จุดเริ่มต้นของการ “ฟรีค่าธรรมเนียม” การทำธุรกรรมผ่านมือถือ ของธนาคาร รวมถึงธุรกรรมต่างๆ เรียกได้ว่า ผู้บุกเบิกคือ บัญชี ทีเอ็มบี ออลล์ ฟรี ของ ธนาคารทีเอ็มบี หรือ ทหารไทย ที่ให้บริการประชาชนมาระยะหนึ่ง ด้วยข้อเสนอ ฟรีโอนเงินข้ามธนาคาร ข้ามจังหวัด ฟรีค่าธรรมเนียมกดเงินทุกตู้ ทุกธนาคารทั่วไทย รวมทั้งจ่ายบิลค่าไฟฟ้า ค่าโทรศัพท์ เติมเงินฟรี ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ซึ่งก็ได้รับความนิยมจากประชาชนในระดับหนึ่ง แต่ด้วยความที่ขนาดของฐานลูกค้าของธนาคารอยู่ในระดับกลาง จึงทำให้บริการยังไม่เป็นที่แพร่หลายมากนัก
แต่แรงกระเพื่อมที่สำคัญที่ ทำให้เกิดมหกรรมโดมิโน่ “ฟรีค่าธรรมเนียม” เพิ่งมาเกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานี่เอง ผู้กล้ารายแรกที่ประกาศคือ ธนาคารไทยพาณิชย์ จัดหนักจัดเต็มด้วย การประกาศฟรี 5 ค่าธรรมเนียม การโอนเงินข้ามเขต, ต่างธนาคาร, เติมเงิน, จ่ายบิล และการกดเงินโดยไม่ใช้บัตรข้ามเขตธนาคาร !!! ถัดมาเพียงวันเดียว ธนาคารกสิกรไทย สวนกลับ จัดฟรีค่าธรรมเนียม ทั้งโอน, เติม, จ่ายบิล สำหรับลูกค้าผ่าน 4 ช่องทาง คือ K PLUS, K PLUS SME, K-Cyber และ K-Cyber SME
ตามติดมาด้วยธนาคารกรุงไทย ประกาศฟรีค่าธรรมเนียม การโอนข้ามเขต, ต่างธนาคาร และการจ่ายบิลสินค้า และบริการ รวมทั้งเติมเงิน ผ่าน KTB netbank และปิดท้ายที่ ธนาคารกรุงเทพ ยกเว้นค่าธรรมเนียม ธุรกรรมผ่านบัวหลวง เอ็มแบงก์กิ้ง และไอแบงก์กิ้ง ทั้งโอนข้ามเขต ,ต่างธนาคาร, พร้อมเพย์, ชำระบิล และเติมเงิน ส่วนในช่วง 1-30 เมษายนนี้ จัดฟรีค่าธรรมเนียม เอทีเอ็มถอนเงินข้ามเขต และโอนเงินไปยังบัญชีต่างธนาคาร สำหรับการทำธุรกรรมผ่านตู้บัวหลวง
ซึ่งหลังจากที่ธนาคารขนาดใหญ่ของประเทศทั้ง 4 แห่งประกาศมาเช่นนี้ ก็ทำให้บรรดาธนาคารขนาดกลาง และขนาดเล็กลงมา ต่างทยอยกันประกาศ “ฟรีค่าธรรมเนียม” ด้วยเช่นกัน ไล่เรียงกันมาตั้งแต่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, ธนาคารธนชาต, ธนาคารเกียรตินาคิน, ธนาคารแอล เอชแบงก์และล่าสุดไม่ใช่แค่ธนาคารพาณิชย์เท่านั้น การแข่งขันในด้านการลดค่าธรรมเนียม ยังลุกลามมาถึงธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ เริ่มจากธนาคารออมสินที่ถือ ฤกษ์วันก่อตั้งธนาคาร 1 เมษายน 2561 ประกาศงดค่าธรรมเนียมเป็นวันแรก ขณะที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ก็ประกาศว่ายกเว้นค่าธรรมเนียม ตั้งแต่ วันที่ 2 เมษายน 2561เป็นต้นไป
คาดธนาคารสูญเงินหลัก 9,000 ล้านบาท ทำไม? เพราะอะไร?
