินทุนโดยยังไม่ได้มีเอกสารรายงานประชุมยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษร จึงยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงชัดเจนในเรื่องการเพิ่มทุน หรือแนวทางการแสวงหาเงินทุนหรือแหล่งเงินทุนของบริษัทรวมทั้ง มีการจ่ายค่าสินไหมทดแทนล่าช้า อันเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 36 และมาตรา 37 (11) แห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535 ประกอบกับประกาศกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการและระยะเวลาที่ถือว่าเป็นการประวิงการจ่ายค่าสินไหมทดแทนหรือประวิงการคืนเบี้ยประกันภัยของบริษัทประกันวินาศภัย พ.ศ. 2549 และประกาศคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการชดใช้เงิน หรือค่าสินไหมทดแทนตามสัญญาประกันภัยของบริษัทประกันวินาศภัย พ.ศ. 2559 ทั้งยังคงมีจำนวนค่าสินไหมทดแทนคงค้างจำนวนมากจนส่งผลกระทบต่อฐานะและการดำเนินการของทั้ง 2 บริษัท ตลอดจนชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของธุรกิจประกันภัย
นอกจากนี้ยังตรวจสอบพบว่าบริษัททั้งสองไม่บันทึกรายการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนตามกรมธรรม์ประกันภัย COVID-19 ในสมุดทะเบียนค่าสินไหมทดแทน และสมุดบัญชีของบริษัทเป็นจำนวนมาก ซึ่งตามมาตรา 44 วรรคสองแห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535 กำหนดให้ต้องลงรายการในสมุดทะเบียนและสมุดบัญชีเกี่ยวกับธุรกิจของบริษัท ไม่ช้ากว่าเจ็ดวันนับแต่วันที่มีเหตุอันจะต้องลงรายการนั้น และในวันที่ 16 มีนาคม 2565 ยังได้รับแจ้งจากบริษัททั้งสองว่าไม่สามารถดำเนินการตามเงื่อนไขตามคำขอเลิกประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยของบริษัทได้ จึงขอให้บอร์ด คปภ. และสำนักงาน คปภ. พิจารณาดำเนินการตามที่เห็นสมควรโดยเร็วเพื่อประโยชน์ในภาพรวม
จากข้อเท็จจริงที่ปรากฏตามหลักฐานดังกล่าวข้างต้น นายทะเบียนจึงเห็นว่า บริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัด (มหาชน) และ บริษัทไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) มีฐานะหรือการดำเนินการอยู่ในลักษณะอันอาจเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เอาประกันภัยหรือประชาชน อันเป็นไปตามมาตรา 52 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551 เพื่อให้การกำกับดูแลและติดตามการแก้ไขปัญหาฐานะและการดำเนินการของทั้งสองบริษัทเป็นไปอย่างรอบด้าน ครอบคลุมทั้งการติดตามความมั่นคงทางการเงินและธุรกรรมการดำเนินงานที่ถูกต้องโปร่งใส รวมถึงป้องกันมิให้เกิดความเสียหายต่อผู้เอาประกันภัยและประชาชน ประกอบกับเป็นกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วน หากปล่อยให้เนิ่นช้าไป จะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ประโยชน์สาธารณะ
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 52 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551 ประกอบกับมติคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ในการประชุมครั้งที่ 3/2565 เมื่อวันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2565 นายทะเบียนด้วยความเห็นชอบของคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย จึงมีคำสั่งให้บริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ดำเนินการ ดังต่อไปนี้
หยุดรับประกันวินาศภัยเป็นการชั่วคราว แก้ไขฐานะการเงินให้เพียงพอต่อภาระผูกพันและให้มีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนเพียงพอตามที่กฎหมายกำหนดภายในสามสิบวันนับแต่วันได้รับคำสั่ง
