กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ จะนำคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมประชุมเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย – ตุรกี ครั้งที่ 5 ณ สาธารณรัฐตุรกี เน้นหารือการเปิดตลาดสินค้า และการลดภาษีศุลกากรระหว่างกัน พร้อมเร่งสานต่อการเจรจาข้อบทว่าด้วยการค้าสินค้า มาตรการเยียวยาทางการค้า และมาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช คาดสรุปผลการเจรจาได้ภายในปี 2563 พร้อมผลักดันมูลค่าการค้าสองฝ่ายให้ถึง 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายหลังการจัดทำความตกลงฯ
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า จะเดินทางพร้อมคณะผู้แทนไทย ได้แก่ กรมการค้าต่างประเทศ กรมศุลกากร กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เข้าร่วมการประชุมเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย – ตุรกี ครั้งที่ 5 ซึ่งตุรกีเป็นเจ้าภาพจัดขึ้น ระหว่างวันที่ 10 – 12 เมษายน 2562 ณ กรุงอังการา สาธารณรัฐตุรกี สำหรับการเจรจารอบนี้เน้นหารือรายละเอียดการเปิดตลาดสินค้าและการลดภาษีศุลกากรที่ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนข้อเสนอเปิดตลาดสินค้าเบื้องต้น (Initial Offer) ระหว่างกันไปแล้วก่อนหน้านี้ โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่มคือ กลุ่มยกเลิกภาษี กลุ่มทยอยลดภาษี และกลุ่มอ่อนไหวสูง รวมทั้งจะสานต่อการเจรจาจัดทำข้อบทต่างๆ ซึ่งค้างจากการประชุมครั้งก่อนที่ไทยเป็นเจ้าภาพเมื่อเดือนธันวาคม 2561 โดยคาดว่าจะสามารถได้ข้อสรุปเกี่ยวกับข้อบทสำคัญของความตกลงเอฟทีเอไทย – ตุรกี ในการเจรจารอบนี้ อาทิ ข้อบทว่าด้วยการค้าสินค้า มาตรการเยียวยาทางการค้า และมาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช ซึ่งจะทำให้การเจรจามีความคืบหน้าตามแผนที่วางไว้ และสามารถสรุปผลการเจรจาได้ภายในปี 2563
นางอรมน กล่าวเสริมว่า ไทยให้ความสำคัญกับการเจรจาจัดทำเอฟทีเอไทย – ตุรกี เนื่องจากจะเป็นประโยชน์ต่อการขยายการค้าและการลงทุนระหว่างกัน โดยมุ่งเน้นการขจัดอุปสรรคทางการค้า ทั้งในด้านภาษีและที่ไม่ใช่ภาษี ตลอดจนการเพิ่มการอำนวยความสะดวกทางการค้าการลงทุน ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถผลักดันมูลค่าการค้าสองฝ่ายให้ถึง 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายหลังการจัดทำความตกลงฯ สำหรับสินค้าสำคัญของไทยที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากเอฟทีเอไทย – ตุรกี เช่น พืชเส้นใย ขนสัตว์และไหม สิ่งทอ ยานยนต์และชิ้นส่วน เคมีภัณฑ์อินทรีย์ พลาสติกและผลิตภัณฑ์จากพลาสติก ยางและผลิตภัณฑ์จากยาง หม้อไอน้ำ เครื่องจักร อุปกรณ์ไฟฟ้า และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น
ในปี 2561 ตุรกีเป็นคู่ค้าอันดับที่ 36 ของไทยในตลาดโลก และเป็นอันดับ 4 ในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยมีมูลค่าการค้าระหว่างกัน 1,427.02 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไทยส่งออกไปตุรกีมูลค่า 1,082.22 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้าจากตุรกีมูลค่า 344.80 ล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ ตุรกีถือเป็นตลาดใหม่ขนาดใหญ่ของไทย มีประชากรกว่า 80 ล้านคน และมีนักท่องเที่ยวประมาณ 40 ล้านคน อีกทั้งยังตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์การค้าที่สำคัญ เชื่อมต่อระหว่างเอเชียกับยุโรป และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง จึงสามารถเชื่อมโยงไปสู่ตลาดยุโรป ตะวันออกกลาง รวมทั้งแอฟริกาตอนเหนือได้อีกด้วย
เซ็นทรัลพัฒนา ผนึกกำลังกับพันธมิตรชั้นนำด้าน Edutainment กว่า 300 สถาบัน รวมถึง Playland สุดฮิต จัดแคมเปญ The Little Campus 2024 เปลี่ยนศูนย์การค้าเซ็นทรัลให้เป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้…
เดนทิสเต้ เดินหน้านำ 3 กิจกรรมสุดยิ่งใหญ่เหนือใคร พาศิลปินระดับโลกชาวไทยอย่าง “ลิซ่า ลลิษา มโนบาล” ซึ่งเป็นหนึ่งในครอบครัวเดนทิสเต้ ในฐานะ Brand Ambassador ของประเทศไทย มาสร้างประสบการณ์สุดพิเศษให้กับแฟนๆ ชาวไทยผ่าน…
พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ปิดดีลขายที่ดิน 2 แปลง รับ 700 ล้านบาท พร้อมออกหุ้นกู้ 2 ชุด ดอกเบี้ยสูง 7% และ 7.25%…
กรุงเทพมหานคร (กทม.) โดยสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร ร่วมกับ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่ชาติ (เนคเทค สวทช.) และ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) จัดกิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติ Digital…
นายวิทยา พันธุ์มงคล รักษาการแทน ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ รฟม. ได้ดำเนินการตามนโยบายอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสูงสุด 20 บาท ซึ่งเป็นหนึ่งนโยบาย Quick Win “คมนาคม…
กฟผ. ร่วมออกบูท EGAT EV Business Solutions (บูท EV3/2) ในงาน Bangkok EV Expo 2024 เพื่อส่งต่อความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในการพัฒนาและการบริหารจัดการเครือข่ายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า…