ตลอดเวลากว่า 32 ปีที่ผ่านมา เชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่คงจะคุ้นหูคุ้นตากับผลิตภัณฑ์นวัตกรรมก่อสร้างของ “แบรนด์จระเข้” มาไม่มากก็น้อย ด้วยชื่อและโลโก้แบรนด์ที่สะดุดตาจนใครเห็นก็ต้องจำได้ แต่สำหรับวงการก่อสร้างเมืองไทยแล้ว ชื่อของ “จระเข้” หรือ บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ถือเป็นอีกหนึ่งตำนานแห่งวงการในฐานะธุรกิจสัญชาติไทยที่ด้วยการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาเสริมคุณภาพและประสิทธิภาพการใช้งานของสินค้าอยู่เสมอ การพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่งภายใต้เป้าหมายในการยกระดับวงการก่อสร้างนี้ ได้ส่งผลให้ “จระเข้” เติบโตมาอย่างแข็งแกร่ง จนปีนี้ประกาศมุ่งสู่รายได้ 4,000 ล้านบาท เพื่อฉลองครบรอบปีที่ 32 แห่งการดำเนินธุรกิจเคียงคู่สังคมไทย พร้อมเดินหน้าเป็นเจ้าตลาดกาวซีเมนต์-กาวยาแนว และลุยเจาะมาร์เก็ตแชร์สินค้าเคมีก่อสร้างและผลิตภัณฑ์สีพรีเมียมอย่างเต็มกำลัง
จุดเริ่มต้นของ “จระเข้” ย้อนกลับไปในปี 2535 เมื่อกลุ่มเพื่อนพนักงานประจำ ฝันอยากคิดค้นผลิตภัณฑ์กาวซีเมนต์ปูกระเบื้องที่มีคุณภาพสูงและตอบโจทย์การใช้งานที่สะดวกสบายมากขึ้น พวกเขาจึงตัดสินใจร่วมทุนกันก่อตั้งบริษัท เซอรา ซี-เคียว จำกัด ในวันที่ 28 สิงหาคม 2535 และจากความตั้งใจที่จะแก้ Pain Point ของการปูกระเบื้องในวันนั้น ได้ถือกำเนิดเป็นผลิตภัณฑ์แรกอย่างกาวซีเมนต์ “จระเข้เขียว” ในปี 2536 ที่ใช้เทคโนโลยีจากสหรัฐอเมริกาที่ยังคงยืนหยัดในคุณภาพและได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้งานมาจนถึงทุกวันนี้ การนำเสนอ “กาวซีเมนต์จระเข้เขียว” เพื่อใช้ในการปูกระเบื้องโดยเฉพาะ แทนการใช้ปูนซีเมนต์ผสม ถือเป็น Game Changer ที่เข้ามาพลิกโฉมตลาดและยกระดับมาตรฐานคุณภาพของงานปูกระเบื้องของเมืองไทย ในยุคนั้น แบรนด์จระเข้ ถือเป็นหน้าใหม่ที่ยังไม่มีใครรู้จัก กลุ่มผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท รวมถึง นายศุภพงษ์ เพชรสุทธิ์ ประธานกรรมการบริหารของจระเข้ในปัจจุบัน ต้องขับรถไปทั่วไทยพบปะลูกค้ากว่า 600 อำเภอ เพื่อแนะนำสินค้า สาธิตการใช้งาน พร้อมกับรับฟังความคิดเห็นจากผู้ใช้งานจริง เพื่อเก็บข้อมูลไปต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่แก้ Pain Point ของลูกค้า
10 ปีต่อมา จากความมานะบากบั่นของผู้บริหารและพนักงานทุกคน บริษัททำยอดขายแตะ 115 ล้านบาทครั้งแรกในปี 2546 และในปีเดียวกันนี้ จระเข้ ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ในวงการอีกครั้งด้วยการเปิดตัว “กาวยาแนวจระเข้ พรีเมียม พลัส” กาวยาแนวป้องกันราดำรายแรกของโลก ด้วยเทคโนโลยีไมโครแบน (Microban) นับเป็นผลผลิตจากการตั้งใจวิจัยและพัฒนาเพื่อป้องกันราดำในร่องยาแนว ปัญหาที่พบได้บ่อยในประเทศร้อนชื้นอย่างเมืองไทย ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวได้รับความนิยมอย่างมากจากผู้ใช้งาน พร้อมสร้างชื่อเสียงให้แบรนด์จระเข้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในฐานะผู้พลิกโฉมวงการก่อสร้างไทยด้วยนวัตกรรมระดับโลก จากรายได้หลักร้อยล้านจึงนำไปสู่ 2,017 ล้านบาทในปี 2557 และต่อมาในปี 2560 จระเข้ ได้กลายเป็นผู้ครองตลาดอันดับหนึ่งในกลุ่มกาวซีเมนต์และกาวยาแนว ด้วยส่วนแบ่งมากกว่า 50% และยังคงครองเบอร์หนึ่งมาจนถึงปัจจุบัน ในปี 2566 บริษัทสร้างรายได้มากถึง 3,707 ล้านบาท สอดคล้องไปกับการขยายไลน์อัพสินค้านวัตกรรมก่อสร้างที่หลากหลายครอบคลุมการใช้งานมากยิ่งขึ้นในทุก ๆ ปี
