‘หลังมีนาคม บรรยากาศการลงทุนจะดีขึ้น’ โดย ไพบูลย์ นลินทรางกูร

ปัจจัยความไม่แน่นอนทั้งหลายที่คุกคามตลาดหุ้นอยู่ในช่วงนี้ ทั้งหมดจะมีความชัดเจนขึ้นหลังเดือนมีนาคม และผมเชื่อว่าจะคลี่คลายไปในทางบวก ซึ่งจะช่วยทำให้บรรยากาศการลงทุนโดยรวมดีขึ้น เงินทุนต่างชาติมีแนวโน้มสูงที่จะไหลกลับ และตลาดหุ้นมีโอกาสสูงที่จะฟื้นตัว ปัจจัยที่เป็นแรงปะทะ หรือ headwinds ของตลาดหุ้นในช่วงนี้มีอยู่ 4 เรื่องใหญ่ๆ คือ

  • 1) การชะลอตัวพร้อมๆ กันของเศรษฐกิจทั่วโลก โดยเฉพาะจีน ที่เราอาจเห็นตัวเลขการเติบโตที่ 5% กว่าๆ ในบางไตรมาสของปีนี้
  • 2) สงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนที่ยังไม่ได้ข้อยุติ
  • 3) การเจรจาแผน Brexit ระหว่างสหราชอาณาจักรกับสหภาพยุโรปที่ยังไม่ลงตัว และ
  • 4) การเมืองไทยที่เริ่มมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น

โชคดีที่นักลงทุนเริ่มคลายกังวลกับนโยบายการเงินของสหรัฐ หลัง Fed ส่งสัญญานชัดว่าจะไม่ขึ้นดอกเบี้ยอีกในเร็วๆ นี้ และจะดึงสภาพคล่องออกจากตลาดเท่าที่จำเป็น ไม่เช่นนั้น แนวโน้มตลาดหุ้นจะประเมินยากขึ้นมาก

เดือนมีนาคมคือเดือนสำคัญ เพราะวันที่ 1 คือวันที่สหรัฐกำหนดจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนมูลค่ารวม 200,000 ล้านดอลลาร์ จาก 10% เป็น 25% ถ้าจีนและสหรัฐไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้

ถัดจากนั้นอีกสามสัปดาห์ วันที่ 24 คือวันที่เราจะได้ทราบกันว่าอนาคตการเมืองไทยจะเป็นอย่างไร รัฐบาลจะมีเสถียรภาพแค่ไหน และอีก 5 วันต่อมา วันที่ 29 คือวันที่สหราชอาณาจักรจะออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปอย่างเป็นทางการ จะเป็นการออกแบบไร้ข้อตกลง (crash Brexit) แบบเบ็ดเสร็จ (hard Brexit) หรือ แบบผ่อนปรน (soft Brexit) ยังไม่มีใครคาดเดาได้ แต่ถ้าเป็นแบบแรก จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของอังกฤษและยุโรปอย่างมาก

ในมุมมองส่วนตัว ผมค่อนข้างมั่นใจว่าปัจจัยเสี่ยงที่กล่าวถึงทั้งหมดจะลงเอยด้วยดี การที่ภาวะเศรษฐกิจของประเทศจีน สหรัฐ อังกฤษ และ สหภาพยุโรป เริ่มเข้าสู่วงจรขาลง หลังขยายตัวอย่างร้อนแรงมาหลายปีติดต่อกัน จะเป็นแรงกดดันให้ผู้นำประเทศเหล่านี้ต้องพยายามหาทางออกที่ประนีประนอมที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสงครามการค้า หรือ เรื่อง Brexit เพื่อประคองเศรษฐกิจของตัวเองไม่ให้ชะลอตัวมากไปกว่านี้

นอกจากนั้น การที่สหรัฐจะมีการเลือกตั้งในปีหน้า และประธานาธิบดีทรัมป์เองก็ประกาศชัดเจนว่าจะลงเลือกตั้งอีกครั้ง น่าจะเป็นอีกหนึ่งแรงกดดันที่ทำให้โอกาสที่ทรัมป์จะเปิดศึกเพื่อให้แตกหักกับจีนมีน้อยมาก

ล่าสุด เริ่มมีข่าวออกมาแล้วว่าสหรัฐอาจจะขยายเส้นตายออกไปอีก 60 วัน เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายมีเวลาในการเจรจานานขึ้น ซึ่งถ้าเป็นจริง ก็จะเป็นสัญญาณที่ดีว่าทั้งหสรัฐและจีนอยากบรรลุข้อตกลงมากกว่าเอาชนะกัน เพื่อให้มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจของทั้งคู่น้อยที่สุด

ในฝั่งของ Brexit เอง ถ้ายังตกลงกันไม่ได้ภายในวันที่ 29 มีนาคม ผมเชื่อว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะมีการยืดเวลาการออกจากสหภาพยุโรปไปอีกระยะหนึ่ง โดยการแก้ไข Article 50 เพื่อป้องกันไม่ให้เกิด crash Brexit ซึ่งไม่เป็นผลดีกับทั้งอังกฤษ หรือยุโรป

ในส่วนของการเมืองไทย แน่นอนว่าหลังเหตุการณ์วันที่ 8 กุมภาพันธ์ ซึ่งตามมาด้วยการยื่นคำร้องขอยุบพรรคไทยรักษาชาติ ต่อศาลรัฐธรรมนูญ ทำให้ความเสี่ยงทางการเมืองเพิ่มสูงขึ้นทันที ต่างชาติเริ่มขายหุ้นออก และตลาดหุ้นเริ่มปรับลง แต่ผมมองว่าเป็นการตื่นตระหนกชั่วคราว

