ผลสำรวจสุดยอดเมืองจุดหมายปลายทางโลกของมาสเตอร์การ์ด ด้านการใช้จ่ายทางด้านอาหารและการชอปปิ้ง (GDCI: Indulgences) ของนักท่องเที่ยวในเมืองต่างๆทั่วโลก พบว่ากรุงเทพฯ ติดอันดับที่ 3ของเมืองที่มีการใช้จ่ายด้านอาหารมากที่สุด รองจากเมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เมืองปัลมาแห่งเกาะมายอร์กาในประเทศสเปน ตามลำดับ และติดอันดับที่ 6 ของเมืองที่มีการใช้จ่ายด้านการชอปปิ้งมากที่สุด อีกด้วย
ผลสำรวจ GDCI: Indulgences นี้เป็นส่วนหนึ่งของผลสำรวจเมืองสุดยอดเมืองสุดยอดจุดหมายปลายทางของโลกของมาสเตอร์การ์ด (Mastercard Global Destination Cities Index – GDCI) เพื่อจัดอันดับเมืองที่นักท่องเที่ยวเข้ามาพักแรม และจับจ่ายใช้สอยในระยะหนึ่งปีที่ผ่านมา โดยผลสำรวจในปี 2561 ระบุว่า กรุงเทพฯ คือเมืองสุดยอดจุดหมายปลายทางอันดับ 1 ของโลกต่อเนื่องกันเป็นปีที่ 3 โดยมีภูเก็ตและพัทยาติดอยู่ใน 20 อันดับแรก คืออันดับที่ 12 และ 18 ตามลำดับ ส่งผลให้ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวที่มีเมืองติดอันดับสูงสุด 20 อันดับแรกถึง 3 เมือง
ผลสำรวจสุดยอดเมืองจุดหมายปลายทางโลกของมาสเตอร์การ์ด ด้านการใช้จ่ายทางด้านอาหารและการชอปปิ้ง (GDCI: Indulgences) ของนักท่องเที่ยวในเมืองต่างๆทั่วโลก นี้ไม่ได้เผยแค่ตัวเลขการจับจ่ายใช้สอยเท่านั้น แต่ยังชี้ให้เห็นถึงนัยยะสำคัญทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากการใช้จ่ายดังกล่าวอีกด้วย
สุดยอดเมืองจุดหมายปลายทางของโลกในด้านอาหารและเครื่องดื่ม
กรุงเทพฯ เมืองที่ขึ้นชื่อด้านอาหารและวัฒนธรรมติดอยู่ในอันดับที่ 3 ของเมืองที่มีการใช้จ่ายด้านอาหารมากที่สุด โดยนักท่องเที่ยวจับจ่ายไปราว 108,000 ล้านบาท (3,380 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) หรือคิดเป็น 20.6 เปอร์เซ็นต์ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด เมืองปัลมาแห่งเกาะมายอร์กาในประเทศสเปน ครองอันดับที่ 2 ด้วยจำนวนเงิน 121,000 ล้านบาท (3,780 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ตามหลังอันดับหนึ่งอย่างดูไบประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ที่มีการใช้จ่ายราว 190,000 ล้านบาท (5,940 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
สิงคโปร์และลอนดอนก็ติดอยู่ใน 10 อันดับแรกในด้านการใช้จ่ายเกี่ยวกับอาหารและเครื่องดื่มเช่นเดียวกัน แต่ไม่ถือว่าโดดเด่นเมื่อเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์ของการใช้จ่ายทั้งหมดคือ 12.9% และ 17.6% ตามลำดับ
สุดยอดเมืองจุดหมายปลายทางของโลกในด้านการชอปปิ้ง
ผลสำรวจนี้ ยังเผยอีกว่านักท่องเที่ยวใช้เงินจำนวนมากไปกับการชอปปิ้งในเมืองดูไบและลอนดอน ไม่ว่าจะเป็นการซื้อเสื้อผ้า ของฝากหรือสินค้าอื่นๆ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่ไปเยือนลอนดอน โซล และ โจฮันเนสเบิร์กนั้น อาจจะต้องเตรียมกระเป๋าใบใหญ่ขึ้น เนื่องจากใช้จ่ายไปกับการซื้อสินค้าต่างๆ สูงกว่า 40 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายทั้งหมด
กรุงเทพฯ เองก็ถือว่าเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงทางด้านการชอปปิ้ง โดยครองอันดับที่ 6 โดยนักท่องเที่ยวใช้จ่ายราว 120,000 ล้านบาท (3,750 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) คิดเป็น 23 เปอร์เซ็นต์ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด
จากข้อมูลข้างต้น 8 จาก 10 อันดับแรกของเมืองที่ขึ้นชื่อด้านอาหาร และ 7 จาก 10 อันดับแรกของเมืองที่ขึ้นชื่อด้าน ชอปปิ้งนั้นยังเป็นส่วนหนึ่งของ Mastercard Priceless Cities ที่นักท่องเที่ยวจาก 90 ประเทศสามารถสัมผัสประสบการณ์อันเป็นเอกลักษณ์และน่าจดจำในเมืองกว่า 40 เมืองทั่วโลก
“การรับประทานอาหารและการชอปปิ้งถือเป็นสิ่งที่ผู้คนทั่วโลกใช้เพื่อเข้าถึงวัฒนธรรมท้องถิ่น ประเพณีและประวัติศาสตร์ และมาสเตอร์การ์ดได้สร้างเสริมประสบการณ์ในเมืองที่น่าตื่นตาตื่นใจให้กับนักท่องเที่ยวผ่านโปรแกรม Priceless Cities รวมไปถึงกรุงเทพฯ ที่ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อนในโรงแรมบูทีค หรือลองชิมอาหารขึ้นชื่อของประเทศไทย มาสเตอร์การ์ดเชื่อมั่นว่าการเปิดประสบการณ์สู่สิ่งใหม่ๆ จะสร้างความทรงจำที่น่าประทับใจให้นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก” มร.โดนัลด์ ออง ผู้อำนวยการประจำประเทศไทยและเมียนมาร์ของมาสเตอร์การ์ด กล่าว
มาสเตอร์การ์ดมุ่งมั่นที่จะช่วยให้ผู้ถือบัตรได้ท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่างๆ อย่างสะดวกสบาย ราบรื่นและไร้กังวลโดยมีร้านค้าหลายล้านแห่งในเมืองจุดหมายปลายทางทั่วโลกที่รับชำระค่าบริการผ่านบัตรมาสเตอร์การ์ด พร้อมทั้งข้อเสนอสุดพิเศษเพื่อช่วยให้ทุกการเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่น ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถเข้าชมได้ที่ mastercard.com