เร่งให้ไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าใน 5 ปี

กระทรวงอุตสาหกรรม เร่งขับเคลื่อนให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ จักรยานยนต์ และรถบัสไฟฟ้า  โดยกำหนดแผนดำเนินการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าให้ปี ค.ศ. 2030 ประเทศไทยมีการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle : EV) คิดเป็นร้อยละ 30 ของปริมาณการผลิตทั้งหมด (ประมาณ 750,000 คัน) พร้อมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนหวังเกิดผลในทางปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม โดยให้หน่วยงานที่ได้รับมอบหมายเร่งดำเนินการกำหนดมาตรการสนับสนุน และให้สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และรายงานปัญหาอุปสรรคให้คณะกรรมการฯ ทราบโดยเร็ว เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชน

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ ครั้งที่ 1-1/2563 โดยได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน พิจารณาสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมของการลงทุนผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ไฟฟ้าเพื่อให้เกิดการเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าภายใน 5 ปี และมอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพลังงาน และกระทรวงคมนาคม ร่วมกันพิจารณาดำเนินการให้เกิดอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ประกอบด้วย รถยนต์ จักรยานยนต์ และรถบัสสาธารณะ เพื่อเชื่อมโยงระบบคมนาคม และลดปัญหาฝุ่น PM2.5 อย่างยั่งยืน

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ที่ประชุมให้ความเห็นชอบแผน Roadmap การพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย เพื่อเร่งให้เกิดยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยโดยเร็ว มีเป้าหมายในปี 2030 ประเทศไทยมีการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (xEV) 30% ของปริมาณการผลิตทั้งหมด

โดยแผนระยะสั้น (ปี 2020-2022) จะขับเคลื่อนรถราชการ รถบัสสาธารณะ และรถจักรยานยนต์ไฟฟ้ารับจ้างสาธารณะ และรถส่วนบุคคลอื่น ๆ กำหนดเป้าหมายจำนวน 60,000 – 110,000 คัน

แผนระยะกลาง (ปี 2021-2025) จะเร่งให้มี ECO EV และ Smart City Bus ประมาณ 250,000 คัน

แผนระยะยาวในปี 2030 จะมียานยนต์ไฟฟ้า 750,000 คัน ในปัจจุบัน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (สกท.) ได้เปิดให้มีการส่งเสริมการลงทุนกิจการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วน รวมทั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้า โดยมีผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้รับการส่งเสริมการลงทุนแล้ว 28 โครงการ มีมูลค่าการลงทุนกว่า 110,000 ล้านบาท และมีการจำหน่ายรถยนต์แล้วกว่า 5 ราย ประกอบด้วย Toyota, Honda, Fomm, Benz และ BMW

ในส่วนของสถานีอัดประจุไฟฟ้า ภาครัฐและเอกชนได้มีการติดตั้งสถานี AC 736 จุด และ DC 69 จุด สำหรับการส่งเสริมการผลิตแบตเตอรี่ มีผู้ขอส่งเสริมการลงทุนกว่า 11 ราย และได้รับการส่งเสริมการลงทุน 9 ราย แต่ยังพบว่ามีปัญหาอุปสรรค อาทิ รถยนต์ไฟฟ้ามีราคาสูงประชาชนไม่สามารถเข้าถึง และจำนวนสถานีประจุไฟฟ้าไม่เพียงพอที่จะรองรับการเดินทางในระยะไกล

ทั้งนี้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งขจัดอุปสรรค เสริมอาวุธให้ภาคอุตสาหกรรม โดยการจัดทำแผนส่งเสริมการใช้รถยนต์ที่ปล่อยมลพิษต่ำ และราคาถูกออกมาตรการกระตุ้นตลาด สร้างแรงจูงใจในการเปลี่ยนมาใช้ยานยนต์ไฟฟ้า รวมถึงการเพิ่มสิทธิประโยชน์การลงทุนเพื่อจูงใจให้เกิดการลงทุนผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ ตลอดจนการส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา จัดทำมาตรฐาน สร้างศูนย์ทดสอบสมรรถนะและความปลอดภัย จัดทำแผนการบริหารจัดการซากรถและแบตเตอรี่ใช้แล้ว และการพัฒนาขีดความสามารถบุคลากรในอุตสาหกรรมยานยนต์ เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมไทยเติบโตและพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยการต่อยอดการเป็นฐานการผลิตยานยนต์ประเภทเครื่องยนต์สันดาปภายใน (Internal Combustion Engine : ICE) ไปสู่การเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่สำคัญในภูมิภาค

Scroll to Top