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย โดยคุณธัญญลักษณ์ วัชระชัยสุรพล รองกรรมการผู้จัดการ เผยว่า ในปีที่ผ่านมาทุกธนาคารพาณิชย์ มีรายได้จากค่าธรรมเนียมถึง 1.89 แสนล้านบาท คิดเป็น 24 % จากรายได้โดยรวมของธนาคารพาณิชย์ นอกเหนือจากรายได้ดอกเบี้ย และการปริวรรตเงินตรา โดยผลกระทบจากสงครามค่าธรรมเนียมครั้งนี้ อาจทำให้ธนาคารต้องสูญเสียรายได้ในปีแรกไปประมาณ 9,000 ล้านบาท หรือ 7 % จากค่าธรรมเนียมโดยรวม
หลายคนอาจสงสัยแล้วนะครับว่า แล้วทำไมธนาคารต้องทุบหม้อข้าวตัวเอง สาเหตุสำคัญก็มาจากแนวโน้มพฤติกรรมของผู้บริโภคนี่แหละครับ รวมถึงการส่งเสริมจากภาครัฐที่ทำให้เทรนด์การเปลี่ยนแปลงไปสู่สังคมไร้เงินสด มาเร็ว และแรงกว่าที่คิด โดยบริการพร้อมเพย์ ที่เปิดใช้บริการมาในรอบปีเศษๆ ณ ตอนนี้มีปริมาณธุรกรรมทะลุ 5 แสนล้านบาท ไปแล้ว ด้วยจำนวนผู้ใช้หลัก 39 ล้านเลขหมาย อัตราการเติบโตหลัก 20-30 % ด้วยจุดขายฟรีค่าธรรมเนียมการโอน สำหรับยอดธุรกรรมที่ต่ำกว่า 5,000 บาท จุดนี้ก็นับเป็นผลกระทบต่อรายได้ค่าธรรมเนียมของธนาคารอยู่แล้ว
นอกจากนี้การแข่งขันจากธุรกิจอื่นๆ ที่ไม่ใช่ธนาคาร ในตลาดการเงิน และช่องทางชำระเงินออนไลน์ ยังมีผู้เล่นอื่นๆ ทั้ง อีคอมเมิร์ส ธุรกิจค้าปลีก ผู้ให้บริการโทรคมนาคม ยังไม่นับรวมกลุ่มฟินเทค อีวอลเลต และนวัตกรรมบล็อคเชน ที่จะเข้ามามีบทบาทเพิ่มขึ้นในอนาคต
นี่จึงเป็นสาเหตุที่ธนาคารเลือกที่จะ ตัดรายได้ค่าธรรมเนียมของตัวเอง ทั้งเพื่อช่วงชิงลูกค้า และเพื่อรักษาฐานลูกค้าของตัวเองไว้ให้ได้มากที่สุด นั่นเพราะ “ฐานข้อมูลลูกค้า” คือสิ่งที่สำคัญที่สุดของการดำเนินธุรกิจในยุคนี้ สิ่งที่ธนาคารจะได้รับ ก็คือการที่สามารถส่งผลิตภัณฑ์ทางการเงิน เช่น สินเชื่อ เงินฝาก หรือการลงทุน ให้ถึงมือลูกค้าได้เร็วที่สุด ซึ่งในทุกวันนี้ก็เริ่มเห็นภาพชัดกันบ้างแล้ว
เช่น ในช่วงสิ้นปีที่เข้าสู่ช่วงฤดูกาลลดหย่อนภาษี ธนาคารก็สามารถส่งตรงผลิตภัณฑ์ LTF หรือประกันชีวิต ให้ถึงมือลูกค้าของตัวเองที่มีฐานรายได้เข้าเกณฑ์ต้องเสียภาษี
…หรือในช่วงสิ้นเดือนที่ขาดสภาพคล่องในครัวเรือน ธนาคารก็อาจส่งตรงสินเชื่อส่วนบุคคลให้ถึงมือลูกค้า โดยอาศัยการวิเคราะห์จากฐานข้อมูลที่มี
… หรือแม้แต่ในช่วงมหกรรมสำคัญ เช่น มอเตอร์โชว์ ที่เลือกส่งตรงสินเชื่อเช่าซื้อด้วยสิทธิพิเศษ ให้กับลูกค้าของตัวเอง
ทั้งหมดนี้จะสามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว และวิเคราะห์ได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย หากมีฐานข้อมูลอยู่ในมือ
