หลังจากเราก้าวเข้าสู่ช่วงปีใหม่ 2562 อีกหนึ่งปีที่ท้าทายสำหรับคนในยุคดิจิทัล วันนี้ Biztalk เลขขอมาแชร์ความคิด และ ข้อมูลแบบคร่าว ๆ ว่า ในปี 2562 เทคโนโลยีดิจิทัลที่จะเข้ามามีบทบาทในชีวิตเราจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง
วสิษฐ์ วัฒนศัพท์ หัวหน้าฝ่ายงานปฏิบัติการและสนับสนุนด้านเทคโนโลยีทั่วประเทศ AIS บอกกับ Biztalk ว่าในปี 2562 เราจะยังใช้ชีวิตอยู่กับเทคโนโลยีหลัก ๆ 4 อย่างด้วยกัน นั่นก็คือ IoT , Big Data , AI และ Robot
หลายคนอาจจะบอกว่าเรื่องพวกนี้ ไม่ได้เป็นเรื่องใหม่ …เพราะเคยได้ยิน ได้เห็นมาบ้างแล้วในปี 2561 แต่เชื่อเถอะว่า ปี 2562 พวกคุณจะได้ใช้เทคโนโลยีพวกนี้มากขึ้นอย่างแน่นอน
***IoT จะแพร่หลายมากขึ้น ***
ตลอดปี 2561 เราจะได้ยินคำหนึ่งที่แปลกหู “อินเทอร์เน็ตทุกสรรพสิ่ง” ฟังแล้วก็งง พอมาดูภาษาอังกฤษ Internet of Things หรือ IoT ก็คงจะคุ้นหูมากขึ้น / เอาง่าย ๆ ก็คือ การที่อุปกรณ์อัจฉริยะต่าง ๆ มันสามารถคุยกันเอง สั่งงานกันเองได้ โดยที่เราไม่ต้องทำอะไรมาก / ช่วงแรก ๆ เราอาจคุ้นเคยกับการใช้งานสมาร์ทโฟน ซึ่งเปรียบเสมือนคอมพิวเตอร์พกพาเครื่องเล็กๆ ติดตัว แต่ตอนนี้ มันจะมีอะไรก็ไม่รู้ที่เป็นสมาร์ทเยอะแยะไปหมด และพอมันเชื่อมต่อกันเองได้ เท่านั้นแหละ คนเราแทบจะไม่ต้องทำอะไรเลย
ในปีนี้ เราอาจได้เห็นอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ IoT มีขายในท้องตลาดแพร่หลายมากขึ้น ราคาถูกลง และคำว่า สมาร์ทโฮม สมาร์ทบัส สมาร์ทคาร์ สมาร์ทฯลฯ ก็จะเข้ามาในชีวิตประจำวันเรามากขึ้น… ก็แน่นอน..เมื่อเทคโนโลยีทันสมัยขึ้น ทำให้การใช้ชีวิตสบายขึ้น ในราคาที่ถูกลง…ทำไมจะไม่ซื้อมาใช้ล่ะ ????
