รายงานเชิงลึกระดับโลกของอีริคสัน (Ericsson) เปิดเผยว่าตั้งแต่อีริคสันจัดทำและเผยแพร่รายงาน Ericsson Mobility Report เป็นครั้งแรกในปี 2554 จนถึงปัจจุบันมีปริมาณการใช้อินเตอร์เน็ตบนมือถือเพิ่มขึ้นเกือบ 300 เท่า ในรอบ 10 ปี ที่ผ่านมา พร้อมแนะผู้ให้บริการขยายพื้นที่ให้ครอบคลุุม เครือข่ายมีคุณภาพมากขึ้น เพื่อรอบรับการมาของโลก Metaverse ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
จากการคาดการณ์ที่ระบุว่ายอดผู้ใช้บริการ 5G จะสูงแตะ 660 ล้านบัญชีภายในสิ้นปีนี้เป็นการตอกย้ำสมมติฐานที่ว่า 5G เป็นเจนเนอเรชั่นเครือข่ายไร้สายที่มีการนำมาใช้งานรวดเร็วที่สุด โดยตัวเลขที่เพิ่มขึ้นนี้เป็นผลมาจากความต้องการใช้งานที่เพิ่มขึ้นในประเทศจีนและอเมริกาเหนือ ซึ่งเป็นผลมาจากราคาอุปกรณ์ 5G ที่ลดลง อีริคสันยังพบว่าในไตรมาส 3 ที่ผ่านมานี้ทั่วโลกมียอดผู้ใช้ 5G มีจำนวนเพิ่มขึ้นสุทธิที่ 98 ล้านบัญชี เทียบกับผู้สมัครใช้ 4G รายใหม่ที่ 48 ล้านบัญชี และคาดว่าเครือข่าย 5G จะครอบคลุมผู้ใช้งานกว่า 2 พันล้านคนภายในสิ้นปี 2564
สอดคล้องกับการคาดการณ์ล่าสุดที่ระบุว่าภายในปี 2570 เครือข่าย 5G จะกลายเป็นเครือข่ายหลักของโลกเพื่อใช้เข้าถึงเทคโนโลยีต่าง ๆ ซึ่ง ณ เวลานี้ผู้ใช้ 5G มีสัดส่วนประมาณ 50% ของจำนวนผู้ใช้มือถือทั้งหมดทั่วโลก โดยครอบคลุมประชากรโลกถึง 75% และคิดเป็น 62% ของปริมาณการใช้อินเตอร์เน็ตบนสมาร์ทโฟนทั่วโลก
อิกอร์ มอเรล ประธานบริษัทอีริคสัน ประเทศไทย กล่าวว่า “การสื่อสารบนมือถือก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเหลือเชื่อต่อสังคมและธุรกิจตลอดเวลา 10 ปีที่ผ่านมา เมื่อเรามองไปข้างหน้าในปี 2570 เครือข่ายมือถือจะยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้นทั้งในแง่ของการมีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน รวมถึงการใช้ชีวิตและการทำงาน ในรายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุดของเรา ชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเร่งความเร็วขึ้นอีกระดับ และเทคโนโลยีมีบทบาทอย่างยิ่งยวด”
คาดว่าภายในสิ้นปีนี้ยอดผู้ใช้มือถือในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนียจะเพิ่มเป็น 1.1 พันล้านราย โดยมียอดผู้สมัครใช้บริการ 5G สูงแตะ 15 ล้านราย และจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงสองสามปีนี้ โดยคาดว่าในปี 2570 จะมียอดผู้ใช้ 5G ถึง 560 ล้านราย นอกจากนี้ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนียจะมีปริมาณการใช้อินเตอร์เน็ตต่อสมาร์ทโฟนหนึ่งเครื่องเพิ่มขึ้นในอัตราที่รวดเร็วที่สุดในโลก