ยังไม่นับรวมต้นทุนการจัดการเงินสดของธนาคาร ที่จะลดลงจากการดำเนินธุรกรรมออนไลน์ด้วย ดังนั้นแม้ในช่วงเปลี่ยนผ่านอาจต้องมีการเสียเลือดกันบ้างสำหรับธนาคารพาณิชย์ แต่เชื่อเหลือเกินว่าในระยะยาวแล้ว ผลกระทบจะค่อยๆ จำกัดลง จากฐานรายได้ของธนาคารในส่วนอื่นๆ ที่จะเข้ามาชดเชยส่วนที่หายไป
ตู้เติมเงิน ผู้ให้บริการจ่ายบิล อี-วอลเล็ต กระอัก
การประกาศฟรีค่าธรรมเนียมของธนาคาร เปรียบได้กับการ Disrupt ตัวเอง ก่อนที่จะถูกธุรกิจอื่นๆ มา Disrupt นั่นเพราะทุกวันนี้ ผู้ให้บริการชำระเงินที่มีมากมายหลากหลายประเภท เริ่มกินส่วนแบ่งช่องทางการชำระเงินของธนาคารมากขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงก่อนที่จะมีการประกาศฟรีค่าธรรมเนียม
เริ่มจากผู้ประกอบการอี-วอลเล็ต หรือกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ ที่ได้รับดอกเบี้ยจากเงินที่โอนเข้ามาพักในระบบ เช่น ทรู มันนี่ ซึ่งให้บริการจ่ายบิล โอนเงิน โดยฟรีค่าธรรมเนียมมาหลายปีแล้ว, ผู้ให้บริการจ่ายบิล เช่น เคาน์เตอร์ เซอร์วิส ที่ให้บริการผ่าน 7-11 ซึ่งมีจุดแข็งด้วยสาขาที่ครอบคลุมถึงชุมชน และได้รับความนิยมอย่างสูง จนกระทั่งการเกิดขึ้นของโมบายแบงกิ้ง ที่ทำให้การจ่ายบิลทำได้ทุกที่ ทุกเวลา ไปจนถึงสารพัดตู้เติมเงิน ที่รับจ่ายสารพัดบิล ทั้งหมดนี้ได้รับผลกระทบหนักจากการประกาศฟรีค่าธรรมเนียมของธนาคารพาณิชย์ในครั้งนี้
อย่างไรก็ตามไม่ใช่ประชาชนทุกกลุ่ม ที่จะหันไปชำระ หรือทำธุรกรรม ผ่านช่องทางออนไลน์กันทั้งหมด ต้องไม่ลืมว่าไทยเรา เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุระยะเริ่มต้นแล้ว หากธุรกิจมีการปรับตัวหรือต่อยอดผลิตภัณฑ์ตัวเอง ทำตลาดเฉพาะเจาะจงมากขึ้น ก็จะยังสามารถอยู่รอดต่อไปได้ หนำซ้ำยังอาจเกิดผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ตรงกลุ่มลูกค้ามากยิ่งขึ้นด้วย
ผู้บริโภคมีแต่ “ได้กับได้”
จากสงครามค่าธรรมเนียมครั้งนี้ กลุ่มคนที่ “มีแต่ได้ ไม่มีเสีย” ก็คือผู้บริโภคนั่นเอง ต้องยอมรับว่าในปัจจุบันสังคมไร้เงินสดของไทยเห็นภาพชัดมากขึ้นเรื่อย ตามที่ผมได้เรียนไปตั้งแต่ช่วงแรก หลักฐานหนึ่งก็คือ การชำระเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์นั่นเอง ปัจจุบันนี้หากเราวัดในเชิงมูลค่า แม้การจะยังมีสัดส่วนกว่า 30 % และอีก 70 % เป็นการชำระเงินด้วยเช็ค และเงินสด แต่หากวัดกันในเชิงปริมาณแล้วกลับกลายเป็นว่า การชำระเงินในช่องทางอิเล็กทรอนิกส์มีสัดส่วนแซงหน้าคือสูงกว่า 57 %ไปแล้ว ส่วนอีก 43 % คือการชำระผ่านเช็ค และเงินสด
นี่คือสิ่งที่สะท้อนได้ว่าปริมาณธุรกรรมการเงินเกินกว่าครึ่ง จะได้ประโยชน์จากการประกาศฟรีค่าธรรมเนียมในครั้งนี้
