เปิดทดลองใช้ฟรี! มอเตอร์เวย์สาย7 ช่วงพัทยา-มาบตาพุด

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในพิธีเปิดทดลองใช้บริการทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 สายกรุงเทพฯ – บ้านฉาง ช่วงพัทยา – มาบตาพุด พร้อมด้วย นายวิรัช พิมพะนิตย์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายสุชาติ โชคชัยวัฒนากร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงคมนาคม นางสุขสมรวย วันทนียกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายพิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน และนายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ รองปลัดกระทรวงกระทรวงคมนาคม โดยมี นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง ผู้บริหารระดับสูงและเจ้าหน้าที่กรมทางหลวง ให้การต้อนรับ ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2563 ณ ด่านเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางอู่ตะเภา จังหวัดระยอง

 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมมีนโยบายให้กรมทางหลวง ดำเนินการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง เพื่อเสริมประสิทธิภาพการเดินทางและคมนาคมขนส่งทางบก ให้เชื่อมโยงกับรูปแบบการขนส่งทั้งทางน้ำ ทางราง และทางอากาศ ซึ่งเป็นไปตามยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของไทย ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560 – 2579) ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2561 – 2580) ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 สายกรุงเทพฯ – บ้านฉาง เป็นหนึ่งในโครงข่ายสำคัญในการเสริมประสิทธิภาพการขนส่งและโลจิสติกส์ของภาคอุตสาหกรรม เติมเต็มโครงข่ายคมนาคมในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เชื่อมโยงการเดินทางระหว่างภูมิภาค ขยายโอกาสการค้าและการลงทุน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโต ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน สำหรับทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 ส่วนต่อขยาย ช่วงพัทยา-มาบตาพุด มีจุดเริ่มต้นเชื่อมต่อเส้นทางสายชลบุรี – พัทยา บริเวณทางแยกต่างระดับมาบประชัน มุ่งไปทางทิศใต้ผ่าน อ.บางละมุง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ไปสิ้นสุดที่บริเวณบรรจบทางหลวงหมายเลข 3 เทศบาลเมืองมาบตาพุด อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ระยะทางรวม 32 กิโลเมตร วงเงินลงทุนรวม 17,784 ล้านบาท ซึ่งกรมทางหลวงใช้เงินทุนค่าธรรมเนียมผ่านทางซึ่งเป็นรายได้ที่จัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางจากทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 และทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 ที่เปิดให้บริการในปัจจุบันมาใช้ดำเนินการก่อสร้างทั้งหมด และระยะต่อไปจะต่อขยายไปถึงท่าอากาศยานอู่ตะเภา อีกประมาณ 7 กิโลเมตร และในอนาคตมีแผนจะขยายจากท่าอากาศยานอู่ตะเภา – ปราจีนบุรี ไปเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมมีแผนการศึกษาออกแบบเพื่อบูรณาการการเชื่อมต่อระหว่างโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง กับ โครงการรถไฟทางคู่ เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ของอาเซียนอย่างแท้จริง

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวเป็นเส้นทางสายหลักที่เชื่อมสู่ท่าอากาศยานอู่ตะเภา และนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ตลอดจนนิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ รูปแบบโครงการมีลักษณะเป็นทางหลวงพิเศษ ขนาด 4 ช่องจราจร ที่ควบคุมการเข้าออกอย่างสมบูรณ์ ผู้ใช้ทางสามารถใช้ความเร็วสูงสุด 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงตลอดเส้นทาง ช่วยลดระยะเวลาการเดินทางจากทางแยกต่างระดับมาบประชันถึงท่าอากาศยานอู่ตะเภากว่า 30 นาที โดยตลอดแนวเส้นทางโครงการมีด่านชำระค่าผ่านทาง 3 แห่ง ได้แก่ ด่านฯ ห้วยใหญ่ เชื่อมสู่บ้านอำเภอ เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ด่านฯ เขาชีโอน เชื่อมสู่ทางหลวงหมายเลข 331 อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี และด่านฯ อู่ตะเภา เชื่อมสู่ถนนสุขุมวิท อำเภอเมือง และอำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง โดยใช้ระบบจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางประกอบด้วยระบบเงินสด (MTC) และแบบอัตโนมัติ (ETC) ซึ่งสามารถพัฒนาสู่รูปแบบการเก็บค่าผ่านทางแบบไร้ไม้กั้นในอนาคต โดยใช้เทคโนโลยี AI เพื่อความสะดวกและรวดเร็วในการเดินทาง นอกจากนี้ผู้ใช้ทางยังสามารถจอดพักรถได้ ณ จุดพักรถมาบประชัน และสถานที่บริการทางหลวงบางละมุง จังหวัดชลบุรี ซึ่งอยู่ระหว่างก่อสร้างและมีแผนเปิดให้บริการภายในปี 2565

สำหรับการเปิดทดลองให้บริการในครั้งนี้ ประชาชนสามารถเข้ามาใช้บริการได้ 2 ทาง คือ วิ่งต่อเนื่องจากทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 ช่วงชลบุรี – พัทยา ที่บริเวณทางแยกต่างระดับมาบประชัน หรือเข้าจากทางหลวงหมายเลข 3 ถนนสุขุมวิท ที่ด่านอู่ตะเภา โดยไม่มีการจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางเพิ่ม และเมื่อเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในช่วงเดือนกันยายน 2563 จึงจะจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางในอัตราใหม่ตลอดเส้นทางจากกรุงเทพฯ ถึง ด่านอู่ตะเภา รถยนต์ 4 ล้อ 25 – 130 บาท รถยนต์ 6 ล้อ 45 – 210 บาท และรถยนต์มากกว่า 6 ล้อขึ้นไป 60 – 305 บาท ตามลำดับ

ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 สายกรุงเทพฯ – บ้านฉาง ถือเป็นทางเลือกในการเดินทางที่สำคัญ ช่วยสนับสนุนการขยายโอกาสการค้าและการลงทุน กระจายรายได้สู่ท้องถิ่น ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโต สร้างความกินดี อยู่ดีให้แก่ประชาชน ทั้งนี้ ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 ส่วนต่อขยาย ช่วงพัทยา – มาบตาพุด ด่านฯ อู่ตะเภา เปิดทดลองให้ประชาชนได้ใช้บริการแล้ว ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2563 เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป โดยไม่เก็บค่าธรรมเนียมผ่านทาง เพื่อทดสอบระบบและอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน คาดว่าจะมีรถมาใช้บริการไม่ต่ำกว่า 36,000 คันต่อวัน

BizTalk NEWS

Recent Posts

ทรู คอร์ปอเรชั่น หนุนแฟนความเร็วทั่วโลกรองรับงานระดับนานาชาติ “MotoGP”

ทรู คอร์ปอเรชั่น เดินหน้าสนับสนุนการจัดงานระดับโลก "PT Grand Prix of Thailand 2024" หรือ "ไทยแลนด์ โมโตจีพี 2024" ศึกชิงเจ้าแห่งความเร็ว ณ…

11 hours ago

Virgin Active เปิดตัวแคมเปญ ‘Real Wellness My Way’ ตอกย้ำจุดยืนแบรนด์ใหม่ล่าสุด ผลักดันการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมอย่างเป็นรูปธรรม

Virgin Active Thailand เปิดตัวแคมเปญที่ประเทศไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งจุดยืนระดับโลกของแบรนด์อย่าง 'Where Wellness Gets Real' ที่ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม ตอกย้ำวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์เบื้องหลังที่มาของจุดยืนของแบรนด์ล่าสุดที่พร้อมมอบแนวทางในการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมอย่างเป็นรูปธรรม และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าชาวไทยอย่างแท้จริง 'Where Wellness Gets…

11 hours ago

ซีพีแรม ร่วมแบ่งปันความรู้ และประสบการณ์ด้านโลจิสติกส์ Smart Logistics Talk : The Future of Business Transformation ในงาน LogiMAT Southeast Asia 2024

คุณวิเศษ วิศิษฏ์วิญญู กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพีแรม จำกัด ร่วมแบ่งปันความรู้ และประสบการณ์ด้านการจัดการระบบโลจิสติกส์ ภายใต้หัวข้อ “Smart Logistics Talk: The Future of…

11 hours ago

Beam สตาร์ทอัพฟินเทคไทย ปิดจุดอ่อนระบบรับชำระเงิน ด้วยภารกิจ สร้างการชำระเงินที่ง่ายที่สุด สร้างรายได้ปีละ 100 ล้านใน 3 ปี

Beam สตาร์ทอัพฟินเทคที่โตเร็วอันดับต้นๆ ของเมืองไทย ตอบรับกระแสคอมเมิร์ซที่มาแรงต่อเนื่องด้วยระบบชำระเงินครบวงจร ช่วยลดขั้นตอนยุ่งยากซ้ำซ้อน เพิ่มความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยในการทำธุรกรรม ตอบโจทย์ธุรกิจทุกขนาด พร้อมตั้งเป้าสร้างระบบการชำระเงินที่ง่ายที่สุดในโลก ตอกย้ำวิสัยทัศน์ “The World’s Simplest Ways…

11 hours ago

A10 Networks นำเสนอแนวทางการรักษาความปลอดภัยและ ส่งมอบแอปพลิเคชัน AI ที่ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นทางไซเบอร์

A10 Networks ส่งโซลูชันด้านความปลอดภัยและโซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อช่วยให้ลูกค้าเพิ่มความยืดหยุ่นทางไซเบอร์และใช้ประโยชน์จากพลังของ AI ในการรักษาความปลอดภัยและจัดการโครงสร้างพื้นฐานขององค์กร เพื่อลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ ปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้และประสิทธิภาพ ส่งผลให้โครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีขององค์กรง่ายขึ้น จากเทรนด์ GenAI และโมเดลภาษาขนาดใหญ่ รวมถึง GPU…

11 hours ago

Lalamove เผยยอดส่งข้ามจังหวัดเติบโต 40% ตอบรับดีมานด์การส่งของที่สูงขึ้นของรายย่อยและ SMEs

Lalamove เดินหน้าส่งมอบบริการ “ส่งด่วนข้ามจังหวัด ส่งกับ Lalamove” ตอบรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นของการขนส่งด่วนข้ามจังหวัด ช่วยสนับสนุนธุรกิจ SMEs ให้สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนโดยไม่ต้องแบกรับต้นทุนสูง อย่างค่าพาหนะและทีมงานขนส่งของตัวเอง พร้อมมุ่งเน้นการสร้างโอกาสในการเติบโตให้แก่คนขับรถอิสระที่เป็นพาร์ทเนอร์ของ Lalamove การบริการส่งข้ามจังหวัดทั่วไทย พร้อมส่งถึงมือผู้รับทุกจุดหมายทั่วไทยยกเว้น 3…

11 hours ago