นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานการประชุมหัวหน้าหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม (คค.) เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2563 ผ่านการประชุมทางไกลด้วยระบบ Zoom Cloud Meeting โดยมีนายชยธรรม์ พรหมศร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) พร้อมด้วยหัวหน้าหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม ทั้งหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจ เข้าร่วมประชุมดังกล่าว
นายชยธรรม์ฯ กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันอังคารที่ 30 มิถุนายน 2563 กำหนดให้วันจันทร์ที่ 27 กรกฎาคม 2563 เป็นวันหยุดราชการชดเชยวันสงกรานต์ ประจำปี พ.ศ. 2563 ประกอบกับวันที่ 28 กรกฎาคม 2563 เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษารัชกาลที่ 10 จึงทำให้มีวันหยุดยาวต่อเนื่องรวม 4 วัน ระหว่างวันที่ 24 – 28 กรกฎาคม 2563 ทั้งนี้ คค. ได้มอบหมายให้ สนข. เป็นหน่วยงานหลักเพื่อเตรียมความพร้อมการดำเนินมาตรการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยรองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงวันหยุดยาวดังกล่าว โดยให้ถอดบทเรียนเมื่อช่วงวันหยุดอาสาฬหบูชา – เข้าพรรษา (3 – 7 กรกฎาคม 2563) ที่ผ่านมา โดย สนข. ได้บูรณาการข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาวิเคราะห์และสรุปผลการดำเนินงาน พบว่า จากสถานการณ์อุบัติเหตุทางถนนบนโครงข่ายของ คค. ณ วันที่ 8 กรกฎาคม 2563 มีการเกิดอุบัติเหตุทั้งสิ้น จำนวนรวม 369 ครั้ง โดยร้อยละ 71 เกิดจากสาเหตุการขับรถเร็วเกินกำหนด รองลงมา ได้แก่ ตัดหน้ากระชั้นชิด และหลับใน ซึ่งลักษณะของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น 3 ลำดับแรกได้แก่ รถพลิกคว่ำ รถชนท้าย และรถชนกันหรือเฉี่ยวชน ตามลำดับ จากการวิเคราะห์สถิติอุบัติเหตุบนโครงข่ายคมนาคมในช่วงวันหยุดดังกล่าว ยังพบว่า ถนนทางตรง มีสถิติการเกิดอุบัติเหตุมากที่สุด ถึงร้อยละ 67 เมื่อเทียบกับลักษณะทางประเภทอื่นๆ และจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ ชลบุรี 34 ครั้ง สุพรรณบุรี 23 ครั้ง และกรุงเทพมหานคร 21 ครั้ง สำหรับการคาดการณ์ปริมาณการเดินทางของประชาชนด้วยระบบขนส่งสาธารณะ ช่วง 5 วัน ระหว่างวันที่ 24- 28 กรกฎาคม 2563 แบ่งเป็น การเดินทางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวม 5 วันสะสม จำนวน 6.9 ล้าน (คน – เที่ยว) ได้แก่ 1) รถประจำทาง จำนวน 3.88 ล้าน (คน – เที่ยว) คิดเป็นร้อยละ 56 2) รถไฟฟ้า จำนวน 2.67 ล้าน (คน – เที่ยว) คิดเป็นร้อยละ 43 และ 3) เรือด่วนเจ้าพระยา/คลองแสนแสบ จำนวน 0.07 ล้าน (คน – เที่ยว) คิดเป็นร้อยละ 1 ในส่วนของการเดินทางระหว่างจังหวัดและในจังหวัด รวม 5 วันสะสม จำนวน 2.1 ล้าน (คน – เที่ยว) ได้แก่ 1) รถ บขส./รถหมวด 3 – 4 จำนวน 0.93 ล้าน (คน – เที่ยว) คิดเป็นร้อยละ 44 2) เรือ จำนวน 0.55 ล้าน (คน – เที่ยว) คิดเป็นร้อยละ 26 3) เครื่องบิน จำนวน 0.55 ล้าน (คน – เที่ยว) คิดเป็นร้อยละ 16 และ 4) รถไฟระหว่างเมือง จำนวน 0.28 ล้าน (คน – เที่ยว) คิดเป็นร้อยละ 14
