เปิดตัว vivo X70 Series 5G สมาร์ทโฟนเรือธงตัวใหม่ ที่มาพร้อมเทคโนโลยี ZEISS T

vivo เปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธง vivo X70 Series 5G จากตระกูล X Series ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ มาพร้อมกล้องหลักความละเอียด 50MP ระบบกันสั่น Gimbal Stabilization 3.0 พร้อม Super-Night Mode สำหรับถ่ายภาพและวิดีโอตอนกลางคืน พร้อมวางจำหน่ายอย่าง ทั่วประเทศ ในวันเสาร์ ที่ 16 ตุลาคม 2564 โดย X70 5G จำหน่ายในราคา 21,999 บาท และ X70 Pro 5G จำหน่ายในราคา 27,999 บาท

vivo X70 Series 5G คือสมาร์ทโฟนที่รวมเอาคุณสมบัติด้านการประมวลผลการภาพถ่ายจากทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ โดยกล้องหน้าทั้งสองรุ่นมีความละเอียด 32MP ในขณะที่กล้องหลังของ X70 Pro 5G จะใช้กล้องหลัง 4 ตัว โดยกล้องหลักมีความละเอียดที่ 50MP กล้อง Ultra-Wide ความละเอียด 12MP กล้อง Portrait ความละเอียด 12MP และกล้อง Periscope ขนาด 8MP ในขณะที่รุ่น X70 5G จะใช้ระบบกล้องหลัง 3 ตัว กล้องหลักความละเอียด 40MP กล้อง Ultra-Wide ความละเอียด 12MP และกล้อง Portrait 12MP

มีฟีเจอร์ถ่ายภาพบุคคล ZEISS Biotar Portrait Style และเพิ่มอีก 3 ฟีเจอร์ภาพถ่ายบุคคลในสไตล์ของ ZEISS ได้แก่ Distagon, Planar และ Sonnar

โดยฟีเจอร์ ‘Distagon’ จะให้ภาพกว้างมากขึ้นแบบ (Anamorphic) เหมาะกับการถ่ายภาพพอร์ตเทรตและสถาปัตยกรรมต่างๆ หรือสถานที่ ที่มีการตกแต่งภายในให้เห็นรายละเอียดของพื้นหลัง ฟีเจอร์ ‘Planar’ ให้เอฟเฟกต์ภาพ Bokeh แบบคลาสสิก สุดท้ายฟีเจอร์ ‘Sonnar’ ให้มุมมองภาพถ่ายพอร์ตเทรตที่มี Bokeh แบบนุ่มนวล

เลนส์ทั้งสองรุ่นได้ผ่านการรับรองตามมาตรฐานการเคลือบเลนส์ของ ZEISS T* (T Star) ที่ช่วยลดการสะท้อนและเพิ่มการส่งผ่านแสง ลดการเกิดแสงหลอก แสงฟุ้ง และปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อคุณภาพและความสดใสของภาพที่ได้

ระบบกันสั่นแบบ Ultra-Sensing Gimbal ทำงานร่วมกับ Gimbal Stabilization 3.0 ระบบกันภาพสั่นไหวแบบ 5 แกน ให้ผู้ใช้งานสามารถถ่ายภาพหรือวิดีโอ โดยระบบจะช่วยเสริมการทำงานฮาร์ดแวร์กันสั่นด้วยซอฟต์แวร์ (OIS และ EIS) เพื่อช่วยการลดการสั่นของเลนส์ระหว่างแกน X และ Y ด้วยการหมุนแกน Z เพื่อรักษาความเสถียรในองค์รวม

นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ด้านการถ่ายภาพและวิดีโอ ไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์สำหรับตอนกลางคืนอย่าง Real-Time Extreme Night Vision, Super Night Video และ Pure Night View ฟีเจอร์การถ่ายวิดีโอระดับโปรอย่าง Pro Cinematic Mode

vivo X70 Pro 5G และ X70 5G มาพร้อมชิปเซต MediaTek Dimensity 1200 ในการประมวลผลของ CPU และ GPU สามารถเชื่อมต่อ 5G และยังช่วยประหยัดพลังงาน

แบตเตอรี่ขนาด 4450mAh และ X70 5G มาพร้อมแบตเตอรี่ 4400 mAh รองรับ FlashCharge 44W ทั้งสองรุ่นติดตั้งจอแสดงผลขนาด 6.56 นิ้ว พร้อมอัตราการรีเฟรชสูงสุดที่ 120Hz และอัตราการตอบสนอง 240Hz

vivo X70 Pro 5G และ X70 5G วางจำหน่ายในสี Cosmic Black และ Aurora Dawn ในวันพฤหัสบดีที่ 16 ตุลาคม 2564 โดย vivo X70 Pro 5G จำหน่ายในราคา 27,999 บาท และ vivo X70 5G จำหน่ายในราคา 21,999 บาท

นอกจากนี้ยังเปิดตัวหูฟัง vivo TWS 2 Series โดยจะมีให้เลือกสองรุ่นคือ vivo TWS 2 ANC และ vivo TWS 2e

โดยรุ่น vivo TWS 2 ANC มาพร้อมกับระบบตัดเสียงรบกวน พร้อมคุณภาพเสียงคมชัดระดับ Deep-HD Audio มาพร้อมกับดีไซน์โค้งมน ใช้งานได้ต่อเนื่อง 29 ชั่วโมง วางจำหน่ายที่ราคา 2,999 บาท

และรุ่น vivo TWS 2e มาพร้อมกับระบบการตัดเสียงรบกวนแบบ Dual-Mic เสียงเอฟเฟกต์ที่แตกต่างกัน 3 แบบ ทั้ง Mega Bass เสียงเบสหนักแน่นทรงพลัง Clear Voice รายละเอียดเสียงร้องที่โดดเด่น และ Clear Highs เพิ่มเสียงความถี่ระดับสูงของเครื่องดนตรี ใช้งานได้ยาวนานต่อเนื่องถึง 30 ชั่วโมง วางจำหน่ายที่ราคา 2,499 บาท

• Facebook
• X
• Line