เทคโนโลยีด้านพลังงานและเทคโนโลยีไอซีทีถือเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของโลกตั้งแต่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ทั้งยังเป็นสิ่งที่แปลงโฉมโมเดลทางเศรษฐกิจของสังคมมนุษย์จากเศรษฐกิจที่ขึ้นอยู่กับภาคการเกษตรมาเป็นเศรษฐกิจในภาคอุตสาหกรรม จนผันมาเป็นเศรษฐกิจดิจิทัลแบบในปัจจุบัน ซึ่งในการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งใหม่แห่งยุคนี้ เทคโนโลยีดิจิทัลและการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพื่อความเป็นมิตรต่อธรรมชาติจะเป็นสิ่งที่เดินหน้าควบคู่กันไปกัน เพื่อสร้างการพัฒนาสีเขียวที่นำไปสู่โลกอนาคตอันชาญฉลาด โดยเศรษฐกิจดิจิทัลต่อจากนี้จะประกอบไปด้วยเทรนด์ที่น่าจับตามองทั้งหมด 5 เรื่อง ซึ่งต่างก็ตอบโจทย์ทั้งเรื่องความเป็นดิจิทัลและความเป็นกลางทางคาร์บอนไปพร้อมกัน
เทรนด์เรื่องที่ 1: เศรษฐกิจดิจิทัลจะเป็นกุญแจสำคัญในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังการระบาดของโควิด-19
เศรษฐกิจดิจิทัลกำลังพัฒนาไปอย่างรวดเร็วมากทั่วทุกมุมโลก และเป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนสำคัญที่สุดที่ทำให้เกิดนวัตกรรม ความสามารถในการแข่งขัน และการเติบโต อีกทั้งยังมีศักยภาพอย่างมหาศาลสำหรับการสร้างให้เกิดความเป็นอยู่ที่ดีในสังคม โดยในปี พ.ศ. 2563 ผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ของโลกลดลงถึง 2.8% แต่การลงทุนด้านไอซีทีกลับเพิ่มขึ้นแบบสวนกระแสถึง 5% ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงความสำคัญของเทรนด์เรื่องเศรษฐกิจดิจิทัล
–Bitkub Capital Group เผย 7 บริษัทลูก มุ่งสร้างระบบนิเวศและโครงสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลด้วยแนวคิด Social Capital
–สร้างเศรษฐกิจดิจิทัลแบบ Personalization ด้วยนวัตกรรมของ Adobe Experience Cloud
โดยประเทศชั้นนำส่วนใหญ่ทั่วโลกต่างก็ได้พัฒนานโยบาย “Digital First Economy” เพื่อเพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) ใหม่ที่ใหญ่ยิ่งกว่าเดิม โดยมีการคาดการณ์กันว่า 50% ของเศรษฐกิจโลกจะได้รับการแปลงเป็นเศรษฐกิจดิจิทัลภายในปี พ.ศ. 2568 สำหรับแผนงานของประเทศไทยที่จะเป็นเศรษฐกิจดิจิทัลเพิ่มขึ้น 50% ภายในปีพ.ศ. 2573 นั้น เห็นได้ว่าในช่วงสองปีที่ผ่านมา ประเทศไทยนำเทคโนโลยีคลาวด์มาใช้ในองค์กรภาครัฐมากขึ้น 30% – 70% ในภาคเอกชน และการสร้างรายได้จากข้อมูลจะเพิ่มขึ้นเป็น 6 เท่าภายในปีพ.ศ. 2573 ซึ่งเศรษฐกิจดิจิทัลอาจจะสร้างงานใหม่ได้ถึง 60-65 ล้านตำแหน่งภายในอนาคตอันใกล้
เทรนด์เรื่องที่ 2: การเชื่อมต่อและการประมวลผล คือรากฐานของเศรษฐกิจดิจิทัล
การเชื่อมต่อและการประมวลผลจะเป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจดิจิทัล โดยครอบคลุมถึงเทคโนโลยี 5G, F5G และ IoT ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของเทคโนโลยีด้านการเชื่อมต่อ ในขณะที่เทคโนโลยีคลาวด์และ AI จะเป็นหัวใจสำคัญของเทคโนโลยีการประมวลผลในอนาคต ทั้งนี้ ประเทศไทยถือเป็นผู้นำอาเซียนของการมีโครงสร้างดิจิทัลด้านการเชื่อมต่อที่ดีที่สุดในภูมิภาค ซึ่งในอนาคตการบรรจบกันของการเชื่อมต่อและการประมวลผลจะแปลงโฉมทุกอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นการขนส่ง การเงิน หรือพลังงาน และสร้างมูลค่าเพิ่มใหม่ให้กับสังคม
เทรนด์เรื่องที่ 3: การแข่งขันกันนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ โดยเปลี่ยนจากการมุ่งเน้นที่ 5G ไปสู่ 5G + F5G + คลาวด์ + Al แบบ Full-stack
