100 ปี พานาโซนิค วางนโยบายระดับโลกสู่การดำเนินงานในไทย ตอกย้ำแนวคิด “A Better Life, A Better World” เพื่อชีวิตที่ดีกว่า เพื่อโลกที่ดียิ่งขึ้น

กลุ่มบริษัทพานาโซนิคเผยถึงการดำเนินงานในประเทศไทย ภายใต้การประกาศทิศทางธุรกิจระดับโลก เนื่องในโอกาสครบรอบการก่อตั้ง 100 ปี ของพานาโซนิคในประเทศญี่ปุ่น พุ่งเป้าทำตลาด Living Space มากกว่าผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า แต่เป็นไลฟ์สไตล์ โพรไวเดอร์ (Lifestyle Provider) เพื่อส่งมอบพื้นที่การใช้ชีวิตที่ดีกว่าด้วยกลยุทธ์ สินค้าและดีไซน์ระดับพรีเมี่ยมที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค (Premium Product, Premium Design & Local Fit) มั่นใจก้าวเป็นท้อป พรีเมี่ยม แบรนด์ ในใจลูกค้าภายใน 2 ปี

มร. ฮิเดคาสึ อิโตะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทพานาโซนิคในประเทศไทย กล่าวว่า ปีนี้เป็นปีแห่งการครบรอบ 100 ปี แห่งการก่อตั้งพานาโซนิคขึ้นในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งพานาโซนิคทั่วโลกได้มีการเฉลิมฉลอง และจัดกิจกรรมเพื่อตอกย้ำความเป็นแบรนด์คุณภาพ ภายใต้แนวคิด “A Century of Reliability หนึ่งร้อยปีแห่งความไว้วางใจ” โดยในโอกาสดังกล่าว พานาโซนิคประเทศญี่ปุ่น ได้มีการประกาศนโยบายสำคัญทางธุรกิจ ที่นำไปสู่การดำเนินงานของพานาโซนิคทั่วโลกในทิศทางเดียวกัน นั่นคือการดำเนินงานตามปรัชญาของ มร.โคโนสุเกะ มัตสึชิตะ ผู้ก่อตั้งพานาโซนิค ที่จะไม่หยุดนิ่งต่อการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีในการมอบชีวิตที่ดีกว่า แก้ปัญหาคุณภาพชีวิตของผู้คนในสังคมอย่างยั่งยืน เพื่อโลกที่ดียิ่งขึ้น หรือ “A Better Life, A Better World” ผ่าน 3 หมวด ได้แก่ Living Space, Mobility และ Business to Business หรือ B2B ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญของการดำเนินธุรกิจให้เติบโตในระยะยาว

จาก 3 หมวดดังกล่าวนั้น พานาโซนิคทั่วโลกแบ่งการดำเนินงานออกเป็น 4 กลุ่มธุรกิจ ด้วยผลประกอบการรวม 2.5 ล้านล้านบาท ในปี 2017 ได้แก่

กลุ่มที่ 1. Appliances Company (AP) ; สัดส่วนการขายที่ 32%

เป็นผู้พัฒนา ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน (อาทิ ทีวี ตู้เย็น เครื่องซักผ้า ผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในครัว เครื่องเสียง) เครื่องปรับอากาศ ตู้แช่ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (คอมเพรสเซอร์) เซลล์เชื้อเพลิง กลุ่มบริษัท AP มีวิสัยทัศน์ที่จะดำเนินธุรกิจภายใต้การสร้างแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตให้กับผู้บริโภค ซึ่งจะเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนกับผู้บริโภค

กลุ่มที่ 2. Eco Solutions Company (ES) ; สัดส่วนการขายที่ 20%

เป็นผู้พัฒนา ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับโคมไฟติดเพดาน หลอดไฟ อุปกรณ์เกี่ยวกับระบบไฟฟ้า ระบบพลังงานแสงอาทิตย์ ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับระบบน้ำ วัสดุตกแต่งภายในบ้าน ระบบระบายอากาศ ระบบเครื่องปรับอากาศ เครื่องฟอกอากาศ อุปกรณ์เกี่ยวกับการรักษาพยาบาล และจักรยานไฟฟ้า ภายใต้วิสัยทัศน์เกี่ยวกับบ้านและที่อยู่อาศัย ด้วยการนำเสนอบ้านแห่งแรงบันดาลใจและพื้นที่การใช้งานผ่านผลิตภัณฑ์จาก 4 กลุ่มธุรกิจหลักของพานาโซนิค

