เมื่อสงครามรัสเซีย-ยูเครนยืดเยื้อ และมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียที่คงจะอยู่ตลอดปี ผลักดันให้ราคาวัตถุดิบตลาดโลกมีแนวโน้มยืนระดับสูงในช่วงเวลาส่วนใหญ่ของปี 2565 จึงกระทบต้นทุนการผลิต โดยเบื้องต้นประเมินว่า ภาคการผลิตจะได้รับผลกระทบคิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 8 หมื่นล้านบาท โดยแต่ละธุรกิจจะได้รับผลกระทบที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสัดส่วนต้นทุนวัตถุดิบต่อต้นทุนรวมและความสามารถในการปรับตัว
โดยผู้ผลิตอาหาร รถยนต์ วัสดุก่อสร้าง บรรจุภัณฑ์ เป็นกลุ่มที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบเป็นอันดับต้นๆ เนื่องจากมีสัดส่วนต้นทุนวัตถุดิบดังกล่าวต่อต้นทุนรวมที่ค่อนข้างสูง ขณะที่ ผลกระทบบางส่วนอาจจะตกไปยังผู้บริโภค ผ่านการทยอยปรับราคาสินค้าในระยะเวลาถัดๆ ไปขึ้นกับหลายปัจจัย เช่น ปริมาณสต็อกคงเหลือ ความสามารถในการหาวัตถุดิบทดแทน สภาพการแข่งขันในตลาดและกำลังซื้อผู้บริโภค เป็นต้น
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ราคาวัตถุดิบตลาดโลก ทั้งพลังงาน (น้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ) โภคภัณฑ์เกษตรและโลหะอุตสาหกรรม (ข้าวสาลี ข้าวโพด ปุ๋ยเคมี พืชน้ำมัน เหล็ก นิกเกิล อะลูมิเนียม เป็นต้น) น่าจะยืนระดับสูงในช่วงเวลาส่วนใหญ่ของปี 2565 จากวิกฤตรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อและมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียโดยชาติตะวันตกที่คงจะอยู่ตลอดปี ซึ่งปัจจัยนี้ ซ้ำเติมความไม่สมดุลระหว่างอุปทานและอุปสงค์ในตลาดโลก รวมทั้งทำให้ปัญหาคอขวดห่วงโซ่อุปทานกลับมารุนแรงอีกครั้ง
โดยราคาวัตถุดิบต่างๆ อาจย่อลงได้ในครึ่งปีหลัง ในกรณีที่ทั้งสองฝ่ายสามารถเจรจาจนได้ข้อยุติหรือมีสัญญาณบวกเกิดขึ้น แต่ราคาเฉลี่ยทั้งปี 2565 นี้คาดว่าจะยังอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องโดยเฉพาะเมื่อเทียบกับปี 2563-2564
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ในปี 2565 ราคาวัตถุดิบกลุ่มพลังงานอย่างน้ำมันกลุ่มเบนซิน (แก็สโซฮอล 95) อาจจะปรับขึ้นเฉลี่ยราว 35-40% จากปีก่อน ขณะที่ราคาวัตถุดิบกลุ่มอาหารทั้งอาหารสัตว์และอาหารคนที่เป็นต้นน้ำของการผลิตอาหาร เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ แป้งข้าวสาลี น้ำมันปาล์มขวด อาจปรับขึ้นเฉลี่ยราว 24-46% ส่วนราคาเหล็กอาจเพิ่มขึ้นเฉลี่ยราว 5-10% เป็นต้น ทิศทางดังกล่าว ทำให้คาดว่าดัชนีราคาผู้ผลิต ที่เป็นหนึ่งในมาตรวัดต้นทุนการผลิตของผู้ประกอบการ อาจจะเฉลี่ยราว 6.0-8.5% เทียบกับที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 4.7% ในปี 2564 และ 9.0% ในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2565
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ภาคการผลิตอุตสาหกรรมไทย จะได้รับผลกระทบทั้งจากการเพิ่มขึ้นของราคาวัตถุดิบต่างๆ ที่มากกว่าที่เดิมเคยประเมินไว้ในกรณีที่ไม่มีสงคราม ความจำเป็นที่จะต้องหาสินค้าทดแทนในสถานการณ์ที่ของจะหายากขึ้นหรือไม่มีของ ซึ่งเป็นภาระต้นทุนที่ผู้ผลิตส่วนใหญ่ต้องแบกรับไว้ผ่านกำไร/มาร์จิ้นที่ลดลง หรือบางส่วนอาจต้องชะลอ/หยุดผลิตลงชั่วคราว
ทั้งนี้เบื้องต้นประเมินว่า มูลค่าผลกระทบนี้อาจจะมีไม่ต่ำกว่า 8 หมื่นล้านบาท โดยแต่ละธุรกิจจะได้รับผลกระทบที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสัดส่วนต้นทุนวัตถุดิบต่อต้นทุนรวม และความสามารถในการปรับตัว ซึ่งผู้ผลิตอาหาร รถยนต์ วัสดุก่อสร้าง บรรจุภัณฑ์ เป็นกลุ่มที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบเป็นอันดับต้นๆ เนื่องจากมีสัดส่วนต้นทุนวัตถุดิบดังกล่าวต่อต้นทุนรวมที่ค่อนข้างสูง ขณะที่ ผลกระทบบางส่วนอาจจะตกไปยังผู้บริโภคผานการทยอยปรับราคาสินค้าในระยะเวลาถัดๆ ไป ขึ้นกับหลายปัจจัย เช่น ปริมาณสต็อกคงเหลือ ความสามารถในการหาวัตถุดิบทดแทน สภาพการแข่งขันในการตลาด และกำลังซื้อผู้บริโภค เป็นต้น
เซ็นทรัลพัฒนา ผนึกกำลังกับพันธมิตรชั้นนำด้าน Edutainment กว่า 300 สถาบัน รวมถึง Playland สุดฮิต จัดแคมเปญ The Little Campus 2024 เปลี่ยนศูนย์การค้าเซ็นทรัลให้เป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้…
เดนทิสเต้ เดินหน้านำ 3 กิจกรรมสุดยิ่งใหญ่เหนือใคร พาศิลปินระดับโลกชาวไทยอย่าง “ลิซ่า ลลิษา มโนบาล” ซึ่งเป็นหนึ่งในครอบครัวเดนทิสเต้ ในฐานะ Brand Ambassador ของประเทศไทย มาสร้างประสบการณ์สุดพิเศษให้กับแฟนๆ ชาวไทยผ่าน…
พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ปิดดีลขายที่ดิน 2 แปลง รับ 700 ล้านบาท พร้อมออกหุ้นกู้ 2 ชุด ดอกเบี้ยสูง 7% และ 7.25%…
กรุงเทพมหานคร (กทม.) โดยสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร ร่วมกับ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่ชาติ (เนคเทค สวทช.) และ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) จัดกิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติ Digital…
นายวิทยา พันธุ์มงคล รักษาการแทน ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ รฟม. ได้ดำเนินการตามนโยบายอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสูงสุด 20 บาท ซึ่งเป็นหนึ่งนโยบาย Quick Win “คมนาคม…
กฟผ. ร่วมออกบูท EGAT EV Business Solutions (บูท EV3/2) ในงาน Bangkok EV Expo 2024 เพื่อส่งต่อความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในการพัฒนาและการบริหารจัดการเครือข่ายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า…