ในปีที่ผ่านมา เราได้เห็นการเติบโตอย่างรวดเร็วของการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ นับตั้งแต่ประเทศไทยออกใบอนุญาตสำหรับการให้บริการ 5G ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2563 หลังจากนั้น ก็ได้พัฒนาจนมีผู้ใช้งานเทคโนโลยี 5G ถึง 4.9 ล้านคน ซึ่งมากกว่าจำนวนผู้ใช้ 5G ในประเทศอาเซียนอื่นๆ ทั้งหมดถึง 2.5 เท่า นอกจากนี้ ในด้านเทคโนโลยีเครือข่ายอินเทอร์เน็ตฟิกซ์บรอดแบนด์ F5G ประเทศไทยก็มีอินเทอร์เน็ตที่มีความเร็วเป็นอันดับ 1 ของโลก เช่นเดียวกันกับการใช้เทคโนโลยีคลาวด์ที่ก้าวหน้าขึ้นอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยมีเคสความสำเร็จอันน่าตื่นเต้นจากเปอร์เซ็นต์การนำเทคโนโลยีคลาวด์ไปใช้ในองค์กรไทยเพิ่มขึ้นจาก 59% เป็น 78% ในช่วงเวลาเพียงหนึ่งปี หลายองค์กรยังได้นำเทคโนโลยี AI เข้ามาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจ โดยการแข่งขันเทคโนโลยีดิจิทัลในอาเซียนต่อจากนี้นั้นก้าวข้ามการเชื่อมต่อไปแล้ว แต่มุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยีหลักของโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลแบบ full-stack เช่น AI5G, F5G, คลาวด์ และ AI มากกว่า
เทรนด์เรื่องที่ 4: ทรัพยากรที่มีค่าที่สุดในโลกจะไม่ใช่น้ำมันอีกต่อไป แต่เป็นข้อมูล (data)
ด้วยความนิยมในเทคโนโลยี 5G, AI และคลาวด์ ทำให้ปริมาณข้อมูลเพิ่มขึ้นด้วยความเร็วที่น่าตกใจ เมื่อผนวกกับเศรษฐกิจดิจิทัลก็ยิ่งทำให้เกิดการสร้างข้อมูลจำนวนมหาศาล เช่น โรงงานดิจิทัลและโรงงานที่เชื่อมต่อกันสามารถสร้างข้อมูลได้ถึง 1 เพตะไบต์ (PB) ในวันเดียว ทั้งนี้ The Economist ได้ตีพิมพ์เรื่อง “ทรัพยากรที่มีค่าที่สุดในโลกไม่ใช่น้ำมันอีกต่อไป แต่เป็นข้อมูล” ซึ่งสะท้อนถึงแนวโน้มที่สำคัญสำหรับวันนี้และอนาคต โดยอุตสาหกรรมข้อมูลจะรวมเข้ากับภาคอุตสาหกรรมหลากหลายรูปแบบและส่งเสริมให้เกิดธุรกิจรูปแบบใหม่ แทรกซึมในเกือบทุกสาขาของสังคม รวมถึงยังจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการกํากับดูแล วิธีการจัดเก็บและการเพิ่มประสิทธิภาพเครือข่ายอีกด้วย
ด้วยเหตุนี้การแปลงข้อมูลเป็นภาษาท้องถิ่นจึงกลายเป็นเทรนด์ใหม่ โดยปัจจุบัน ประเทศต่างๆ มากกว่า 50% ทั่วโลกได้ออกกลยุทธ์ด้านอุตสาหกรรมข้อมูลและออกนโยบายกํากับดูแลการไหลของข้อมูลข้ามพรมแดน รวมทั้งประเทศไทยที่ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านเทรนด์เศรษฐกิจดิจิทัล ด้วยการร่างกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) นั่นหมายความว่าการส่งเสริมความปลอดภัยของข้อมูลและควบคุมห่วงโซ่คุณค่าของข้อมูลในปัจจุบันจะมีความสำคัญมากกว่าที่เคย
เทรนด์เรื่องที่ 5: ไม่มีดิจิทัล ไม่มีสีเขียว, บิตเพิ่มขึ้น วัตต์ที่น้อยลง ไอซีทีจะมีบทบาทสำคัญในเรื่องความเป็นกลางของคาร์บอน
นอกจากการสร้างความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจแล้ว การเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคดิจิทัลยังเป็นหนทางสู่สังคมคาร์บอนต่ำและยั่งยืน โดยอ้างอิงตามรายงานของ World Economic Forum ประโยชน์ที่จะได้รับจากการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ดิจิทัลคือ การปล่อยคาร์บอนทั่วโลกจะลดลง 12 พันล้านตันภายในปี พ.ศ. 2653 สำหรับอุตสาหกรรมไอซีที เครือข่ายต่างๆ ที่จะใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น 2.7 เท่า เพื่อขับเคลื่อนเรื่องโครงสร้างพื้นฐานสีเขียว โดยหัวเว่ยมองว่าประเทศไทยเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่ให้ความมุ่งมั่นด้านความเป็นกลางด้านคาร์บอนอย่างจริงจัง ซึ่งหัวเว่ยจะช่วยสนับสนุนเป้าหมายสีเขียวของประเทศไทย ด้วยการรวบรวมเทคโนโลยีดิจิทัลและพาวเวอร์ อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อพัฒนาพลังงานสะอาด รวมทั้งเปิดใช้งานการแปลงพลังงานเป็นดิจิทัลเพื่อขับเคลื่อนการปฏิวัติพลังงาน