กลุ่มที่ 3.Connected Solution Company (CNS) ; สัดส่วนการขายที่ 14%

นำเสนอโซโลชั่นต่างๆ รวมถึงการพัฒนา การเชื่อมต่อระบบ การบำรุงรักษา และระบบปฏิบัติการซึ่งมีเป้าหมายหลักไปยังธุรกิจเกี่ยวกับการบิน โรงงานอุตสาหกรรม เอนเตอร์เทนเม้นท์ ธุรกิจค้าปลีก ระบบขนส่ง และพื้นที่สาธารณะ ภายใต้วิสัยทัศน์ที่จะนำเสนอแนวคิดและเทคโนโลยีเพื่อสังคมที่ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยส่งต่อขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับกลุ่มลูกค้า B2B ของพานาโซนิค

และ กลุ่มที่ 4. Automotive & Industrial Systems Company (AIS) ; สัดส่วนการขายที่ 34%

เป็นผู้พัฒนา ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับระบบข้อมูลและความบันเทิงในรถยนต์ รวมถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เกี่ยวกับมัลติมีเดียในรถยนต์ แบตเตอรี่ในรถยนต์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์สำหรับอุตสาหกรรม ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้สร้างสรรค์ความสะดวก สบาย ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

โดยในประเทศไทย จากผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทพานาโซนิคในประเทศไทยช่วงปีที่ผ่านมาพบว่า ผลประกอบการรวมอยู่ที่ 91,000 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนการขายเป็น 4 กลุ่มธุรกิจ ดังนี้ กลุ่ม AP 30% / กลุ่ม ES 9% / กลุ่ม CNS 2% และกลุ่ม AIS 59%

“จากนโยบายการดำเนินงานระดับโลก ที่บริษัทพานาโซนิคประเทศญี่ปุ่นได้ประกาศนั้น กลุ่มบริษัทพานาโซนิคในประเทศไทย ได้นำนโยบายมาใช้สำหรับการวางแผนดำเนินงานในตลาดประเทศไทย ซึ่งจะเน้นให้ความสำคัญกับการทำตลาดในหมวด Living Space ภายใต้กลุ่มธุรกิจ Appliances Company (AP) และ Eco Solutions Company (ES) โดยตั้งเป้าสู่การเป็นไลฟ์สไตล์ โพรไวเดอร์ (Lifestyle Provider) เพื่อนำเสนอประสบการณ์ใหม่ๆ และคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า (A Better Life) สู่ผู้บริโภคชาวไทยผ่านสินค้าและนวัตกรรมระดับพรีเมี่ยม ด้วยไลน์สินค้าที่ตอบสนองความต้องการของครอบครัวที่ครบครัน ตั้งแต่ที่อยู่อาศัยไปจนถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน

พานาโซนิคจะใช้แนวคิดการทำตลาดแบบ Aspire to More คือการสร้างแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตให้ไร้ข้อจำกัดผ่านสินค้าและเทคโนโลยีจากพานาโซนิค ที่ให้ความสำคัญ 3 ด้านภายใต้ความเป็น มาตรฐานจากประเทศญี่ปุ่น (Japan quality) ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมี่ยม (Premium Product) ดีไซน์ระดับพรีเมี่ยม (Premium Design) และการพัฒนาสินค้าให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคในประเทศไทยหรือ Local Fit เพื่อเดินหน้าสู่เป้าหมายที่จะก้าวสู่การเป็นท้อป พรีเมี่ยมแบรนด์ในใจของผู้บริโภคให้ได้ภายในปี 2020 ตามที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้

นอกจากนี้ ตลอดระยะเวลา 57 ปีที่กลุ่มบริษัทพานาโซนิคดำเนินงานในประเทศไทย ได้มีการสร้างสรรค์กิจกรรมเพื่อสังคม คุณภาพชีวิต และสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด ซึ่งมีทั้งกิจกรรมที่สิ้นสุดไปแล้วเช่นโครงการมอบตะเกียงโซล่าเซลล์ ให้กับพื้นที่ห่างไกล และโครงการที่ยังคงดำเนินการอยู่อย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการโรงเรียนใหญ่รอยเท้าเล็ก ส่งเสริมให้เยาวชนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดการปล่อยคาร์บอนต่อโลก การมอบทุนการศึกษา โครงการสร้างสรรค์ฉลาดคิด ผลิตข่าวกับพานาโซนิค เพื่อสนับสนุนให้เยาวชนได้พัฒนาความรู้ ความสามารถ และศักยภาพของตนเองอย่างสร้างสรรค์ โครงการประกวดจิตรกรรมร่วมสมัยพานาโซนิค เพื่อเป็นเวทีให้คนรุ่นใหม่ได้แสดงพลังด้านผลงานศิลปะ เป็นต้น

• Facebook
• X
• Line