… ต่อไปบรรดาพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ คงไม่ต้องไปเปิดบัญชีหลากหลายธนาคาร เพียงเพื่อให้รองรับบัญชีที่ใช้โอนเงินจากลูกค้า…
… ลูกค้าคงไม่ต้องซื้อสินค้าที่แพงขึ้น จากค่าธรรมเนียมในการโอนต่างแบงก์…
… เวลาจ่ายบิลคงไม่ต้องเดินไปไหนไกล จ่ายง่ายๆ ผ่านคิวอาร์โค้ดบนมือถือ
… ในแง่การเข้าถึงแหล่งเงินในระบบ ของผู้ค้ารายย่อย ก็มีโอกาสสูงขึ้น พูดง่ายๆ ก็คือมีโอกาสกู้ได้ง่ายขึ้นนั่นเอง จากรายการเดินบัญชีที่มีหลักฐานชัดเจน ฯลฯ
ประโยชน์ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ผู้บริโภคจะได้รับ เพราะกำแพงที่มีชื่อว่า “ค่าธรรมเนียม” ได้ถูกสารพัดธนาคารทุบทิ้งไปหมดแล้วนั่นเอง ….. ว่าแล้ว ผมก็ขอจ่ายค่าไฟผ่านมือถือก่อนแล้วกัน เกือบลืม จ่ายฟรีด้วย !!!…
ฐิติกร ทิพย์มณเฑียร
อุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกกำลังเผชิญกับคลื่นแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดจากนานาประเทศ ความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ต้นทุนการผลิตที่พุ่งสูงขึ้น และความซับซ้อนของห่วงโซ่อุปทาน ผู้ผลิตรถยนต์จึงเร่งนำเทคโนโลยีคลาวด์และปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาปรับใช้เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจอย่างเต็มกำลัง ในปี 2024 นี้ ผู้เล่นหลักในอุตสาหกรรมยานยนต์ได้เริ่มนำ AI และ generative…
ราคาทองคำยังคงยืนหยัดในระดับสูง ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) ตั้งไว้ที่ 3,000-3,100 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ โดยมีแรงหนุนสำคัญจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลก ฐิภา นววัฒนทรัพย์…
บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว NEW MG…
Infinix (อินฟินิกซ์) เดินหน้าสร้างปรากฏการณ์ใหม่ในวงการเทคโนโลยี เปิดตัวนวัตกรรม SolarEnergy-Reserving Technology และ E-Color Shift 2.0 ในงาน ShowStoppers Mobile World Congress…
ไปรษณีย์ไทย เปิดตัวแสตมป์ที่ระลึกสุดพิเศษ เนื่องในโอกาสวันสตรีสากล 8 มีนาคม พ.ศ. 2568 ภายใต้แนวคิด "พระแม่โพสพ" เทพีแห่งความอุดมสมบูรณ์และสัญลักษณ์แห่งความอ่อนโยนของสตรีไทย ผู้ซึ่งเปี่ยมด้วยความเมตตา เสียสละ และหล่อเลี้ยงสังคมไทยมาอย่างยาวนาน โดยแสตมป์ชุดนี้จะวางจำหน่ายพร้อมกันทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 8…
เซ็นทรัลพัฒนา ร่วมเฉลิมฉลองวันสตรีสากลโลก 2025 อย่างยิ่งใหญ่ ด้วยแคมเปญ "YES GIRL, YOU CAN" สอดรับธีม "Accelerate Action" ระดับโลก มุ่งหวังสร้างสังคมแห่งความเท่าเทียม พร้อมส่งต่อแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงกล้าลงมือทำ…