บริษัท ออโต้เดสก์ เข้าร่วมงาน Future Mobility Asia ในวันที่ 20-22 กรกฎาคมนี้ ซึ่งในงานจัดให้มีนิทรรศการแสดงผลงาน รวมถึงการสัมมนานำเสนอแนวคิด โซลูชัน เทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ในการขับเคลื่อนบนท้องถนนสำหรับอนาคต
ภายในปี 2030 (พ.ศ.2573) คาดว่าจะมียานยนต์ 1 ใน 3 คันจะเป็นระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ด้วยนโยบายเชิงรุกการพัฒนาอย่างยั่งยืนของรัฐบาลภูมิภาคเอเชีย กำหนดให้ภูมิภาคนี้มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงระดับโลกไปสู่การนำพลังงานสะอาดมาใช้ในธุรกิจยานยนต์ (Clean Mobility) ซึ่งบริษัท Tech Data Advanced Solutions (Thailand) ร่วมมือกับบริษัท Autodesk ผลักดันและส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ที่เป็นไปได้เพื่อก้าวเข้าสู่ระบบดิจิทัล โดยมีแนวโน้มในการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ อาทิ Generative Design, ปัญญาประดิษฐ์ (AI), การผลิตขั้นสูง รวมถึงข้อมูลที่มีการเชื่อมต่อกันไปสู่การเปลี่ยนแปลงโฉมใหม่ของอุตสาหกรรมยานยนต์
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบดิจิทัล (Digital Transformation) เป็นมากกว่าการใช้ซอฟต์แวร์ แต่เป็นการสร้างแนวทางการเชื่อมต่อข้อมูลระบบดิจิทัลอย่างสมบูรณ์ในกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยที่ขั้นตอนต่อไปของการเปลี่ยนผ่านเป็นสู่ระบบดิจิทัลนั้น แพลตฟอร์มและทรัพยากรต่าง ๆ ของระบบดิจิทัลที่สร้างขึ้นในปัจจุบันจะมีการสื่อสารระหว่างกัน โดยในขณะที่มนุษย์และเครื่องจักรทำงานร่วมกันอย่างผสมผสานกลมกลืนและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะให้ใช้งานได้นั้น จำเป็นต้องมีข้อมูลที่เชื่อมต่อข้อมูลเข้าด้วยกันและกระบวนการแบบอัตโนมัติที่ทำงานอัจฉริยะ
–ฮอนด้าฉลองครบรอบ 50 ปี “ฮอนด้า ซีวิค”
–GWM เปิดตัวแบรนด์ในมาเลเซีย เดินหน้ารุกตลาดอาเซียนต่อเนื่อง
Ultra-SkateboardTM เป็นแพลตฟอร์มออกแบบแชสซีรถยนต์อัจฉริยะที่ใช้พลังปัญญาประดิษฐ์ (AI) ตัวแรกของโลกที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาเพื่อลดอุปสรรคด้านนวัตกรรมของการขับขี่อัตโนมัติ นอกจากนี้ยังช่วยลดระยะเวลาในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ซึ่งให้ประโยชน์ด้านความยั่งยืนอย่างมาก
PIX Moving ใช้ Generative Design ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อปรับแต่งการออกแบบแชสซีให้เหมาะสมกับการใช้งานมากที่สุด ซึ่งช่วยให้ทั้งรูปร่างของชิ้นส่วนและคุณสมบัติทางกายภาพสามารถปรับเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็ว เพื่อให้เหมาะกับความต้องการที่แตกต่างกันตามการใช้งานของลูกค้า ด้วยการรวมวิธีการนี้เข้ากับการพิมพ์โลหะ 3 มิติ และเทคโนโลยีการผลิตดิจิทัลอื่น ๆ PIX Moving สามารถผลิตแพลตฟอร์มและยานพาหนะที่ปรับแต่งได้หลากหลายแทบจะไม่จำกัดภายในระยะเวลาการผลิตที่สั้นกว่าแนวทางการผลิตแบบปกติที่พึ่งพิงการผลิตแบบ OEM ของโรงงานเดียวร่วมกับการใช้ห่วงโซ่อุปทานที่ค่อนข้างยาว
Briggs Automotive Company (BAC): ล้อของรถสปอร์ตรุ่น BAC Mono – หนึ่งในล้อที่เบาที่สุดในโลก
Briggs Automotive Company (BAC) ผู้ผลิตรถสปอร์ตสัญชาติอังกฤษที่รู้จักกันดีในรุ่น BAC Mono เหนือสิ่งอื่นใดต้องออกแบบขอบล้อรถใหม่โดยใช้ Generative Design ช่วยให้รถแข่งมีน้ำหนักรวมลดลงเหลือเพียงแค่ 570 กก. และสามารถเร่งความเร็วได้ถึง 100 กม./ชม. ในเวลาไม่ถึง 3 วินาที
