กระทรวงแรงงานแนะนายจ้างกำชับแรงงานเมียนมาที่ได้รับการผ่อนผันให้อยู่ในประเทศไทย ตามมติครม. 13 ก.ค. 64 วางแผนเข้ารับบริการ ณ ศูนย์ CI โดยเร็ว หลีกเลี่ยงความแออัดจากการใช้บริการพร้อมกันช่วงใกล้สิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของประชาชน สังคมโดยรวมของประเทศ และสภาพเศรษฐกิจ รวมถึงการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติจำนวนมากที่เป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมในประเทศไทย จากอุปสรรคที่เกิดขึ้นภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว การไม่สามารถเดินทางกลับประเทศต้นทางเพื่อจัดทำเอกสารประจำตัวฉบับใหม่ได้นั้น เป็นปัญหาเร่งด่วนที่จำเป็นต้องแก้ไข เนื่องจากจะส่งผลให้การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรและอนุญาตให้ทำงานสิ้นสุดลงโดยผลของกฎหมาย หากแรงงานต่างด้าวไม่มีเอกสารรับรองบุคคล (Certificate of Identity: CI) ฉบับใหม่ เพื่อขอตรวจลงตราอยู่ต่อในราชอาณาจักรกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองภายในกำหนดเวลา
ความสำคัญการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว และการป้องกันไม่ให้นายจ้าง/สถานประกอบการที่ใช้แรงงาน 3 สัญชาติ ประสบปัญหาขาดแคลนแรงงาน โดยเฉพาะแรงงานสัญชาติเมียนมาที่เป็นกลุ่มแรงงาน
ที่มีจำนวนมากที่สุดในประเทศไทย ซึ่งการจัดตั้งศูนย์พิจารณาอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร อนุญาตให้ทำงาน และออกเอกสารรับรองบุคคล (Certificate of Identity: CI) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2564 ในประเทศไทย ทั้ง 5 แห่ง ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี เชียงใหม่ ระนอง สมุทรปราการ และสมุทรสาครนั้น จะทำให้แรงงานเมียนมาสามารถขอรับเอกสารรับรองบุคคล (CI) ฉบับใหม่โดยไม่ต้องเดินทางกลับประเทศของตน หลีกเลี่ยงความยุ่งยากและค่าใช้จ่ายจากการกักตัว
ตามมาตรการด้านสาธารณสุขที่จะเกิดกับนายจ้างได้ จึงขอความร่วมมือแรงงานสัญชาติเมียนมาตามมติครม. วันที่ 13 ก.ค. 64 มาดำเนินการตามขั้นตอนภายในวันที่ 1 ส.ค. 65 ณ ศูนย์ CI ที่ตั้งอยู่ใกล้กับสถานที่ทำงานของแรงงานเมียนมาหรือศูนย์ CI ที่สามารถเดินทางได้สะดวก เพื่อให้มีเอกสารประจำตัวฉบับใหม่ในการขออยู่ต่อและทำงานในราชอาณาจักร
ต่อไปได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าว
ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า ศูนย์พิจารณาอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร อนุญาตให้ทำงาน และออกเอกสารรับรองบุคคล (Certificate of Identity: CI) ตามมติครม.เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 64 มีเป้าหมายให้บริการแก่แรงงานสัญชาติเมียนมาที่ได้รับการผ่อนผันให้อยู่ในประเทศไทย และถือเอกสารรับรองบุคคล (CI) จำนวนประมาณ 8 – 9 แสนราย โดยแรงงานที่ประสงค์เข้ารับบริการ ณ ศูนย์ CI กลุ่มดังกล่าว ขอให้ปฏิบัติตามขั้นตอน ดังนี้
1.แรงงานเมียนมานำเอกสาร CI ฉบับเดิม ดำเนินการชำระเงินค่าธรรมเนียมการออกเอกสารรับรองบุคคล (CI) ผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส 7 – 11 โดยชำระค่าบริการ จำนวน 310 บาท หรือกรณีเอกสารรับรองบุคคลฉบับเดิมสูญหายหรือชำรุด ชำระเงินค่าธรรมเนียมการออกเอกสารรับรองบุคคลฉบับใหม่ รวมเป็นเงินจำนวน 480 บาท เมื่อชำระค่าธรรมเนียมแล้ว สามารถลงทะเบียนนัดหมายล่วงหน้า โดยจะได้รับใบเสร็จที่ระบุวันนัดหมายเพื่อไปดำเนินการ ณ ศูนย์ CI ซึ่งมีการกำหนดจำนวนผู้มาใช้บริการต่อวัน ให้เป็นไปตามมาตรการควบคุมโรคที่แต่ละจังหวัดกำหนด