ความเสี่ยงเดียวที่จะทำให้ทิศทางตลาดหุ้นเปลี่ยนเป็นขาลงถาวร ก็คือ ถ้าเกิดการชุมนุมประท้วงวุ่นวายจนทำให้จัดการเลือกตั้งไม่ได้ ซึ่งโอกาสที่จะเกิดน่าจะมีน้อยมาก เพราะกองทัพมีความพร้อมสูงในการดูแลความมั่นคงปลอดภัย อีกทั้งไม่น่าจะมีพรรคการเมืองไหนที่อยากสร้างเหตุให้ต้องมีการเลื่อนการเลือกตั้งออกไป เพราะได้ลงทุนหาเสียงกันไปพอสมควร ในฝั่งของรัฐบาล หรือ คสช. เอง ก็ไม่น่าจะมีเหตุผลที่อยากเห็นการเลือกตั้งถูกเลื่อน เพราะอยู่ในสภาวะที่ได้เปรียบอยู่แล้ว

ผมเชื่อว่าหลังมีนาคมภาพทุกอย่างจะชัดเจนขึ้น และปีนี้จะเป็นปีที่ดีของตลาดหุ้นไทย หุ้นจะขึ้นมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับพัฒนาการของปัจจัยภายนอก รวมทั้งพรรคไหนจะได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ใครจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลจะมีเสถียรภาพมากน้อยแค่ไหน

BizTalk NEWS

Recent Posts

China Unicom to Blanket 300+ Cities with 5G-Advanced by 2025, While Thailand Leads APAC’s 5G Revolution

China Unicom has launched its ambitious 5G-Advanced Action Plan, setting the stage for a significant…

1 hour ago

AIS ผนึกกำลังพันธมิตรภาครัฐ เดินหน้าจัดระเบียบสายสื่อสาร ถนนวิทยุ สร้างมหานครสวยงาม ปลอดภัย

AIS จับมือ การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.), กสทช., กรุงเทพมหานคร และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระดมทีมวิศวกรเข้าดำเนินการจัดระเบียบสายสื่อสารบนเสาไฟฟ้าและนำลงใต้ดิน บริเวณถนนวิทยุ ตั้งแต่แยกวิทยุ ถึงแยกเพลินจิต ทั้งสองฝั่ง ตลอดแนวถนน การดำเนินงานในครั้งนี้ มุ่งเน้นไปที่ความปลอดภัยของประชาชนและการลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ…

2 hours ago

“Trumpism 2.0” กระแทกโลก! สกสว. ชี้ไทยต้องเร่งเครื่อง BCG Economy ดันนวัตกรรมรับมือ ตั้งเป้าปั้นไทยเป็นฮับเทคโนโลยีอาเซียน ดึงต่างชาติร่วมลงทุน

ในยุคที่ "Trumpism" กำลังเขย่าวงการโลกอีกครั้ง กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ได้จัดเวทีเสวนา “Trump 2.0 วิกฤตหรือโอกาสของระบบ ววน. ไทย” เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบจากนโยบาย "America…

2 hours ago

องค์กร 61% กังวลความปลอดภัยคลาวด์ ฟอร์ติเน็ตแนะใช้แพลตฟอร์มรวมศูนย์-เสริมทักษะรับมือภัยคุกคามยุคใหม่

ฟอร์ติเน็ต เปิดเผยผลสำรวจล่าสุดจากรายงานสถานะความปลอดภัยระบบคลาวด์ประจำปี 2568 (2025 State of Cloud Security Report) ซึ่งจัดทำโดย Cybersecurity Insiders ชี้ให้เห็นว่า องค์กรส่วนใหญ่กำลังเผชิญกับความท้าทายในการรักษาความปลอดภัยบนคลาวด์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการปฏิบัติตามกฎระเบียบและการปกป้องข้อมูล…

2 hours ago

เปิดเทรนด์ “Conscious Travel” สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม

ยุคสมัยที่โรงแรมเป็นเพียง "ที่นอน" ได้ลาจากไปแล้ว! นักท่องเที่ยวไทยยุคใหม่กำลังมองหาประสบการณ์ที่มากกว่าการพักผ่อน พวกเขาต้องการสัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่น และใส่ใจความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม เทรนด์ "Conscious Travel" หรือการเดินทางอย่างมีสติกำลังมาแรง สะท้อนผ่านพฤติกรรมการพักผ่อนที่ยาวนานขึ้นในโรงแรม พร้อมแสวงหาประสบการณ์สุดพิเศษที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะบุคคล เจาะลึกเทรนด์นักท่องเที่ยว จากรายงาน Changing…

2 hours ago

ไชน่า ยูนิคอม ผนึกกำลัง หัวเว่ย เร่งเครื่อง 5G-Advanced ทั่วเอเชีย

ไชน่า ยูนิคอม ประกาศความสำเร็จครั้งสำคัญในการพัฒนาเครือข่าย 5G ไปอีกขั้น ด้วยการเปิดตัวแผนปฏิบัติการ 5G-Advanced อย่างเป็นทางการ ในงานแถลงข่าว "Powering the Asian Winter Games with…

2 hours ago