ปัจจัยความไม่แน่นอนทั้งหลายที่คุกคามตลาดหุ้นอยู่ในช่วงนี้ ทั้งหมดจะมีความชัดเจนขึ้นหลังเดือนมีนาคม และผมเชื่อว่าจะคลี่คลายไปในทางบวก ซึ่งจะช่วยทำให้บรรยากาศการลงทุนโดยรวมดีขึ้น เงินทุนต่างชาติมีแนวโน้มสูงที่จะไหลกลับ และตลาดหุ้นมีโอกาสสูงที่จะฟื้นตัว ปัจจัยที่เป็นแรงปะทะ หรือ headwinds ของตลาดหุ้นในช่วงนี้มีอยู่ 4 เรื่องใหญ่ๆ คือ
โชคดีที่นักลงทุนเริ่มคลายกังวลกับนโยบายการเงินของสหรัฐ หลัง Fed ส่งสัญญานชัดว่าจะไม่ขึ้นดอกเบี้ยอีกในเร็วๆ นี้ และจะดึงสภาพคล่องออกจากตลาดเท่าที่จำเป็น ไม่เช่นนั้น แนวโน้มตลาดหุ้นจะประเมินยากขึ้นมาก
เดือนมีนาคมคือเดือนสำคัญ เพราะวันที่ 1 คือวันที่สหรัฐกำหนดจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนมูลค่ารวม 200,000 ล้านดอลลาร์ จาก 10% เป็น 25% ถ้าจีนและสหรัฐไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้
ถัดจากนั้นอีกสามสัปดาห์ วันที่ 24 คือวันที่เราจะได้ทราบกันว่าอนาคตการเมืองไทยจะเป็นอย่างไร รัฐบาลจะมีเสถียรภาพแค่ไหน และอีก 5 วันต่อมา วันที่ 29 คือวันที่สหราชอาณาจักรจะออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปอย่างเป็นทางการ จะเป็นการออกแบบไร้ข้อตกลง (crash Brexit) แบบเบ็ดเสร็จ (hard Brexit) หรือ แบบผ่อนปรน (soft Brexit) ยังไม่มีใครคาดเดาได้ แต่ถ้าเป็นแบบแรก จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของอังกฤษและยุโรปอย่างมาก
ในมุมมองส่วนตัว ผมค่อนข้างมั่นใจว่าปัจจัยเสี่ยงที่กล่าวถึงทั้งหมดจะลงเอยด้วยดี การที่ภาวะเศรษฐกิจของประเทศจีน สหรัฐ อังกฤษ และ สหภาพยุโรป เริ่มเข้าสู่วงจรขาลง หลังขยายตัวอย่างร้อนแรงมาหลายปีติดต่อกัน จะเป็นแรงกดดันให้ผู้นำประเทศเหล่านี้ต้องพยายามหาทางออกที่ประนีประนอมที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสงครามการค้า หรือ เรื่อง Brexit เพื่อประคองเศรษฐกิจของตัวเองไม่ให้ชะลอตัวมากไปกว่านี้
นอกจากนั้น การที่สหรัฐจะมีการเลือกตั้งในปีหน้า และประธานาธิบดีทรัมป์เองก็ประกาศชัดเจนว่าจะลงเลือกตั้งอีกครั้ง น่าจะเป็นอีกหนึ่งแรงกดดันที่ทำให้โอกาสที่ทรัมป์จะเปิดศึกเพื่อให้แตกหักกับจีนมีน้อยมาก
ล่าสุด เริ่มมีข่าวออกมาแล้วว่าสหรัฐอาจจะขยายเส้นตายออกไปอีก 60 วัน เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายมีเวลาในการเจรจานานขึ้น ซึ่งถ้าเป็นจริง ก็จะเป็นสัญญาณที่ดีว่าทั้งหสรัฐและจีนอยากบรรลุข้อตกลงมากกว่าเอาชนะกัน เพื่อให้มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจของทั้งคู่น้อยที่สุด
ในฝั่งของ Brexit เอง ถ้ายังตกลงกันไม่ได้ภายในวันที่ 29 มีนาคม ผมเชื่อว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะมีการยืดเวลาการออกจากสหภาพยุโรปไปอีกระยะหนึ่ง โดยการแก้ไข Article 50 เพื่อป้องกันไม่ให้เกิด crash Brexit ซึ่งไม่เป็นผลดีกับทั้งอังกฤษ หรือยุโรป
ในส่วนของการเมืองไทย แน่นอนว่าหลังเหตุการณ์วันที่ 8 กุมภาพันธ์ ซึ่งตามมาด้วยการยื่นคำร้องขอยุบพรรคไทยรักษาชาติ ต่อศาลรัฐธรรมนูญ ทำให้ความเสี่ยงทางการเมืองเพิ่มสูงขึ้นทันที ต่างชาติเริ่มขายหุ้นออก และตลาดหุ้นเริ่มปรับลง แต่ผมมองว่าเป็นการตื่นตระหนกชั่วคราว
