สมาคมค้าส่ง-ค้าปลีกไทย ยันสินค้าอุปโภคบริโภคมีเพียงพอไม่ต้องกักตุน พร้อมแนะร้านโชว์ห่วย พลิกวิกฤตเป็นโอกาส หลังพบคนไม่กล้าออกจากบ้านดันยอดขายร้านโชว์ห่วยพุ่ง 20% สูงสุดในรอบ 15 ปี

นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมค้าส่ง-ค้าปลีกไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์ตื่นซื้อสินค้ากักตุน ขณะนี้เป็นผลมาจากความวิตกกังวลของผู้บริโภค ที่เห็นข่าวในต่างประเทศ ประกอบกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังคงความรุนแรง ทำให้ประชาชนกังวลว่า หากรัฐบาลประกาศยกระดับความรุนแรงในการแพร่ระบาดของเชื้อสู่ระดับ 3 อาจมีการสั่งห้ามออกจากบ้านเหมือนในต่างประเทศ และส่งผลให้โรงงานผลิตสินค้าต่าง ๆ ไม่สามารถดำเนินการได้ จึงทำให้เกิดการตื่นซื้อสินค้ากักตุนมากขึ้น โดยสินค้าที่มีการซื้อไปกักตุนมากที่สุดคือ อาหารกระป๋อง ข้าวสาร กระดาษทิชชู่ และ น้ำดื่ม เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า ขณะนี้สินค้าอุปโภค-บริโภค ยังมีเพียงพอต่อความต้องการ เพราะประเทศไทยเป็นประเทศผู้ผลิตสินค้าส่งออก และในขณะนี้กำลังการผลิตสินค้ายังอยู่ที่ร้อยละ 70. ยังสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้อีกถึงร้อยละ 30. ประกอบกับในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา การส่งออกสินค้าไปต่างประเทศมีปัญหาจากการแพร่ระบาดและสถานการณ์เศรษฐกิจ ทำให้สต๊อกสินค้ายังเหลืออยู่ อีกทั้งนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาในประเทศลดน้อยลง และกำลังซื้อที่ถดถอย ทำให้สินค้ายังเหลืออยู่อีกมาก จึงไม่จำเป็นต้องรีบซื้อสินค้าไปกักตุน

นอกจากนี้ ความกังวลของผู้บริโภคที่ไม่กล้าเดินทางไปจับจ่ายใช้สอยในห้าง ทำให้ผู้บริโภคเปลี่ยนพฤติกรรมหันกลับมาซื้อสินค้าในร้านโชว์ห่วยมากขึ้น ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 20 ซึ่งถือว่าเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 15 ปี แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีทิศทางดีขึ้นมาบ้างจากการมีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐก็ตาม. พร้อมแนะนำให้ร้านโชว์ห่วยเร่งใช้วิกฤตนี้ให้เป็นโอกาส ในการปรับปรุงบริการ และคุณภาพของสินค้าที่นำมาจำหน่ายให้มีปริมาณเพียงพอ และตอบโจทย์ผู้บริโภค เพื่อที่จะดึงฐานลูกค้าเดิมให้กลับมา ทั้งยังสามารถเพิ่มบริการที่เป็น เดลิเวอรี่ (ส่งสินค้าถึงบ้าน)ให้กับลูกค้าได้ด้วย เนื่องจากร้านโชว์ห่วย จะมีความคุ้นเคยกับคนในชุมชนนั้น ๆ เป็นอย่างดี

Related Posts

Scroll to Top