ในปี 2567 จระเข้ ยังคงเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์และเสริมทัพกระบวนการผลิตในทุกขั้นตอนภายใต้มาตรฐานระดับโลก เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ครอบคลุมงานก่อสร้างตั้งแต่ฐานรากจนถึงหลังคา ทุกโปรดักต์ล้วนเปี่ยมด้วยนวัตกรรมที่ไม่เพียงแต่ตอบโจทย์การใช้งาน แต่ต้องปลอดภัยต่อผู้อยู่อาศัย และใส่ใจสิ่งแวดล้อม ตามปรัชญาองค์กร “Innovation For Your Family’s Happiness – นวัตกรรมก่อสร้างความสุขเพื่อคุณและครอบครัว” เพื่อให้แบรนด์ของคนไทยอย่างจระเข้ เป็นแบรนด์ที่วงการก่อสร้างทุกเซกเมนต์ไว้วางใจต่อไป ในปีนี้ จระเข้ประกาศมุ่งสู่รายได้ 4,000 ล้านบาท พร้อมกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจผ่านการลุยตลาดเคมีก่อสร้างและผลิตภัณฑ์สีพรีเมียม ที่ยังมีพื้นที่ในการเติบโตอีกมาก บวกกับการลุยตลาดต่างประเทศเพื่อนำเสนอนวัตกรรมก่อสร้างคุณภาพระดับมาตรฐานสากล มุ่งสู่การเป็นโกลบอลแบรนด์จากเมืองไทย
ศุภพงษ์ เพชรสุทธิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เผยว่า “ตลอดกว่า 32 ปีที่ผ่านมา แบรนด์ของเราได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมก่อสร้าง ซ่อมแซม และตกแต่งครบวงจร ที่มีฐานลูกค้าอยู่ในหลากหลายอุตสาหกรรมตั้งแต่อสังหาฯ การท่องเที่ยว โรงงานอุตสาหกรรม ไปจนถึงโปรเจกต์โครงสร้างพื้นฐานของหน่วยงานภาครัฐ เป้าหมายต่อจากนี้ คือการรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดกาวซีเมนต์และกาวยาแนวในเมืองไทยต่อไป พร้อมเดินหน้าเพิ่มมาร์เก็ตแชร์ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เคมีก่อสร้างและสีพรีเมียม เราเล็งเห็นโอกาสเติบโตในสองเซกเมนต์นี้ เพราะจระเข้ นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีจุดแข็งชัดเจน ในการแก้ Pain Point เสมอ นอกจากเราจะเน้นคุณภาพและการใช้งานที่สะดวกแล้ว นวัตกรรมของเรายังปลอดภัยต่อผู้อยู่อาศัย และใส่ใจสิ่งแวดล้อมในทุกกระบวนการผลิต หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญคือการสานต่อแคมเปญการตลาดเพื่อสร้างการรับรู้เกี่ยวกับกลุ่มสินค้าอื่น ๆ ของจระเข้ตามคอนเซปต์ ‘ใช้จระเข้ร่วมกัน ปกป้องทั้งบ้าน’ นอกจากนี้ อีกหนึ่งแผนธุรกิจที่ช่วยเสริมความมั่นคงของเรา คือตลาดต่างประเทศ โดย จระเข้ จัดจำหน่ายสินค้าในตลาด CLMV หรือกัมพูชา สปป. ลาว เมียนมา และเวียดนาม มาสักพักใหญ่แล้ว เราได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีและตอนนี้กำลังศึกษาโมเดลธุรกิจในการเจาะตลาดอื่น ๆ ในภูมิภาคอาเซียน ได้แก่ ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ต่อไป”
