Intel ทุ่มปฏิวัติวงการ AI Edge เปิดตัวแพลตฟอร์ม Open Ecosystem เร่งสปีดนวัตกรรมทุกอุตสาหกรรม

Intel ทุ่มปฏิวัติวงการ AI Edge เปิดตัวแพลตฟอร์ม Open Ecosystem เร่งสปีดนวัตกรรมทุกอุตสาหกรรม

Intel เปิดตัวนวัตกรรมล่าสุดที่จะพลิกโฉมการประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) บน Edge อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ประกอบด้วย ระบบ Intel® AI Edge, Edge AI Suites และแพลตฟอร์ม Open Edge ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อเสริมศักยภาพให้ธุรกิจในหลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ ค้าปลีก, การผลิต, เมืองอัจฉริยะ, สื่อ และความบันเทิง สามารถผสานรวม AI เข้ากับโครงสร้างพื้นฐานเดิมได้อย่างไร้รอยต่อ

แดน โรดริเกซ (Dan Rodriguez) รองประธานบริหารและผู้จัดการทั่วไปกลุ่ม Edge Computing ของอินเทล กล่าวว่า “ลูกค้าของเรากำลังมองหาแนวทางในการขยายการใช้ AI ในโครงสร้างพื้นฐานและกระบวนการทำงานที่มีอยู่บน Edge ควบคู่ไปกับการควบคุมต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของ และบรรลุเป้าหมายด้านพลังงานและประสิทธิภาพ ด้วยประสบการณ์อันยาวนานในด้าน Edge อินเทลก้าวไปอีกขั้นด้วยระบบ Intel AI Edge, Edge AI Suites และแพลตฟอร์ม Open Edge เพื่อเร่งการส่งมอบโซลูชันที่พร้อมรองรับ AI ทั่วทั้งระบบนิเวศ”

ทำไม Edge AI ถึงสำคัญต่อธุรกิจในยุคปัจจุบัน?

Edge AI กำลังกลายเป็นปัจจัยขับเคลื่อนนวัตกรรมองค์กรที่สำคัญอย่างยิ่ง การ์ทเนอร์ (Gartner) คาดการณ์ว่าภายในปี 2025 ข้อมูลองค์กรประมาณ 50% จะถูกประมวลผลนอกศูนย์ข้อมูลแบบดั้งเดิมหรือระบบคลาวด์ ไม่ว่าจะเป็นในร้านค้าปลีก โรงงานผลิต หรือสถานพยาบาล นอกจากนี้ ภายในปี 2026 อย่างน้อยครึ่งหนึ่งของการใช้งาน Edge computing จะเกี่ยวข้องกับการเรียนรู้ของเครื่องจักร (Machine learning)

อินเทลซึ่งมีประสบการณ์ในการใช้งาน Edge มากกว่า 100,000 โครงการร่วมกับพันธมิตร ตระหนักถึงความท้าทายเฉพาะตัวของ Edge AI ซึ่งแตกต่างกันอย่างมากในแต่ละอุตสาหกรรม อีกทั้งแต่ละอุตสาหกรรมยังมีความต้องการด้านประสิทธิภาพและพลังงานที่แตกต่างกัน สิ่งที่ใช้ได้ผลสำหรับผู้ให้บริการระบบคลาวด์อาจไม่เหมาะสมกับองค์กรที่ทำงานบน Edge ซึ่งจำเป็นต้องบำรุงรักษาแพลตฟอร์มและซอฟต์แวร์ที่มีอยู่ ในขณะเดียวกันก็ต้องผสานรวม AI เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในด้านต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของ (TCO) และประสิทธิภาพด้านพลังงาน

แตกต่างจากศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ที่มีโครงสร้างพื้นฐาน AI เฉพาะ การปรับใช้ AI แบบ Edge จำเป็นต้องบูรณาการเข้ากับระบบ IT ที่มีอยู่เดิมได้อย่างราบรื่นในสภาพแวดล้อมที่มีพื้นที่จำกัด ใช้พลังงานต่ำ และมีต้นทุนที่คุ้มค่า

ระบบ Intel AI Edge ร่วมกับ Edge AI Suites และแพลตฟอร์ม Open Edge ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อจัดการกับความท้าทายเหล่านี้โดยการสร้างรากฐานเทคโนโลยีที่แพร่หลายของอินเทลบน Edge ความพยายามเหล่านี้ช่วยให้ระบบนิเวศสามารถนำ Edge AI ออกสู่ตลาดได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

แนวทาง Open Edge ช่วยให้อินเทลสามารถมอบประสิทธิภาพการทำงานแบบครบวงจรและมีต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของที่ดีกว่าในหลากหลายอุตสาหกรรมที่สำคัญ ในกรณีการวิเคราะห์วิดีโอ Edge AI การประมวลผล TOPs (Tera Operations per Second) เพียงอย่างเดียวไม่สามารถตอบสนองความต้องการด้านประสิทธิภาพในโลกแห่งความเป็นจริงได้ เมื่อเปรียบเทียบโปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra กับคู่แข่ง AI ชั้นนำ แม้ว่าคู่แข่งอาจมีค่า TOPs สูงกว่า แต่อินเทลสามารถมอบประสิทธิภาพการทำงานแบบครบวงจรที่สูงขึ้นถึง 2.3 เท่า และสามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้ถึง 5 เท่าต่อดอลลาร์สหรัฐ

ระบบนิเวศแบบเปิด เร่งการนำ Edge AI มาใช้ได้อย่างไร?