ให้บริษัทดำเนินการขายทรัพย์สินที่บริษัทได้รับอนุญาตให้ขายโดยเร่งด่วน ภายใต้เงื่อนไขที่นายทะเบียนกำหนด และเงินที่ได้รับจากการจัดการทรัพย์สินโดยการขายทรัพย์สินนั้น บริษัทจะต้องนำไปชำระค่าสินไหมทดแทนหรือเป็นค่าเบี้ยประกันภัย ที่ต้องคืนให้แก่ผู้เอาประกันภัย ผู้รับประโยชน์ บุคคลผู้มีสิทธิเรียกร้องหรือผู้ได้รับความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัย และบริษัทต้องเก็บเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับการชำระค่าสินไหมทดแทนหรือเบี้ยประกันภัยเพื่อให้สำนักงานตรวจสอบได้
ให้บริษัทเปิดทำการติดต่อกับประชาชนทุกวันตามประกาศคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยว่าด้วยการกำหนดให้บริษัทประกันวินาศภัยเปิดทำการติดต่อกับประชาชน และจัดหาบุคลากรให้เพียงพอต่อการดำเนินการรับแจ้งการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน การพิจารณาและชดใช้ค่าสินไหมทดแทน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้เอาประกันภัย ผู้รับประโยชน์ บุคคลผู้มีสิทธิเรียกร้องหรือผู้ได้รับความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัย
ให้จัดสรรบุคลากรประจำจุดรับแจ้งการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนที่เปิดดำเนินการ ณ ที่ทำการบริษัทให้เพียงพอ และให้ดำเนินการรับแจ้งการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนตามระยะเวลาทำการติดต่อกับประชาช
ให้บริษัทเร่งดำเนินการตรวจสอบรายการรับแจ้งการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน และเร่งดำเนินการบันทึกลงสมุดทะเบียนโดยเร็วและให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด
ให้บริษัทจัดทำรายงานเกี่ยวกับกรมธรรม์ประกันภัยตามเงื่อนไขที่กำหนด
ให้บริษัทบันทึกรายการในสมุดทะเบียน สมุดบัญชี คำนวณและดำรงเงินสำรองประกันภัยให้ถูกต้อง ครบถ้วนตามกฎหมาย
ให้บริษัทเร่งรัดพิจารณาและชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามสัญญาประกันภัยให้แก่ผู้เอาประกันภัย ผู้รับประโยชน์ บุคคลผู้มีสิทธิเรียกร้องหรือผู้ได้รับความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยให้ครบถ้วนภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด
ให้รายงานความคืบหน้าในการดำเนินการจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
นอกจากนี้ในส่วนของบริษัท ไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ซึ่งรับประกันภัยต่อกับบริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัด (มหาชน) ให้บริษัทเร่งจ่ายค่าสินไหมทดแทน COVID-19 ตามสัญญาประกันภัยต่อกับบริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัด (มหาชน) ให้ครบถ้วนโดยเร็ว
ทั้งนี้ ตามมาตรา 54 แห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535 บัญญัติให้เมื่อนายทะเบียนมีคำสั่งให้บริษัทหยุดรับประกันวินาศภัยเป็นการชั่วคราว ห้ามมิให้กรรมการ พนักงาน และลูกจ้างของบริษัทสั่งจ่ายเงินของบริษัท หรือทำการเคลื่อนย้ายหรือจำหน่ายทรัพย์สินของบริษัท เว้นแต่เป็นการจ่ายเงินเดือนหรือค่าจ้างแก่พนักงานหรือลูกจ้างของบริษัทตามปกติ สำหรับการจ่ายเงินอื่นให้เป็นไปตามที่นายทะเบียนกำหนด รวมถึงให้บริษัทรายงานเป็นหนังสือ
ให้นายทะเบียนทราบถึงบรรดาเจ้าหนี้และลูกหนี้ทั้งหมดของบริษัทภายในระยะเวลาที่นายทะเบียนกำหนด
นอกจากนี้บอร์ด คปภ. ยังมีมติว่าในกรณีที่บริษัททั้งสองไม่สามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาฐานะการเงินและการดำเนินงานตามคำสั่งนายทะเบียนได้อย่างครบถ้วนภายในระยะเวลาที่กำหนดข้างต้น หรือปรากฏข้อเท็จจริงว่าบริษัทมีการดำเนินการที่อาจเข้าข่ายการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมายเพิ่มเติม หรือนายทะเบียนพิจารณาแล้วเห็นว่าหากรอให้ครบกำหนดระยะเวลาที่กำหนดข้างต้นอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้เอาประกันภัยหรือประชาชน ให้สำนักงาน คปภ. ดำเนินการตามมติ คปภ. ครั้งที่ 3/2565 เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2565 ต่อไป