ด้วยการใช้เทคโนโลยี Generative Design เพื่อพัฒนาล้อแบบใหม่ BAC สามารถลดน้ำหนักรถทั้งคันได้อีก 4.8 กก. สำหรับรถรุ่นล่าสุด ในขณะที่ชิ้นส่วนของรถประมาณ 40 ชิ้นได้รับผลิตจากการพิมพ์แบบ 3 มิติ และล้อถูกผลิตด้วยเครื่องกัด 5 แกน (5-axis mill) ในการทำเช่นนี้ ผู้ออกแบบได้กำหนดเงื่อนไขขอบเขตสำหรับการออกแบบ และอัลกอริทึมที่ใช้ Machine Learning รวมถึงการประมวลผลบนคลาวด์ช่วยจำลองตัวเลือกต่าง ๆ ขึ้นมาซ้ำ ๆ หลาย ๆ รอบ เพื่อทำมาประเมินเท่านั้น หมายความว่าไม่เพียงแต่ข้อกำหนดทางเทคนิคและคุณลักษณะเฉพาะทางการผลิตจะได้รับการพิจารณาตั้งแต่เริ่มต้นเท่านั้น แต่ยังรวมถึงข้อกำหนดด้านสุนทรียภาพด้วย ล้วนเป็นคุณสมบัติสำคัญของแบรนด์ พร้อมทั้งเสริมด้วยวัสดุคุณภาพดีและฟังก์ชันการทำงานที่มีความต้องการสูงสำหรับรถรุ่น BAC Mono นอกจากนี้ยังใช้กระบวนการพิมพ์ 3 มิติสำหรับทำชิ้นส่วนอื่น ๆ ของรถสปอร์ต เช่น ไฟหน้า กระจกมองข้าง และโครงไฟท้ายอีกด้วย
BAC ผลิตล้อแต่ละข้างที่มีน้ำหนักเพียง 2.2 กก. เบาลงกว่ารุ่นก่อนถึง 35% ได้อย่างน่าประทับใจ และสามารถผลิตได้ตามปกติบนเครื่อง CNC (computer numerical control) แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ ล้อใหม่ไม่เพียงแต่เบากว่าเท่านั้น แต่ยังตรงตามข้อกำหนดด้านโครงสร้างสำหรับการขออนุมัติและการรับรองจากทางการในยุโรปด้วย
MJK Performance: ผู้ผลิตอะไหล่สำหรับ Harley-Davidson
น้ำหนักเบา แข็งแรง และประสิทธิภาพสูงคือ สิ่งที่บริษัท MJK Performance ของแคนาดาให้ความสำคัญในการผลิตชิ้นส่วนอะไหล่ของ Harley-Davidson ที่พัฒนาขึ้นเอง โดยมีโรงงานตั้งอยู่ในเมืองคาลการี ประเทศแคนาดา บริษัทได้เป็นผู้จัดหาชิ้นส่วนอะไหล่สำหรับ Harley มาตั้งแต่ปี 2007 (พ.ศ.2550) โดยใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ล้ำหน้าอยู่เสมอ การนำ Generative Design มาใช้ถือเป็นก้าวต่อไปสำหรับ MJK และส่งผลให้มีการผสมผสานกันอย่างมีเอกลักษณ์ของชิ้นส่วนที่มีน้ำหนักเบาและประสิทธิภาพสูง ซึ่งเลียนแบบปรัชญาการมองเห็นแบบเป็นหนึ่งเดียวของ Harley Davidson (the Singular Harley Davidson Visual Philosophy)
สำหรับการออกแบบอะไหล่ชิ้นส่วนแรกด้วยเทคโนโลยีนี้ ทีมงานได้มุ่งไปที่แคลมป์สามตัว (Triple Clamp) ชิ้นส่วนเหล่านี้มักจะใหญ่และเทอะทะ ดังนั้นพวกเขาจึงเน้นที่การออกแบบใหม่ให้เบาที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในขณะที่ยังคงรักษาความสวยงามที่บริษัทขึ้นชื่อไว้ Generative Design ช่วยให้ทีมสามารถเลือกการออกแบบต่าง ๆ ที่อัลกอริทึมแนะนำ และเปลี่ยนจากแบบจำลองที่สร้างด้วยคอมพิวเตอร์ไปสู่ความเป็นจริงได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง
“การพลิกผัน (Global Disruption) ของอุตสาหกรรมการผลิตทั่วโลกได้บังคับให้เราทุกคนต้องปรับตัวอย่างรวดเร็วด้วยการทำงานวิถีใหม่จากระยะไกล พร้อมกับห่วงโซ่อุปทานที่ผันผวน และอุปสงค์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน แต่ยังได้สร้างโอกาสดี ๆ อันน่าทึ่งในการคิดใหม่ถึงสิ่งที่เป็นไปได้ใหม่ ๆ (reimagine what’s possible)อีกด้วย” Detlev Reicheneder ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์อุตสาหกรรมของ Autodesk กล่าว