อีกหนึ่งภารกิจที่จระเข้ให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ เพื่อการเติบโตของธุรกิจต่อจากนี้ คือ การลดการปล่อยคาร์บอนในทุกกระบวนการผลิตเพื่อมุ่งสู่การเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน ผ่านเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 5 ข้อ (5SD) ซึ่งเป็นแนวทางพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืนและปลูกฝังความตระหนักรู้เรื่องบทบาทของทุกคนในการร่วมดูแลรักษาโลกให้คงอยู่สำหรับคนรุ่นต่อไป ได้แก่
“ต่อจากนี้ ทุกผลิตภัณฑ์ ทุกกระบวนการผลิต ทุกการดำเนินงานในองค์กร และทุกโครงการ CSR ที่จระเข้ริเริ่มจะตั้งอยู่บนพื้นฐานของการคำนึงถึงสังคมและสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ จระเข้ ขอเป็นแบรนด์ไทยที่เติบโตได้อย่างมั่นคงพร้อมไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อมและการขับเคลื่อนสังคมตามแนวคิด ‘เราอยู่ได้ – โลกอยู่ดี – สังคมมีสุข’ ของจระเข้” ศุภพงษ์ กล่าวทิ้งท้าย
–โออิชิ เขย่าตลาด 17,848 ล้านบาท ส่ง “โออิชิ กรีนที กลิ่นข้าวโพดฮอกไกโด” น้ำตาล 0%
การสร้างตัวตนของประเทศไทยในระดับโลก เป็นสิ่งที่คนไทยทำมาตลอด 50 ปี ไม่ว่าจะเป็น ดินแดนแห่งรอยยิ้ม ครัวไทยสู่ครัวโลก ฯลฯ และมันส่งผลต่อวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของเราในปัจจุบันอย่างยิ่ง ที่สำคัญอานิสงส์ที่ส่งตรงต่อธุรกิจต่างๆ ที่รองรับตัวตนของประเทศนั้นมหาศาลเหลือเกิน จนเราปฏิเสธไม่ได้ว่าการสร้างตัวตนที่ชัดเจนต่อสายตาชาวโลกนั้นเป็นมรดกตกทอดไปสู่คนยุคใหม่ๆ อย่างน้อยช่วงหนึ่งอายุคนกันเลยทีเดียว “ประเทศไทยจะเป็นผู้นำทางด้าน Green…
โรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ สุขุมวิท ขานรับเทรนด์ Gastronomy Tourism ที่กำลังเติบโตในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ผนึกกำลัง Toby’s Farm สวนทุเรียนพรีเมียมจากจันทบุรี เปิดตัวแคมเปญสุดพิเศษ “Durian Decadent…
แคนนอน (CANON) เปิดตัวนวัตกรรมเครื่องพิมพ์หน้ากว้างแบบตั้งโต๊ะรุ่นใหม่ล่าสุดถึง 2 รุ่น ได้แก่ imagePROGRAF TC-21 และ imagePROGRAF TC-21M ในงานสถาปนิก 68 (ASA Architect'25)…
บลูบิค กรุ๊ป (BBIK) เผยที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 อนุมัติการจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดในอัตรา 0.22 บาทต่อหุ้น กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) วันที่ 30 เมษายน 2568…
พฤกษา เรียลเอสเตท ขานรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ ทั้งการผ่อนปรนเกณฑ์ LTV ให้กู้ได้ 100% และการลดค่าธรรมเนียมโอน-จดจำนอง เปิดตัวแคมเปญสุดพิเศษ "บิงโกลด์" ลุ้นบิง ชิงทอง มอบความคุ้มค่าแบบ "บิงโก" 3…
เซ็นทรัลพัฒนา จับมือ "NITORI" แบรนด์เฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านอันดับ 1 จากญี่ปุ่น ขยายฐานสู่ภาคตะวันออก เปิด 2 สาขาใหม่ล่าสุดที่เซ็นทรัล พัทยา และเซ็นทรัล ศรีราชา ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนไทยและนักท่องเที่ยว พร้อมรับการเติบโตของเมืองท่องเที่ยวและเขตเศรษฐกิจพิเศษ…
This website uses cookies.