การเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าโลกในปัจจุบันซึ่งนำมาสู่การปรับโครงสร้างห่วงโซ่อุปทานของค่ายรถญี่ปุ่นสู่การใช้กลยุทธ์การกระจายห่วงโซ่อุปทานในแนวนอนด้วยการจับมือกับพันธมิตรเพื่อพัฒนาแพลทฟอร์มร่วมนั้น ส่งผลดีต่อผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์โดยรวมของไทยในระยะช่วง 10 ปีแรก ที่ตลาดรถยนต์ส่วนใหญ่ยังเป็นรถยนต์ที่ต้องใช้เครื่องยนต์เป็นหลักในการขับเคลื่อน ทั้งนี้เป็นผลจากการลงทุนเพื่อผลิตรถยนต์ HEV และ PHEV ที่มีทิศทางเพิ่มขึ้นมากในไทย ทำให้ผลกระทบต่อความต้องการชิ้นส่วนเกี่ยวกับเครื่องยนต์ยังมีไม่มาก
อย่างไรก็ตามในระยะยาวต่อไป รถยนต์ BEV จะมีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆในอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ของไทย ซึ่งจะส่งผลกดดันต่อผู้ผลิตชิ้นส่วนเกี่ยวกับเครื่องยนต์ ทั้งในกลุ่มระบบส่งกำลังและระบบไฟฟ้า ทำให้เกิดการแข่งขันที่สูงขึ้นจากความต้องการชิ้นส่วนที่ลดลง ขณะที่การใช้ชิ้นส่วนร่วมกันของค่ายรถตามแผนกลยุทธ์การใช้แพลทฟอร์มร่วมเพื่อลดต้นทุนนั้นก่อให้เกิดผลทางอ้อมทำให้จำนวนผู้ผลิตชิ้นส่วนลดลงด้วย ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าในระยะยาวกว่า 20 ปีนับจากนี้มูลค่าชิ้นส่วนเกี่ยวกับเครื่องยนต์จะหายไปกว่าร้อยละ 22 เมื่อเทียบกับกรณีที่ไม่มีรถยนต์ BEV ในตลาด