*** คนคุ้นเคยกับการใช้ AI มากขึ้น***
ที่ผ่านมาเราได้เห็นผู้ผลิตอุปกรณ์สมาร์ทโฟนหลายค่ายเปลี่ยนยุทธศาสตร์ การแข่งขัน จากเดิมที่แข่งกันที่ดีไซน์ และ การเพิ่มขีดความสามารถเรื่องกล้องถ่ายรูป ซึ่งก็ยังคงมีให้เห็น แต่ที่โชว์กันแบบดุเดือดเลยก็คือระบบผู้ช่วยอัจฉริยะ หรือ AI นี่แหละ …. “Siri” “bixby” “google assistant” ที่ฉลาดมากขึ้น และสามารถคุยกับคนไทยเป็นภาษาไทยได้
นั่นทำให้คนไทย หันมาใช้งานผู้ช่วยอัจฉริยะ ที่ติดตั้งอยู่แล้วในสมาร์ทโฟนหรือ สมาร์ทดีไวซ์ ของตัวเองมากขึ้น ตั้งแต่การสั่งตั้งนาฬิกาปลุก ถามหาชื่อและที่ตั้งร้านอาหาร ถามเส้นทางไปสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ สั่งเปิด-ปิด เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน หรือแม้แต่คุยเล่น ( จำได้ว่า ตอนมี siri ใหม่ๆ ก็มีแต่คุยเล่น ไม่ค่อยได้ใช้ประโยชน์อะไร…จนถึงตอนนี้ พัฒนาไปถึงขั้นบอกให้ siri ร้องเพลงให้ฟังก็มี) และหลังจากนี้เชื่อว่า คนไทย จะใช้ประโยชน์จาก AI มากขึ้น และคนก็จะมี Gadget ต่าง ๆ ในตัวเพิ่มขึ้น ล่าสุด..ผู้ช่วยอัจฉริยะก็เริ่มแทรกซึมเข้ามาอยู่ในรถยนต์ …เตือนแม้กระทั่งเวลาขับรถออกนอกเลน …เบรกกะทันหัน …. ขับเร็วไป / ช้าไป … เตือนมันหมดทุกอย่าง ซึ่งผู้ผลิตระบุว่า ก็เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่…และจากนี้เราจะเห็นเทคโนโลยีแบบนี้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากมือถือ—> ของใช้ในบ้าน—>รถยนต์—->สัญญาณไฟจราจร ฯลฯ
***Big Data จะถูกให้ความสำคัญมากขึ้นในทุกองค์กรทั้งรัฐและเอกชน***
Big Data เป็นอีกหนึ่งคำที่พูดกันมากตลอดปี 2561 และจะยังมีต่อเนื่องในปี 2562 และจะได้รับความสำคัญมากขึ้น เพราะหลายหน่วยงานเริ่มหันมาเห็นประโยชน์ของการมี Big Data ทำไมน่ะเหรอ???
ก็การที่จะพัฒนา AI ได้มันต้องอาศัยข้อมูลมหาศาลเพื่อให้ระบบสามารถประมวลผลได้แม่นยำ และถูกต้องมากที่สุด (ในความคิดเรานะ … Big Data มันก็คงเหมือนการสั่งสมประสบการณ์ชีวิตของคนหลาย ๆ ล้านคน ตั้งแต่วันแรกที่เกิดจนวันสุดท้ายที่ลาจากโลกนี้ไป ยิ่งมีประสบการณ์มาก ความผิดพลาดก็จะน้อยลง … เหมือนเป็นการสั่งสมกระบวนการเรียนรู้อะไรหลายๆ อย่าง โดยข้อมูลของประสบการณ์และการเรียนรู้ที่ได้ไม่ได้ตายหลายจากโลกไปตามตัว และยังคงอยู่ในระบบที่นำมาประมวลผลจนเกิดเป็น AI นี่แหละ)