“ศูนย์ CI เริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม – 1 สิงหาคม 2565 โดยเปิดทำการในวันจันทร์ – วันเสาร์ เวลา 09.00 – 17.30 น. และหยุดทำการในวันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม – 17 มกราคม 2565 มีผู้มาดำเนินการจัดทำหนังสือรับรองบุคคล (CI) ทั้งสิ้น 6,688 คน แบ่งเป็น ศูนย์ CI จังหวัดสมุทรปราการ 3,127 คน สมุทรสาคร 2,522 คน เชียงใหม่ 406 คน ชลบุรี 320 คน และระนอง 313 คน โดยมีการจองคิวนัดหมายล่วงหน้าเพื่อเข้าใช้บริการแล้ว 17,428 คน ซึ่งนอกจากการรับบริการขอเอกสารรับรองบุคคล (CI) จากทางการเมียนมา และการยื่นขอต่อใบอนุญาตทำงาน กับกรมการจัดหางานแล้ว แรงงานต่างด้าวที่ประสงค์เปลี่ยนแปลงรายการในใบอนุญาตทำงาน เช่น การเปลี่ยนนายจ้าง หรือการเปลี่ยนที่อยู่ สามารถยื่นคำขอเปลี่ยนรายการฯ ตามแบบ บต. 44 ณ ศูนย์ CI ได้ โดยชำระค่าธรรมเนียมฯ 400 บาท กรมการจัดหางานจึงขอให้นายจ้างกำชับแรงงานเมียนมาในความดูแล ให้มาดำเนินการโดยเร็ว หรือวางแผนวันและเวลาการเข้ารับบริการให้ดี เนื่องจากศูนย์ CI มีการจำกัดจำนวนผู้มาใช้บริการต่อวันตามมาตรการควบคุมโรคของแต่ละจังหวัด (ประมาณวันละ 450 – 500 ราย) หากทุกคนพร้อมใจเข้ารับบริการพร้อมกันในช่วงใกล้วันครบกำหนดอาจทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถให้บริการได้ทัน ทั้งนี้ ศูนย์พิจารณาอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร อนุญาตไห้ทำงาน และออกเอกสารรับรองบุคคล (Certificate of Identity: CI) ทั้ง 5 แห่ง มีสถานที่ตั้ง ดังนี้
1.จังหวัดชลบุรี ตั้งอยู่ที่ ตลาดสยามนินจา ทางหลวงชนบทหมายเลข ชบ. 3023 ตำบลหนองหงษ์ อำเภอพานทอง
2.จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งอยู่ที่ เลขที่ 138 หมู่ 4 ตำบลท่าศาลา อำเภอเมืองเชียงใหม่
3.จังหวัดระนอง ตั้งอยู่ที่ เลขที่ 89/296 หมู่ 1 ตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองระนอง
4.จังหวัดสมุทรปราการ ตั้งอยู่ที่ เลขที่ 339/2 หมู่ 9 ซอยสุขสวัสดิ์ 74 อำเภอพระประแดง
5.จังหวัดสมุทรสาคร ตั้งอยู่ที่ บริษัท มหาชัย ออโต้ เพ้นท์ จำกัด เลขที่ 32/8 ถนนเศรษฐกิจ 1 ตำบลท่าทราย อำเภอเมืองสมุทรสาคร” อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าว
รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง เพิ่มมาตรการในด้านการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด และอำนวยความสะดวกผู้ใช้บริการ ในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ ตามนโยบายกระทรวงคมนาคม นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด หรือผู้ให้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง เปิดเผยว่า เนื่องในเทศกาลสงกรานต์ประจำปี…
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึนโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้าทุกสายทางในอัตรา 20 บาทตลอดสายว่า ปัจจุบันได้ดำเนินการในโครงการรถไฟฟ้า 2 เส้นทาง ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-คลองบางไผ่ และโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน…
Grab ประกาศเปิดตัวแคมเปญสำคัญระดับประเทศ "Grab The Missing" อย่างเป็นทางการ โดยเป็นการผนึกกำลังกับสถานีวิทยุเพื่อความปลอดภัยและการจราจร สวพ. FM91 และ YDM Thailand เอเจนซีผู้เชี่ยวชาญด้านความคิดสร้างสรรค์ เพื่อสร้างเครือข่ายการค้นหาผู้สูญหายที่ครอบคลุมทั่วประเทศไทย ผ่านศักยภาพของไรเดอร์และพาร์ตเนอร์คนขับ…
สมาคมการค้าอาหารอนาคตไทย (TFA) ร่วมกับ บริษัท ซีพีแรม จำกัด และเครือข่ายพันธมิตร จัดงาน TFA Open House (Thai Future Food) อย่างยิ่งใหญ่…
กระทรวง อว. โดย NIA จับมือ ธนาคารออมสิน เปิดตัวหลักสูตร "Entrepreneurship & Green Business Design" มุ่งเสริมศักยภาพ SME, สตาร์ตอัพ…
AIS ต้อนรับเทศกาลสงกรานต์ปี 2568 อย่างยิ่งใหญ่ ด้วยการนำเทคโนโลยี AI และ Autonomous Network มาเสริมความแข็งแกร่งของโครงข่ายอัจฉริยะทั้งโทรศัพท์มือถือและอินเทอร์เน็ตบ้าน เพื่อดูแลคุณภาพเครือข่ายแบบเรียลไทม์ รองรับการใช้งานที่เพิ่มขึ้นของลูกค้าในช่วงเทศกาลสำคัญนี้ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการใช้งานหนาแน่น อาทิ ถนนสายหลัก…
This website uses cookies.