นายณัฐพล รังสิตพล ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า การยกระดับอุตสาหกรรมให้ก้าวไปข้างหน้าและทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีนั้น จำเป็นต้องมีการบริหารจัดการและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสมควบคู่กันไปกับการจัดการที่ดี เช่น การคำนึงถึงความคุ้มค่าในการลงทุนเพื่อการยกระดับประสิทธิภาพในการผลิตในระยะยาว โดยรัฐบาลเล็งเห็นถึงความจำเป็นในการใช้หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติเข้ามาช่วยในภาคอุตสาหกรรม และต้องการให้เกิดการขยายผลไปในภาคส่วนต่าง ๆ ด้วย ได้แก่ ภาครัฐ ภาคการเกษตร ภาคบริการ เป็นต้น เช่น การขยายผลสู่ภาครัฐ ได้เริ่มมีการหารือและมีแนวทางในการผลักดันร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) เพื่อสร้างความตระหนักในการใช้หุ่นยนต์ ระบบอัตโนมัติ และดิจิทัล ในการพิจารณาองค์กรนำร่องเพื่อให้บริการภาครัฐอย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย สำหรับในภาคการเกษตร มุ่งหวังให้เป็นเครื่องมือสำหรับเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชนเพื่อดำเนินการ Smart farming และเริ่มนำร่องในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 2 (อุบลราชธานี ศรีษะเกษ ยโสธร และอำนาจเจริญ) เพื่อสนับสนุนการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตร เช่น การสนับสนุน Smart module เช่น ระบบเซ็นเซอร์ในการวัดตัวแปรหรือพารามิเตอร์ต่าง ๆ เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับการประเมินปัจจัยการผลิตอย่างคุ้มค่า ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการผลิตให้กับเกษตรกรในระยะยาว
นายณัฐพลฯ กล่าวต่อไปว่าการจัดงาน Robotics Cluster Pavilion ภายในงาน Metalex 2018 จึงเป็นเวทีสำคัญในการผนึกกำลังเพื่อให้บริการในรูปแบบ One Stop Service แก่นักลงทุน นักอุตสาหกรรม SMEs หรือแม้กระทั่งประชาชนทั่วไปที่มีความสนใจในการใช้หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ เพื่อยกระดับประสิทธิภาพในทุกภาคส่วน แต่ยังไม่แน่ใจและไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร สามารถเข้ามาสอบถามหน่วยงานต่าง ๆ ในพื้นที่ Pavilion ดังกล่าวซึ่งมีการผนึกกำลังจากทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อให้บริการอย่างครบวงจร ประกอบไปด้วย ศูนย์ความเป็นเลิศด้านหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ (CoRE) สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME Bank)
ธนาคารกรุงเทพ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) และสมาคมผู้ประกอบการระบบ อัตโนมัติและหุ่นยนต์ไทย (TARA) เพื่อให้คำปรึกษาทั้งด้านเทคนิคและด้านการเงิน นายณัฐพลฯ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่าสำหรับมาตรการในปีหน้า (พ.ศ.2562) ซึ่งได้เตรียมการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ มาตรการด้านการสนับสนุนด้านเทคโนโลยี ผู้ประกอบการที่ต้องการปรับเปลี่ยนมาใช้หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ สามารถลงทะเบียนขอให้ Center of Robotics Excellence (CoRE) เข้าไปให้คำแนะนำในการปรับเปลี่ยนเครื่องจักร และเทคโนโลยีที่เหมาะสมได้ ซึ่ง ปัจจุบัน CoRE ได้เปิดรับสมัครต้นแบบจำนวน 85 ต้นแบบในราคาไม่แพงและให้เหมาะกับ
SMEs ในแต่ละพื้นที่ เช่น อุตสาหกรรมการถนอมอาหาร แปรรูปอาหาร และอุตสาหกรรมการเกษตร เป็นต้น ซึ่ง SMEs ที่สนใจสามารถขอรับการสนับสนุนจาก CoRE ได้ นอกจากนี้ ยังมีการสนับสนุนการอบรมเพื่อยกระดับบุคลากร SI Warrior (ผู้ที่สามารถประกอบติดตั้งระบบ) จำนวน 570 คน ยกระดับผู้เชี่ยวชาญ (เน้นด้านการออกแบบไลน์การผลิต) จำนวน 165 คน