หน่วยงานทางวิชาการ การตลาด จะมีการจัดทำ Big Data มากขึ้น และจะถูกนำมาใช้ประโยชน์ในเชิงวิเคราะห์ เช่น การวิเคราะห์เทรนด์การตลาด การวิเคราะห์พฤติกรรมจราจร การวิเคราะห์ฯลฯ เพื่อที่จะให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องแม่นยำและนำมาซึ่งประสิทธิผล นี่ไม่รวมถึงพวกเทคโนโลยีที่นำ Big Data มาใช้ในการพัฒนา AI หรือ อัลกอริทึ่มต่าง ๆ นะ
*** Robot เพื่อนสนิทหรือศัตรูตัวฉกาจ***
เดินตามห้างสรรพสินค้าหรูตอนนี้ คงได้เห็นวางขายกันแล้ว สำหรับหุ่นยนต์ผู้ช่วย หน้าตาน่ารัก ที่เปรียบเสมือนเพื่อนเล่นคลายเหงา ที่ตอนนี้อาจพูดได้ไม่กี่ภาษา แต่เชื่อเถอะว่าอีกไม่นานมันจะพูดภาษาไทยได้ สนนราคาตอนนี้ ก็หลักหมื่นต้น ๆ พูดได้ คิดได้ ออดอ้อนได้ งอแงได้ ช่วยเป็นเพื่อนเล่นกับเด็ก และ ดูแลผู้สูงอายุได้ หุ่นยนต์เหล่านี้ กำลังเข้ามาทำตลาดเมืองไทยมากขึ้นหลังจากได้รับความนิยมในต่างประเทศมาก่อนหน้า
แต่หากมองลงไปให้ลึกอีกนิด ก็จะเห็นว่า “หุ่นยนต์” ไม่ได้จะแทรกเข้ามาอยู่เป็นเพื่อนมนุษย์ตามบ้านเรือนเท่านั้น แต่ในภาคธุรกิจ และ อุตสาหกรรม “หุ่นยนต์” ก็เข้ามามากแล้ว จนทำให้เกิดความกังวลว่า เมื่อหุ่นยนต์เข้ามาแทนที่แรงงานมนุษย์…แล้วมนุษย์จะทำงานทำการอะไรเลี้ยงปากท้อง
สถาบันวิจัยแมคคินซีย์โกลบอล เคยเปิดเผยผลวิจัยออกมาพบว่า คนทำงานทั่วโลก 400-800 ล้านคนจะต้องเปลี่ยนอาชีพ ภายในปี 2573 เพราะคนเหล่านั้นจะถูกแทนที่ด้วยระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์ และเทคโนโลยีสมองกล(AI) และตอนนี้ก็เริ่มเห็นผลแล้ว จากการปิดสาขาลงของธนาคารหลายแห่ง หรือการลดจำนวนพนักงานในโรงงานอุตสาหกรรม
เท่าที่พูดคุยกับผู้บริหารหลายหน่วยงาน ทั้งภาคอุตสาหกรรม และ ธุรกิจ ต่างก็กระซิบเป็นเสียงเดียวกันว่า ได้มีการลงทุนในเรื่องหุ่นยนต์ ระบบอัตโนมัติ และ ระบบ AI กันพร้อม เพราะต้องก้าวตามให้ทันกระแสความเปลี่ยนแปลงของโลก ….แต่การลงทุนเหล่านี้ คงไม่สามารถเปิดเผยแบบหวือหวาได้ เพราะ จะส่งผลต่อการทำงานของแรงงานมนุษย์ ให้รู้สึกว่ามีความไม่มั่นคงในอาชีพการงาน …แต่เชื่อเถอะ … เรื่องการลดคนงาน เพราะถูกแทนที่ด้วยระบบอัตโนมัติต่างๆ จะเห็นมากขึ้นในปีนี้ และปีต่อ ๆ ไป โดยจะมาแบบสายฟ้าแล่บ… เพราะฉะนั้นเตรียมตัวกันให้ดี ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มธนาคาร , โรงงานอุตสาหกรรม , พนักงานขายทางโทรศัพท์ ฯลฯ