นายชยธรรม์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับมาตรการอำนวยความสะดวกฯ ในช่วงวันหยุดยาว ระหว่างวันที่ 24 – 28 กรกฎาคม 2563 จะยังคงดำเนินมาตรการต่างๆ ตามแนวทางหลักของช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมา ประกอบด้วย แผนรองรับรถยนต์ส่วนบุคคลและแผนรองรับระบบขนส่งสาธารณะ เพื่อให้ประชาชนเกิดความสะดวกและปลอดภัยในการเดินทาง อาทิ การบริการระบบขนส่งสาธารณะต้องเข้าถึงง่าย เพียงพอไม่ล่าช้า ไม่มีผู้โดยสารตกค้าง ไม่โก่งราคา ไม่ทิ้งผู้โดยสาร และทันกับเหตุการณ์ การสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนในคุณภาพของการให้บริการขนส่งสาธารณะ ด้วยการดูแลรักษาความปลอดภัยบริเวณสถานีโดยสาร ภายในรถโดยสารสาธารณะ รถไฟ เรือโดยสาร และเครื่องบิน อย่างเข้มข้นและจริงจัง กำกับและควบคุม เพื่อป้องกันจำนวนการเกิดอุบัติเหตุ ลดความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจากการเดินทาง บริหารจัดการจราจรทางถนนให้มีความคล่องตัวและไม่ติดขัดอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในขนส่งสาธารณะรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID – 19 ในช่วงวันเฉลิมพระชนมพรรษาฯ พ.ศ. 2563 โดยนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้กำชับและเน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้
• นำสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุต่างๆ มาวิเคราะห์จัดทำเป็นข้อมูล เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาการเกิดอุบัติเหตุในช่วงวันหยุดในครั้งต่อๆ ไป
• มอบหมายให้กรมทางหลวง และการทางพิเศษแห่งประเทศไทย เปิดช่องผ่านทาง ณ บริเวณด่านเก็บค่าผ่านทางบนถนน Motorway และทางด่วนในทุกช่องทาง เพื่อบรรเทาการจราจรติดขัด และเร่งระบายรถที่ติดสะสมบริเวณหน้าด่าน พร้อมทั้งมีการติดป้ายประชาสัมพันธ์อย่างชัดเจน
• มอบหมายให้กรมการขนส่งทางบก ขอความร่วมมือไปยังผู้ประกอบการรถบรรทุกให้งดวิ่งช่วงวันหยุดดังกล่าว และทำการจัดระเบียบการจราจรบริเวณจุดขึ้นเนินต่างๆ โดยรถบรรทุกต้องวิ่งชิดซ้าย
• มอบหมายให้กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท และการทางพิเศษแห่งประเทศไทย คืนพื้นผิวจราจร และหยุดงานก่อสร้างในจุดต่างๆ เพื่อลดปัญญาการจราจรติดขัดและเร่งระบายรถในจุดที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างต่างๆ
• มอบหมายให้กรมทางหลวง จัดทำป้ายบอกระยะจุดพักรถล่วงหน้า เพื่อแจ้ง
ให้ประชาชนทราบถึงระยะของจุดพักรถ บริเวณจุดพักรถ Rest Area บนถนน Motorway หมายเลข 7 เพื่อให้รถยนต์
ที่ไปใช้บริการสามารถใช้ช่องทางด้านขวาได้
• ให้ยังคงรักษามาตรการเฝ้าระวัง COVID – 19 อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะระบบขนส่งสาธารณะต่างๆ
นายชยธรรม์ฯ กล่าวตอนท้ายว่า รัฐบาลได้ยกเว้นค่าธรรมเนียมผ่านทางมอเตอร์เวย์ หมายเลข 7 (กรุงเทพฯ – ชลบุรี – พัทยา) และหมายเลข 9 (บางปะอิน – บางพลี) และยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษบูรพาวิถี และทางพิเศษกาญจนาภิเษก รวม 6 วัน ตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของวันที่ 24 กรกฎาคม 2563 ถึงเวลา 24.00 น. ของวันที่ 29 กรกฎาคม 2563 รวมทั้งเพิ่มการยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษเฉลิมมหานคร ทางพิเศษศรีรัช และทางพิเศษอุดรรัถยา (ทางด่วนสายบางปะอิน – ปากเกร็ด) ตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของวันที่ 27 กรกฎาคม 2563 ถึงเวลา 24.00 น. ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2563
ภาพประกอบจาก Pixabay