แตะ 46 กิกกะไบท์ (GB) ต่อเดือน ในปี 2570 หรือเติบโตเฉลี่ย 34% ต่อปี สอดคล้องกับปริมาณการใช้อินเตอร์เน็ตบนมือถือทั้งหมดที่เติบโตต่อปีที่ 39% ส่งผลให้มียอดการใช้เน็ตต่อเดือนสูงถึง 46 เอกซะไบท์ (EB) เป็นผลมาจากจำนวนผู้สมัครใช้บริการ 4G และ 5G ที่เพิ่มขึ้นในตลาดที่เปิดให้บริการ 5G
อิกอร์ กล่าวเสริมว่า “ประเทศไทย คือ หนึ่งในประเทศที่มีประชากรใช้อินเทอร์เน็ตสูงที่สุดในโลก เมื่อกล่าวถึงภาคอุตสาหกรรมและองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ ประเทศไทยคือหนึ่งในศูนย์กลางสำคัญของภาคอุตสาหกรรมในระดับภูมิภาค โดยมีธุรกิจที่มีศักยภาพจำนวนมากที่นำเทคโนโลยี 5G มาปรับปรุงการดำเนินงานให้มีความทันสมัย ผมมองว่าประเทศไทยจำเป็นต้องสร้างเครือข่าย 5G ที่สามารถตั้งโปรแกรม มีความปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ”
ตั้งแต่ปี 2554 การนำเครือข่าย 4G LTE มาใช้งานได้ถือเป็นปัจจัยกระตุ้นสำคัญที่เพิ่มยอดผู้ใช้สมาร์ทโฟนทั่วโลกพุ่งเป็น 5.5 พันล้านคน และเกิดอุปกรณ์ที่รองรับการเชื่อมต่อ 4G ขึ้นในตลาดมากกว่า 20,000 รุ่น ในรายงานยังชี้ให้เห็นว่าวงจรเทคโนโลยีของอุปกรณ์ 5G นั้นเปลี่ยนแปลงไปได้รวดเร็วกว่า ในปัจจุบันมีโทรศัพท์มือถือ 5G ออกมามากกว่า 400 รุ่น คิดเป็นสัดส่วน 23% ของมือถือทั้งหมดทั่วโลก เทียบกับโทรศัพท์มือถือ 4G ที่มีเพียง 8% ณ จุดเดียวกัน
สิ่งนี้กระตุ้นให้การใช้ปริมาณอินเตอร์เน็ตบนมือถือเติบโตอย่างก้าวกระโดด หากพิจารณาการเติบโตแบบปีต่อปี จะพบว่าปริมาณการใช้เน็ตมือถือ ณ ไตรมาส 3 ปี 64 เติบโตที่ 42% หรือประมาณ 78 เอกซะไบต์ (EB) ซึ่งนับรวมปริมาณอินเตอร์เน็ตจากบริการบรอดแบรนด์อินเตอร์เน็ตไร้สาย (Fixed Wireless Network) นอกจากนี้ ยังพบว่ายอดการใช้เน็ตมือถือในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา มีปริมาณเทียบเท่าปริมาณเน็ตที่เคยมีมาทั้งหมดจนถึงปี 2559 ซึ่งจากการคาดการณ์ล่าสุดยังเผยว่าในปี 2570 จะมีการใช้เน็ตมือถือเพิ่มขึ้นสูงถึง 370 เอกซะไบต์ (EB)
สำหรับการเติบโตของตลาดในอนาคต อิกอร์ ให้ความเห็นว่า ปัจจุบันประเทศไทยยังอยู่ใน Early Stage ปัจจุบันมีคนใช้ 5G รวมกันประมาณ 3 ล้านคนทั่วประเทศ ซึ่งอีริคสันคาดว่าในปี 2568 จะมีคนใช้ 5G ถึง 50% ของผู้ใช้ในประเทศไทย
ทั้งนี้การขยายเครือข่าย จะต้องทำอย่างรวดเร็ว และพัฒนาคุณภาพของ 5G ให้ดีขึ้น เพื่อรองรับบริการใหม่ๆ อย่าง Cloud Gaming, AR, VR และรองรับการมาของ Metaverse ในอนาคตอีกด้วย