ไปเจอข้อมูลที่น่าสนใจ เขียนโดย คุณภาวุธ พงษ์วิทยภาณุ ที่พูดถึง 10 อาชีพเสี่ยงโดนหุ่นยนต์ (AI) แทนที่ ซึ่งเป็นข้อมูลจากเว็บไซต์ https://willrobotstakemyjob.com อยากจะเอามาแชร์ให้เตรียมตัวกันไว้
- 1พนักงานขายผ่านทางโทรศัพท์ มีความเสี่ยงสูงถึง 99% โดยคาดกันว่าในปี 2024 หรือ 5 ปีข้างหน้า พนักงานขายผ่านทางโทรศัพท์จะลดลงเหลือเพียง 3% โดยจะถูกแทนที่ด้วยระบบอัตโนมัติ
- พนักงานลงบัญชี ความเสี่ยง 98% คาดการณ์ว่าอาชีพนี้จะลดลง 8% ในปี 2024 โดยมีโปรแกรมบัญชีสำเร็จรูปเข้ามาแทนที่ และทำให้เจ้าของกิจการทำบัญชีเองได้ง่ายๆ
- ผู้จัดการด้านค่าตอบแทนและสวัสดิการ ความเสี่ยง 96% แม้ว่าคาดการณ์อาชีพนี้จะระบุว่ามีแนวโน้มเติบโตถึง 7% ในปี 2024 แต่ก็ยังมีความเสี่ยงเพราะ โปรแกรมคำนวณค่าตอบแทนอัตโนมัติเริ่มมีออกมาให้ใช้งานได้อย่างแพร่หลายแล้ว
- พนักงานต้อนรับ ความเสี่ยง 96% ตอนนี้เราเริ่มเห็นการใช้หุ่นยนต์ มาแทนที่พนักงานต้อนรับกันอย่างแพร่หลายแล้วในบางประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี อย่างญี่ปุ่น และแน่นอน อีกไม่นานมาถึงประเทศไทยแน่…ลองดูตามห้างสิ!! เริ่มเห็น”หุ่นดินสอ” มานั่งหน้าแป้นแล้นแล้วใช่มั้ย !!
- คนเดินหนังสือ, พนักงานส่งของ ความเสี่ยง 94% แรงงานเหล่านี้จะถูกแทนที่ด้วย โดรนหรือ หุ่นยนต์ ที่แม้ตอนนี้จะไม่แพร่หลายแต่ก็คาดว่าจะเกิดขึ้นได้มากขึ้นถึง 5% ภายในปี 2024
- พนักงาน พิสูจน์อักษร ความเสี่ยง 84%
- ผู้สนับสนุนด้านคอมพิวเตอร์ ความเสี่ยง 65%
- นักวิจัยการตลาด ความเสี่ยง 61%
- พนักงานขายโฆษณา ความเสี่ยง 54%
- พนักงานขายสินค้าตามห้าง ความเสี่ยง 92%
เห็นข้อมูลแบบนี้แล้ว อย่าเพิ่งตกใจท้อแท้ หมดความหวัง เพราะข้อมูลเหล่านี้ จะเป็นเหมือนหมอดู ที่กำลังบอกว่า ในอนาคตเรากำลังจะต้องเจอกับอะไร และต้องเตรียมรับมือกับมันอย่างไรเท่านั้น สิ่งสำคัญก็คือ …. เราต้องรู้ตัวเองว่า กำลังทำอะไร อยู่ตรงจุดไหนของโลกใบนี้ที่กำลังเปลี่ยนแปลงยุคสมัยจากยุค 4.0 กำลังจะเข้าสู่ยุค 5.0 อย่างรวดเร็ว
สุดท้ายก็แค่อยากบอกว่า คนที่ปรับตัวได้เร็วมักเป็นคนที่อยู่รอด และช่วงเวลาที่เหมาะสม จะทำให้การปรับตัวครั้งใหญ่ เป็นการปรับตัวที่ส่งให้เกิดผลสำเร็จ ดังนั้น ปีใหม่ปีนี้ หากคิดจะทำอะไรก็รีบทำ คิดแล้วก็ต้องลงมือทำ ความสำเร็จหรือความผิดพลาดที่เกิดขึ้น จะเปรียบเสมือน Big Data ที่ทำให้เราประมวลผลการใช้ชีวิตให้ถูกต้อง ไม่พลาดซ้ำสอง ….ขอให้ทุกท่านโชคดี และ ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงตลอดปี 2562