ปัจจุบันนี้ เทรนด์เศรษฐกิจดิจิทัลกำลังเคลื่อนมาสู่พวกเราทุกคน ซึ่งหัวเว่ยจะร่วมกันทำงานกับลูกค้าทุกรายพันธมิตรทุกฝ่าย ไปจนถึงภาครัฐ เพื่อนำความเป็นดิจิทัลสู่ทุกคน ทุกบ้าน และทุกองค์กร และร่วมสร้างประเทศไทยที่เชื่อมต่อถึงกันอย่างสมบูรณ์ มีความอัจฉริยะ และคาร์บอนต่ำไปพร้อมกัน
โดย อาเบล เติ้ง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด
นายวิทยา พันธุ์มงคล รักษาการแทน ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ รฟม. ได้ดำเนินการตามนโยบายอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสูงสุด 20 บาท ซึ่งเป็นหนึ่งนโยบาย Quick Win “คมนาคม…
กฟผ. ร่วมออกบูท EGAT EV Business Solutions (บูท EV3/2) ในงาน Bangkok EV Expo 2024 เพื่อส่งต่อความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในการพัฒนาและการบริหารจัดการเครือข่ายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า…
สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ จับมือกับ “กกร.-สคร.-ม.หอการค้าไทย” จัดงาน 'CEO ECONMASS Awards 2024' สุดยอดผู้นำองค์กร ประจำปี 2567 โดยนายกรัฐมนตรี “แพทองธาร ชินวัตร” เป็นผู้มอบรางวัลในครั้งนี้…
YouTube ประกาศเปิดตัวโปรแกรมแอฟฟิลิเอต YouTube Shopping ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โดยเริ่มต้นด้วยการร่วมมือกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ Shopee โดยโปรแกรมใหม่นี้จะช่วยเปิดโอกาสให้ครีเอเตอร์สามารถรับค่าคอมมิชชันเมื่อผู้ชมซื้อสินค้าที่ครีเอเตอร์แนะนำ พร้อมมอบประสบการณ์การช็อปปิ้งที่ราบรื่นและสะดวกสบายให้กับผู้ชม และเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการเพิ่มรายได้ให้กับครีเอเตอร์ และในขณะเดียวกัน ผู้ชมก็สามารถค้นพบและเลือกซื้อสินค้าที่พวกเขาชื่นชอบได้อย่างง่ายดาย ซึ่งจะช่วยยกระดับประสบการณ์การช็อปปิ้งของผู้ใช้งานทั่วประเทศ ประเทศไทยนับเป็นประเทศที่ 4…
ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ประกาศเข้าร่วมโครงการ GoGreen Plus ของดีเอชแอล ซึ่งเป็นการสะท้อนความร่วมมือที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นระหว่างสองบริษัท โดยยูโอบีมุ่งมั่นที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนทางอ้อม (Scope 3) ที่ไม่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมการเงิน และผลักดันวาระการพัฒนาอย่างยั่งยืนของธนาคารให้ก้าวหน้าไปอีกขั้น ความร่วมมือนี้เปิดโอกาสให้ยูโอบีใช้เชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน (SAF) ในการขนส่งด่วนระหว่างประเทศทางอากาศผ่านบริการ…
vivo ประกาศเปิดตัว Y200 5G สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดจากตระกูล Y Series ที่ได้พรีเซนเตอร์นักแสดงสาวสวย ‘ญดา-นริลญา กุลมงคลเพชร’ มาเป็นตัวแทนพาผู้ใช้งานไปพิสูจน์ความแกร่งของน้องเล็กทนทานเหนือระดับภายใต้แนวคิด ‘สุดทน! ท้าชนทุกสเปก’ โดดเด่นด้วยมาตรฐานทนน้ำทนฝุ่น IP64…