มาตรการสนับสนุนด้านการเงิน และภาษีต่างๆ โรงงานที่อยู่ในประเภทกิจการที่ BOI ให้การส่งเสริมสามารถใช้มาตรการหักลดหย่อนภาษีได้ร้อยละ 50 ของเงินลงทุน โดยไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียนในการปรับปรุง ทั้งนี้ กรณีการใช้เครื่องจักรที่มีการเชื่อมโยงหรือสนับสนุนอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องจักรระบบอัตโนมัติในประเทศไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ของมูลค่าเครื่องจักรที่มีการปรับเปลี่ยนให้ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 3 ปี เป็นสัดส่วนร้อยละ 100 ของเงินลงทุน โดยไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียนในการปรับปรุง
มาตรการส่งเสริมผู้ผลิตหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ ผู้ประกอบการหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติจะสามารถนำเข้าชิ้นส่วนในภาษี 0 นอกจากนี้ CoRE มีแผนจะสร้าง SI Startup โดยร่วมมือกับ TARA ในการดำเนินกิจกรรมการสร้าง SI Start up สำหรับอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ จำนวน 35 ราย และได้รับความช่วยเหลือจากสมาคมผู้ประกอบการ TARA เป็น Big brother เน้นการปฏิบัติในโรงงานจริง ๆ แทนการอบรมสัมมนาอย่างที่ผ่านมา
นายณัฐพลฯ กล่าวต่อไปอีกว่า Robotics Cluster Pavilion จะมีการเชื่อมโยงระหว่างบูธภายในงานด้วย โดยหากมีลูกค้าหรือผู้ประกอบการภายในงานที่สนใจลงทุนแต่ยังไม่มีความรู้และความเข้าใจ ผู้ประกอบการที่ประจำอยู่บูธต่างๆ ภายในงานสามารถแจ้งและให้คำแนะนำต่อผู้ประกอบการให้มารับบริการ ทั้งนี้ ผู้ประกอบการที่ประจำอยู่ตามบูธต่าง ๆ เองสามารถเข้ามารับฟังสัมมนาหัวข้อต่าง ๆ ใน pavilion ได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งจะทำให้เกิดความเข้าใจทั้งผู้ซื้อผู้ขาย และเกิดการขับเคลื่อนมาตรการภาครัฐอย่างมีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง
ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา เซ็นทรัลพัฒนาได้ทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับศิลปินและชุมชนท้องถิ่น สร้างสรรค์ผลงานคราฟต์ต้นคริสต์มาสที่ผสานเสน่ห์ของ 2 วัฒนธรรมตะวันตกและตะวันออก ถ่ายทอดผ่าน ต้นคริสต์มาส Local Pride ซึ่งสะท้อนอัตลักษณ์อันโดดเด่นของแต่ละภูมิภาคในประเทศไทย ผลงานเหล่านี้ถูกนำเสนออย่างงดงามในศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศ ภายใต้วิสัยทัศน์ “Place for All” ที่มุ่งยกระดับให้พื้นที่ศูนย์การค้าเป็นเดสติเนชั่นที่เชื่อมโยงเมือง ผู้คนในชุมชน และศิลปินท้องถิ่น ร่วมกันพัฒนาผลงานศิลปะที่เปี่ยมด้วยเสน่ห์อัตลักษณ์ไทยให้โดดเด่น นำเสนอสู่สายตาของคนทั่วประเทศและทั่วโลก ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา กรรมการผู้จัดการใหญ่…
ในยุคที่โลกหมุนเร็วด้วยเทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงทางสังคมอย่างรวดเร็ว การทำความเข้าใจความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภคจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับแบรนด์ต่างๆ และหนึ่งในกลุ่มเป้าหมายที่ทรงอิทธิพลที่สุดในปัจจุบันก็คือ Gen Z หรือคนรุ่นใหม่ที่เกิดระหว่างปี 1997 ถึง 2012 พวกเขาเติบโตมากับโลกดิจิทัล มีมุมมองที่แตกต่าง และให้ความสำคัญกับคุณค่าที่หลากหลาย บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกถึง Gen Z…
"ฟอร์ติเน็ต" เผยรายงานช่องว่างด้านทักษะไซเบอร์ ชี้ 92% ขององค์กรในไทยเผชิญภัยคุกคามจากปัญหาขาดแคลนบุคลากร แนะ 3 แนวทางรับมือ ผนึกกำลังภาครัฐ-เอกชน สร้าง "กองทัพไซเบอร์" ปกป้องเศรษฐกิจดิจิทัล ฟอร์ติเน็ต เปิดเผยรายงานช่องว่างด้านทักษะความปลอดภัยทางไซเบอร์ทั่วโลกประจำปี 2024…
FUJIFILM Business Innovation (Thailand) Co., Ltd., a leading provider of office solutions and innovative printing…
FUJIFILM Business Innovation ผู้ให้บริการโซลูชันสำนักงานและเครื่องพิมพ์ ประกาศทิศทางกลยุทธ์ไตรมาส 3 ปี 2024 ภายใต้แนวคิด "Make a Leap to the New…
Solar D เปิดตัว “หุ่นยนต์ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์” นวัตกรรมสุดล้ำ Light Speed ติดตั้งเร็วกว่าแรงงานคนถึง 10 เท่า! ชูจุดเด่นลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ หนุนเป้าหมายเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ปี 2569…