ความเสี่ยงเดียวที่จะทำให้ทิศทางตลาดหุ้นเปลี่ยนเป็นขาลงถาวร ก็คือ ถ้าเกิดการชุมนุมประท้วงวุ่นวายจนทำให้จัดการเลือกตั้งไม่ได้ ซึ่งโอกาสที่จะเกิดน่าจะมีน้อยมาก เพราะกองทัพมีความพร้อมสูงในการดูแลความมั่นคงปลอดภัย อีกทั้งไม่น่าจะมีพรรคการเมืองไหนที่อยากสร้างเหตุให้ต้องมีการเลื่อนการเลือกตั้งออกไป เพราะได้ลงทุนหาเสียงกันไปพอสมควร ในฝั่งของรัฐบาล หรือ คสช. เอง ก็ไม่น่าจะมีเหตุผลที่อยากเห็นการเลือกตั้งถูกเลื่อน เพราะอยู่ในสภาวะที่ได้เปรียบอยู่แล้ว
ผมเชื่อว่าหลังมีนาคมภาพทุกอย่างจะชัดเจนขึ้น และปีนี้จะเป็นปีที่ดีของตลาดหุ้นไทย หุ้นจะขึ้นมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับพัฒนาการของปัจจัยภายนอก รวมทั้งพรรคไหนจะได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ใครจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลจะมีเสถียรภาพมากน้อยแค่ไหน
China Unicom has launched its ambitious 5G-Advanced Action Plan, setting the stage for a significant…
AIS จับมือ การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.), กสทช., กรุงเทพมหานคร และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระดมทีมวิศวกรเข้าดำเนินการจัดระเบียบสายสื่อสารบนเสาไฟฟ้าและนำลงใต้ดิน บริเวณถนนวิทยุ ตั้งแต่แยกวิทยุ ถึงแยกเพลินจิต ทั้งสองฝั่ง ตลอดแนวถนน การดำเนินงานในครั้งนี้ มุ่งเน้นไปที่ความปลอดภัยของประชาชนและการลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ…
ในยุคที่ "Trumpism" กำลังเขย่าวงการโลกอีกครั้ง กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ได้จัดเวทีเสวนา “Trump 2.0 วิกฤตหรือโอกาสของระบบ ววน. ไทย” เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบจากนโยบาย "America…
ฟอร์ติเน็ต เปิดเผยผลสำรวจล่าสุดจากรายงานสถานะความปลอดภัยระบบคลาวด์ประจำปี 2568 (2025 State of Cloud Security Report) ซึ่งจัดทำโดย Cybersecurity Insiders ชี้ให้เห็นว่า องค์กรส่วนใหญ่กำลังเผชิญกับความท้าทายในการรักษาความปลอดภัยบนคลาวด์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการปฏิบัติตามกฎระเบียบและการปกป้องข้อมูล…
ยุคสมัยที่โรงแรมเป็นเพียง "ที่นอน" ได้ลาจากไปแล้ว! นักท่องเที่ยวไทยยุคใหม่กำลังมองหาประสบการณ์ที่มากกว่าการพักผ่อน พวกเขาต้องการสัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่น และใส่ใจความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม เทรนด์ "Conscious Travel" หรือการเดินทางอย่างมีสติกำลังมาแรง สะท้อนผ่านพฤติกรรมการพักผ่อนที่ยาวนานขึ้นในโรงแรม พร้อมแสวงหาประสบการณ์สุดพิเศษที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะบุคคล เจาะลึกเทรนด์นักท่องเที่ยว จากรายงาน Changing…
ไชน่า ยูนิคอม ประกาศความสำเร็จครั้งสำคัญในการพัฒนาเครือข่าย 5G ไปอีกขั้น ด้วยการเปิดตัวแผนปฏิบัติการ 5G-Advanced อย่างเป็นทางการ ในงานแถลงข่าว "Powering the Asian Winter Games with…