นายเชาว์ เก่งชน กรรมการผู้จัดการศูนย์วิจัยกสิกรไทย เผยว่า การที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% มาอยู่ในระดับเป้าหมายที่ 2.25-2.5% และเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 4 ในปีนี้ ถือว่าเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ จากการที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มฟื้นตัวจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย และเงินเฟ้อเริ่มไปสู่ระดับเป้าหมาย
ขณะเดียวกันสัญญาณที่เฟดบอกกับตลาดว่า จะขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีหน้า ก็เป็นไปตามที่ตลาดคาดเช่นกัน สาเหตุเนื่องจากในปีหน้าการคาดการณ์ดอกเบี้ยจะทำได้ยากขึ้น เพราะมีปัจจัยเสี่ยงด้านเศรษฐกิจหลายด้าน ทั้งสงครามการค้า รวมถึง Brexit ที่ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจสหรัฐ จนทำให้เฟดปรับลดประมาณการเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปีหน้า ว่าจะขยายตัวที่ 2.3% จากเดิมที่คาดว่าเติบโตที่ 2.5%
ส่วนอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย ไม่น่าจะเกี่ยวโยงกับการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐมากนัก เพราะคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. น่าจะพิจารณาจากปัจจัยเศรษฐกิจภายในประเทศเป็นหลัก ซึ่งการที่ กนง. ปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25 % เมื่อวานนี้ จากระดับ 1.5% เป็น 1.75 % แม้จะมีเสียงท้วงติงจากหลายฝ่ายว่า เศรษฐกิจฐานรากและภาคเกษตรกร ยังไม่ได้ฟื้นตัวตามตัวเลขจีดีพีที่ขยายตัวได้ดี แต่เชื่อว่า กนง. น่าจะมองถึงปัจจัยด้านเสถียรภาพ มากกว่าสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจในระยะสั้น เพราะดอกเบี้ยที่ต่ำเป็นเวลานาน จะทำให้เกิดพฤติกรรมการแสวงหาผลตอบแทนสูงซึ่งจะไม่เป็นผลดีต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจในระยะยาว
