นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวปาฐกถาในงาน National Director Conference 2019 ที่ทางสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) จัดขึ้น โดยระบุว่า ต้องขอบคุณ IOD ที่ให้ความสำคัญในเรื่องของธรรมาภิบาลของสังคม โดยที่ผ่านมาหลายบริษัทรอบโลกคำนึงเพียงผลประโยชน์ระยะสั้นเป็นหลัก โดยไม่คำนึงถึงผลระยะยาวที่จะกระทบกับสังคมและสิ่งแวดล้อมทำให้เกิดปัญหาในภายหลังและก่อให้เกิดปัญาสะสมในสังคมมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ ไทยก็ประสบปัญหาด้านความเหลื่อมล้ำและบุคคลส่วนใหญ่ติดกับดักหนี้อยู่มาก ส่วนหนึ่งมากจากภาคธุรกิจกระตุ้นให้มีการซื้อสินค้าเกินความจำเป็น ตลอดจนมองไม่เห็นถึงความสำคัญปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ทำให้ภาคธุรกิจเกิดผลกระทบตามมามากมายจนต้องปิดกิจการลงได้
อย่างไรก็ตาม การสร้างความเปลี่ยนแปลงในด้านการดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืนจะเป็นโจทย์ท้าทาย ในอนาคตให้กับทุกภาคส่วน ซึ่งในยุคที่ปัญหาต่างๆมีความรุนแรงขึ้น หากภาคธุรกิจเริ่มหันมาสร้างวัฒนธรรมองค์กร และคำนึงถึงความเสี่ยงอย่างรอบด้าน ให้ความสำคัญของธรรมมาภิบาลที่ดีภายในองค์กร ทั้งด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม พร้อมนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาปรับใช้ให้บริษัทเกิดการปรับตัวพัฒนาได้รวดเร็ว ก็จะเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น เนื่องจากสถาบันการเงินต่างๆ มีความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ เนื่องมองว่า หากบริษัทใดที่ทำธุรกิจอย่างยั่งยืน คำนึงถึงธรรมาภิบาลมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม จะได้ผลตอบแทนในระยะยาวมากกว่าการลงทุนในบริษัททั่วไป ทั้งนี้เชื่อว่า หากบริษัทที่ให้ความใส่ใจ ถ้าสิ่งแวดล้อมและมีความรับผิดชอบต่อสังคมมากขึ้น จะทำให้ธุรกิจมีความยั่งยืนในอนาคต
นอกจากนี้ นายวิรไท ยังกล่าวอีกว่า ทางสถาบันการเงินๆ กำลังขับเคลื่อนแนวคิดในการดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับการยกระดับธรรมาภิบาลองค์กร สร้างวัฒนธรรมที่เข้มแข็งและคำนึงถึงความเสี่ยงและให้ความเป็นธรรมต่อผู้บริโภค สนับสนุนการทำธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่นเดียวกับ ธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ได้ออกมาตรการต่างๆเพื่อควบคุมและสร้างวินัยทางการเงินให้กับประชาชนมากขึ้นเช่นกัน