บริษัท บิทคับ เวิล์ดเทค จำกัด จัดงานแถลงข่าวเปิดตัว “หลักสูตร 5 Game Changing โลกเปลี่ยนต้องเรียนรู้ สู่ 5 เทคโนโลยีเปลี่ยนโลก” ร่วมกับ Finn school of Business and Tourism และ สถาบันโมลเลอร์แห่งวิทยาลัยเชอร์ชิล มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ (Møller Institute at Churchill College, University of Cambridge)
จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด กล่าวว่า “ประเทศคือค่าเฉลี่ยของคนที่อยู่ในประเทศ ดังนั้นถ้าเราอยากเป็น Digital Hub ของ ASEAN เราต้องเริ่มที่คนที่มีชุดทักษะที่เหมาะสมที่จะสร้างเศรษฐกิจดิจิทัล ณ ปัจจุบันความเท่าเทียมทางดิจิทัล (Digital Inclusion) กำลังสร้างกลไกในการขับเคลื่อนใหม่ ประกอบไปด้วย 3 สิ่ง ได้แก่ การเงิน สุขภาพ และ การศึกษา ดั้งนั้นการวางโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลจึงเป็นสิ่งจำเป็น ซึ่งอันดับแรกควรมุ่งเน้นไปที่ทรัพยากรมนุษย์โดยทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยี องค์ความรู้และชุดทักษะใหม่ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี ซึ่งนี้คือสิ่งที่พวกเรากำลังทำกันให้กับประเทศไทย”
–Bitkub Chain ร่วมกับ Yes Token และ Buzzebees เปิดตัวแคมเปญใช้คะแนนแลก YES Token และต่อยอดการใช้งานบนกระเป๋า Bitkub NEXT
–Bitkub Fantastic 4th Airdrop Phenomenon กิจกรรมฉลองครบรอบ Bitkub ปีที่ 4 แจก NFT กว่า 30,000 ชิ้น ผ่านจอยักษ์ใจกลางเมือง
กวิน พันธ์ประสิทธิเวช กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้ง สถาบัน Finn School of Business and Tourism กล่าวว่า “หลักสูตร 5 Game Changing เป็นหลักสูตรไทยมาตรฐานระดับโลก ถูกจัดทำขึ้นมาเพื่อให้เป็นวิชาพื้นฐานความรู้เกี่ยวกับ 5 เทคโนโลยีหลักที่จะมาเปลี่ยนโลก โดยสอนตั้งแต่ประวัติความเป็นมา สาเหตุการเกิดขึ้นของเทคโนโลยีต่างๆ มีการแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงกันในแต่ละเทคโนโลยี ทำให้ผู้เรียนเข้าใจจนเกิดความคิดในการนำเทคโนโลยีไปปรับใช้และต่อยอดกับอาชีพและนวัตกรรมใหม่ๆ รวมทั้งสอนในเรื่องการนำ Soft Skills มาประยุกต์ใช้ ตลอดประเด็นทางกฎหมายในการใช้เทคโนโลยี ซึ่งในหลักสูตรนี้จะใช้ภาษาในการสอนที่เข้าใจง่าย เรียนสนุก เพื่อให้ผู้เรียนทุกเพศทุกวัยสามารถเข้าถึงได้ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ ตั้งแต่ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย มหาวิทยาลัย ไปจนถึงวัยทำงานที่ต้องการพัฒนาเพื่อยกระดับทักษะและสร้างทักษะขึ้นมาใหม่ ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและโลกยุคใหม่”
อีกทั้งยังได้สถาบันโมลเลอร์แห่งวิทยาลัยเชอร์ชิล มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ (Møller Institute at Churchill College, University of Cambridge) ซึ่งมีพันธกิจเพื่อสร้างหลักสูตรให้ความรู้และพัฒนาคนสู่การเป็นผู้นำในอนาคตทั้งผู้นำในภาคเอกชน ภาครัฐ ตลอดจนนักวิชาการต่าง ๆ ทั่วทวีปยุโรป ได้เข้ามาร่วมสอนหลักสูตร “5 Game Changing โลกเปลี่ยนต้องเรียนรู้ สู่ 5 เทคโนโลยีเปลี่ยนโลก” ซึ่งสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของ บิทคับเวิลด์เทค คือ การสร้างและพัฒนากำลังคนของประเทศ โดยเริ่มจากการสร้างโอกาสให้คนไทยได้เข้าสู่การศึกษาในโลกเทคโนโลยียุคใหม่ได้มากขึ้นเพื่อให้เกิดความก้าวหน้า ก้าวทันโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วจนสามารถพัฒนาต่อยอดไปสู่การนำเทคโนโลยีมาช่วยสร้างอาชีพและธุรกิจและสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทยให้เติบโตได้แบบก้าวกระโดด ตามวิสัยทัศน์และพันธกิจของบิทคับเวิด์เทค ที่ว่า “สร้างโอกาส สร้างอาชีพ สู่โลกอนาคต”
ดร.ปริญญ์ ศุกรีเขตร เปิดเผยว่าว่า “5 Game Changing เป็นหลักสูตรที่เน้นไปที่ 5 เทคโนโลยีที่จะมามีบทบาทสำคัญในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ได้แก่ Cloud, Big data, Internet of Thing (IoT), Artificial Intelligence (AI) รวมไปถึงเทคโนโลยี Blockchain ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับ Metaverse, NFT และ Smart Contract มากไปกว่านั้นผู้ที่มาสอนในหลักสูตรนี้ล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญและได้รับการการันตีจากสถาบันระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น สภาวิจัยและพัฒนาบล็อกเชน (Blockchain Council ) เดอะ เสตท ยูนิเวอร์ซิตี้ ออฟ นิวยอร์ก (The State University of New York) สถาบันเบิร์กลีย์ เอ็กซ์ จากยูนิเวอร์ซิตี้ออฟแคลิฟอร์เนียเบิร์กลีย์ (Berkeley X, University of California, Berkeley) จากสหรัฐอเมริกา และ อิมพีเรียล คอลเลจ (Imperial College) สหราชอาณาจักร”
หลักสูตร 5 Game Changing เป็นหลักสูตรที่ผู้จัดอยากให้คนไทยได้มีโอกาสเข้าถึงความรู้ระดับสากล ดังนั้นจึงมีการดำเนินการจัดการเรียนการสอนให้เป็นไปตามมาตรฐานระดับโลก โดยปกติแล้วหากผู้เรียนเดินทางไปเรียนเองหรือแม้กระทั่งเรียนออนไลน์ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายรวมกันอย่างน้อยหลักหมื่นถึงหลักแสนบาท แต่จากการร่วมมือกันของพาร์ทเนอร์ที่กล่าวมาข้างต้นจะช่วยทำให้คอร์สนี้สำหรับคนไทยมีค่าใช้จ่ายเพียง 5,990 บาทเท่านั้น ซึ่งผู้เรียนแต่ละคนจะได้รับบัตรประจำตัวเป็น NFT Card นอกจากนี้ยังได้รับ ใบประกาศนียบัตร (Certificate) จากทางบิทคับ เวิลด์เทค และจากสถาบันโมลเลอร์แห่งวิทยาลัยเชอร์ชิล มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์