“การออกคำสั่งนายทะเบียนดังกล่าวจะช่วยให้สำนักงาน คปภ. สามารถคุ้มครองสิทธิประโยชน์ประชาชนได้เต็มที่ และตามประกาศนายทะเบียน เรื่อง กำหนดการจ่ายเงินของบริษัท ที่นายทะเบียนมีคำสั่งให้หยุดรับประกันวินาศภัยเป็นการชั่วคราว ทำให้สำนักงาน คปภ. สามารถเข้าไปควบคุมการจ่ายเงินต่าง ๆ ของบริษัทได้ทั้งหมด และจัดการแก้ไขปัญหาการจ่ายค่าสินไหมทดแทนได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยได้แจ้งคำสั่งฯแก่บริษัททั้งสองแล้ว และจะประชุมทำความเข้าใจ ติดตามและตรวจสอบการโอนกรมธรรม์ประกันภัยประเภท non-covid เร่งรัดให้บริษัทจำหน่ายทรัพย์สินตามเงื่อนไขที่กำหนดเพื่อนำเงินมาจ่ายค่าเคลม นอกจากนี้ได้สั่งการไปยังสายตรวจสอบ สายวิเคราะห์ธุรกิจประกันภัย และสายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ ตลอดจนสำนักงาน คปภ. ทั่วประเทศ ตรวจสอบสาขา/สำนักงานตัวแทนของบริษัท ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบและให้ดำเนินการแจ้งการสั่งหยุดรับประกันวินาศภัยเป็นการชั่วคราว เพื่อป้องกันไม่ให้บริษัท/ตัวแทน/นายหน้าประกันภัยขายกรมธรรม์รายใหม่ในระหว่างการหยุดรับประกันภัย พร้อมทั้ง ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะเจ้าหน้าที่เข้าไปประจำที่บริษัทอย่างเต็มพิกัด เพื่อควบคุมให้บริษัทดำเนินการให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน หากพบว่าบริษัทไม่ได้ดำเนินการตามเงื่อนไขที่กำหนด ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้เอาประกันภัยหรือประชาชน ก็จะดำเนินการตามมาตรการทางกฎหมายในระดับที่เข้มข้นยิ่งขึ้นต่อไป สำหรับการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการและผู้บริหารของบริษัททั้งสอง สำนักงาน คปภ. จะตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ หากพบว่ามีการกระทำความผิดจะดำเนินการตามมาตรการทางกฎหมายอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ หากประชาชนมีข้อสงสัยหรือไม่ได้รับความเป็นธรรม ติดต่อได้ที่สายด่วน คปภ. 1186 หรือ www.oic.or.th” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย
AIS จับมือ OPPO เปิดตัว OPPO Find X8 Series สมาร์ทโฟนแฟลกชิป รุ่นล่าสุด ในราคาเริ่มต้นเพียง 18,999 บาท พร้อมมอบข้อเสนอสุดพิเศษให้กับลูกค้า AIS…
ออเนอร์ กรุ๊ป เปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมสุดหรู "Once Wongamat" บนทำเลทองวงศ์อมาตย์ ชูจุดเด่นการออกแบบที่ผสานความหรูหรา และความยั่งยืนเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ กลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ ออเนอร์ กรุ๊ป (Honour Group)…
บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด มอบประกันอุบัติเหตุจากกรุงไทย แอกซ่า ฟรี 30 ต้อนรับเทศกาลปีใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม - 31 ธันวาคม 2567…
พฤกษา โฮลดิ้ง ไม่หยุดยั้งที่จะสร้างสรรค์สังคมแห่งโอกาสที่เท่าเทียม เดินหน้าสู่ปีที่ 6 ของโครงการ “บ้านใส่ใจเพื่อคนพิการ By PRUKSA” โดยผนึกกำลังร่วมกับ โรงพยาบาลวิมุต และ อินโนโฮม คอนสตรัคชัน ในเครือ…
บาร์บีคิวพลาซ่า จับมือ วิตอะเดย์ สร้างปรากฏการณ์ใหม่ในวงการน้ำดื่มผสมวิตามิน ส่ง "วิตอะเดย์ กะหล่ำปลี วอเตอร์" รสชาติสุดว้าว พร้อมดึงพี่ GON ร่วมสร้างสีสัน เอาใจสายเฮลท์ตี้ แถมโปรโมชั่นสุดคุ้มชุดประหยัดหมู 2…
เคยไหม? เลื่อนฟีดโซเชียลมีเดียแล้วเจอคลิปโป๊ ๆ ของคนดัง หรือแม้แต่คนรู้จัก แต่เอะใจว่า...มันดูแปลก ๆ เหมือนไม่ใช่ตัวจริง นั่นอาจเป็นเพราะคุณกำลังเผชิญหน้ากับ "Deepfake Porn" ภัยร้ายยุค AI ที่กำลังระบาดหนักอยู่ในขณะนี้ Deepfake…