ไทย-ญี่ปุ่น จับมือเปิดศูนย์นวัตกรรมจังหวัดมิเอะ – ประเทศไทย

รองนายกฯ เปิดศูนย์“มิเอะ-ไทยแลนด์ อินโนเวชั่น เซ็นเตอร์ ต่อยอดการวิจัย และแปรรูปอาหารจากวัตถุดิบของไทย เพื่อเพิ่มมูลค่า โดยเฉพาะข้าวและธัญพืช หวังช่วยเอสเอ็มอีไทยที่ยังขาดทักษะการผลิต

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวหลังเป็นประธานเปิดศูนย์นวัตกรรมจังหวัดมิเอะ – ประเทศไทย ที่สถาบันอาหาร กรุงเทพฯ พร้อมรับมอบเครื่องจักรแปรรูปอาหารมูลค่า 25 ล้านเยน จากบริษัท SUEHIRO EPM ประเทศญี่ปุ่น ว่า ปัจจุบันประเทศญี่ปุ่น เป็นคู่ค้าด้านอาหารอันดับ 1 ของไทย ขณะที่ไทยเป็นคู่ค้าอาหารอันดับ 4 ของญี่ปุ่น โดยไทยส่งออกอาหารไปญี่ปุ่นสัดส่วนร้อยละ 13.3 ขณะที่ญี่ปุ่นนำเข้าจากไทยคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 6.4 ซึ่งคาดว่าสิ้นปีนี้ ไทยจะส่งออกสินค้าอาหารไปญี่ปุ่นไม่ต่ำกว่า 130,000 ล้านบาท อยู่ในระดับใกล้เคียงกับปี 2560 ส่วนปี 2562 มีแนวโน้มว่า การส่งออกไปยังญี่ปุ่นจะขยายตัว 8 % โดยมีมูลค่าส่งออกราว 140,000 ล้านบาท

ซึ่งสินค้าอาหารที่ไทยส่งออกไปญี่ปุ่น 3 อันดับแรก ได้แก่ ไก่สดและไก่แปรรูป 46% อาหารทะเลสด และแปรรูป 29% (เช่น กุ้งแช่แข็ง ปลาทูน่ากระป๋อง) ผักผลไม้สด และแปรรูป 4% (เช่น มะม่วง กล้วยหอม ทุเรียน ข้าวโพดหวาน สับปะรดกระป๋อง)

ส่วนสินค้าอาหารที่ไทยนำเข้าจากญี่ปุ่น 3 อันดับแรก ได้แก่ อาหารทะเลสดแช่เย็นแช่แข็ง 55% (เพื่อแปรรูปในอุตสาหกรรม และใช้บริโภคสด) เครื่องปรุงรส 7% (ใช้ในครัวเรือนและร้านอาหาร/โรงแรม) เนื้อวัวสด/แช่เย็น 3% (ส่วนใหญ่ใช้ในร้านอาหาร/โรงแรม)

ซึ่งความร่วมมือระหว่างประเทศไทย กับจ.มิเอะครั้งนี้ จะเป็นการต่อยอดการวิจัย และการทำต้นแบบนวัตกรรมผลิตภัณฑ์แปรรูปอาหารจากวัตถุดิบของไทย เพื่อเพิ่มมูลค่าเชิงพาณิชย์ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์จากข้าวและธัญพืช ซึ่งกลุ่มวิสาหกิจชุมชน สามารถได้รับประโยชน์โดยตรง นับเป็นความร่วมมือทางเทคโนโลยีครั้งแรก ในด้านการแปรรูปอาหาร ตามบันทึกข้อตกลงระหว่างบีโอไอและจังหวัดมิเอะ

โดยปัจจุบันมีบริษัทจากจังหวัดมิเอะ 30 บริษัท ได้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย ทั้งในอุตสาหกรรมอาหาร เทคโนโลยี เคมีเคิล อิเล็กทรอนิกส์ คิดเป็นมูลค่าการลงทุนไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท

Related Posts

Scroll to Top