แม้ว่าการใช้งานเอดจ์ในปัจจุบันจะผสานรวมเทคโนโลยี AI เข้ากับเทคโนโลยี Machine Learning แบบดั้งเดิมและการประมวลผลภาพด้วยคอมพิวเตอร์ (Computer Vision) แต่ระบบ AI Edge, Edge AI Suites และแพลตฟอร์ม Open Edge ของอินเทล ได้รับการออกแบบมาเพื่อเร่งการนำ AI ขั้นสูงไปใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งมีส่วนช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถรับมือกับความท้าทายเฉพาะอุตสาหกรรม และขับเคลื่อนการสร้างสรรค์นวัตกรรมในการใช้งาน Edge AI ผ่านระบบนิเวศที่แข็งแกร่งและพันธมิตรที่เชื่อถือได้ของอินเทล

  • ระบบ Intel AI Edge: ช่วยให้การปรับใช้ AI บนเอดจ์เป็นไปอย่างรวดเร็วขึ้น ส่งผลให้ผู้พัฒนาอุปกรณ์ (OEMs) และผู้ผลิตการออกแบบดั้งเดิม (ODMs) สามารถเข้าถึงพิมพ์เขียวมาตรฐาน (Standardized Blueprints) เครื่องมือวัดประสิทธิภาพ (Benchmarks) และเครื่องมือตรวจสอบความถูกต้อง (Verification Tools) ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งาน Edge AI โดยเฉพาะ ทรัพยากรเหล่านี้ช่วยให้ลูกค้าและผู้ให้บริการโซลูชันสามารถกำหนดค่าระบบให้เหมาะสมกับกรณีการใช้งาน เช่น Vision AI หรือ Generative AI (GenAI) ได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังมีตัวเลือกด้านพลังงาน ขนาด และประสิทธิภาพที่หลากหลาย โซลูชันเหล่านี้จึงช่วยให้ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
  • ชุด Edge AI Suites: คือชุดเครื่องมือพัฒนาซอฟต์แวร์ AI (AI Software Development Kits: SDKs) แบบเปิด ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ เพื่อตอบโจทย์ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์อิสระ (ISVs) ผู้รวมระบบ (System Integrators) และผู้ให้บริการโซลูชัน ชุดเครื่องมือนี้ช่วยให้การพัฒนาโซลูชัน AI แบบปรับแต่งสำหรับแต่ละอุตสาหกรรมเป็นเรื่องง่ายขึ้น โดยมีแอปพลิเคชันตัวอย่าง (Curated Reference Applications) ตัวอย่างโค้ด (Sample Code) และเครื่องมือวัดประสิทธิภาพ (Benchmarks) ที่ช่วยเร่งกระบวนการพัฒนาแอปพลิเคชัน ปัจจุบันอินเทลนำเสนอ Edge AI Suites ที่ได้รับการปรับแต่งเพื่อรองรับ 4 อุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ ค้าปลีก การผลิต เมืองอัจฉริยะ และสื่อและความบันเทิง
  • แพลตฟอร์ม Open Edge: เป็นแพลตฟอร์มแบบโมดูลาร์และโอเพ่นซอร์สที่ช่วยลดความซับซ้อนในการพัฒนา การปรับใช้ และการจัดการแอปพลิเคชัน Edge และ AI ในระดับอุตสาหกรรม ด้วยแนวทางที่คล้ายคลึงกับระบบคลาวด์ แพลตฟอร์มนี้ช่วยให้ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์อิสระ (ISVs) นักพัฒนาโซลูชัน และผู้จำหน่ายระบบปฏิบัติการสามารถผสานรวมส่วนประกอบซอฟต์แวร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และใช้ประโยชน์จากการปรับแต่งประสิทธิภาพทางซอฟต์แวร์ล่าสุดของอินเทล ซึ่งช่วยให้เหล่าพาร์ทเนอร์สามารถปรับใช้เวิร์กโหลดแบบคอนเทนเนอร์ (Containerized Workloads) บนอุปกรณ์ Edge ระยะไกลได้อย่างง่ายดายโดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปติดตั้งหน้างาน และสามารถบริหารจัดการเวิร์กโหลดเหล่านี้ได้ผ่านเครื่องมือ เช่น Intel vPro®/Intel® Active Management Technology ซึ่งช่วยให้เกิดความร่วมมือและนวัตกรรมในระบบนิเวศของซอฟต์แวร์

สามารถอ่านความคิดเห็นฉบับเต็มได้ที่นี่

Chunghwa Telecom โชว์นวัตกรรมเมืองอัจฉริยะ 2025: AI คุมจราจร ดาวเทียมเชื่อมโลก ยกระดับชีวิตยุคดิจิทัล

Scroll to Top