Smart City Summit & Expo หรือ SCSE 2025 มหกรรมสุดยอดเมืองอัจฉริยะ เปิดฉากขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ณ ศูนย์นิทรรศการไทเปหนานกัง โดยในปีนี้ไฮไลท์ของงานคือการนำเสนอผลงานของการพัฒนาเมืองเกาสงให้เป็นเมืองอัจฉิยะ “Kaohsiung Smart City” โดยใช้แพลตฟอร์ม GenAI เข้ามาช่วยบริหาร
ซึ่งหนึ่งในความท้าทายของเมืองเกาสง ในการยกระดับสู่สมาร์ทซิตี้นั้น คือการพัฒนาโซลูชัน AI ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของตนเอง โดยมุ่งเน้นการเก็บข้อมูลท้องถิ่นเพื่อพัฒนาเป็น LLM (Large Language Model) และ VLM (Vision Language Model) เพื่อต่อยอดในการพัฒนา GenAI ในอนาคต
Charles Lin รองนายกเทศมนตรีเมืองเกาสง กล่าวว่า โครงการนี้เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับการบริหารจัดการเมือง สนับสนุนภาคอุตสาหกรรม และขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของไต้หวันสู่ระดับโลก
“ในขณะที่ทั่วโลกกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จาก AI เราได้ริเริ่มโครงการโครงการ AI กับเมืองเกาสง เพื่อสร้างแพลตฟอร์ม AI ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของไต้หวันเอง” Charles Lin กล่าว
โครงการนี้ได้รับความร่วมมือจากบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก เช่น NVIDIA โดยเกาสงได้ใช้ศูนย์ประมวลผลของ NVIDIA และร่วมมือกับ Chunghwa Telecom เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้ ยังร่วมมือกับบริษัทสตาร์ทอัพด้าน AI เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์ม AI ระดับเมืองแห่งแรกที่ใช้ข้อมูลท้องถิ่น
AI Kaohsiung: แพลตฟอร์ม AI อัจฉริยะระดับเมือง
แพลตฟอร์ม AI ที่พัฒนาในครั้งนี้จะขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI เชิงสร้างสรรค์ หรือ Generative AI เพื่อบูรณาการแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย รวมถึงข้อมูลจากหน่วยงานภาครัฐ ข้อมูลประชาชน และข้อมูล IoT โดยใช้โมเดล AI ต่างๆ เช่น LLM (Large Language Model), VLM (Vision Language Model) และโมเดลจำลองสถานการณ์ เพื่อวิเคราะห์และทำความเข้าใจสถานการณ์ที่ซับซ้อน และให้การตอบสนองที่เหมาะสม
โดยเทคโนโลยี AI จะถูกนำมาประยุกต์ใช้ในหลากหลายสถานการณ์ เช่น การควบคุมสัญญาณไฟจราจร ระบบการจอดรถ (Smart Paring) ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการจราจรและลดเวลาเดินทาง นอกจากนี้ ยังใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อตรวจจับอันตราย เช่น ต้นไม้ล้ม หรือ ไฟฟ้าดับ และแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ เพื่อสนับสนุนการจัดการภัยพิบัติ รวมถึงพัฒนา AI เพื่อตอบโจทย์ด้านสุขภาพของชาวเมืองเกาสงอีกด้วย
Charles Lin ยังกล่าวต่ออีกว่า การพัฒนา AI ในปีนี้จะเดินหน้าสู่เวอร์ขัน 2.0 ซึ่งปรับปรุงมาจากเวอร์ขัน 1.0 ที่เป็นการทำงานแบบแยกส่วน (Silo) แต่ด้วย GenAI ทำให้โปรเจกต์นี้จะสร้างแพลตฟอร์ม AI ระดับเมืองที่ทุกหน่วยงานสามารถใช้งานร่วมกันได้
รัฐบาลกลางเดินหน้าสนับสนุน
ด้าน Jiunn-Shiow Lin อธิบดีกรมอุตสาหกรรมดิจิทัล กระทรวงดิจิทัล (moda) ไต้หวัน, กล่าวว่า “ไต้หวันส่งเสริมการพัฒนาเมืองอัจฉริยะมาหลายปีแล้ว โดยใช้รูปแบบความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) ซึ่งรัฐบาลกลางให้การสนับสนุนทางการเงิน และรัฐบาลท้องถิ่นเปิดพื้นที่สำหรับการทดลอง”
โครงการ Smart City ของไต้หวันประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยมีบริษัท 345 แห่งร่วมพัฒนาโซลูชัน ซึ่งมีโมเดลออกมาแล้ว 258 รายการ และดึงดูดการลงทุนกว่า 7 หมื่นล้านดอลลาร์ไต้หวัน นอกจากนี้ โซลูชันอัจฉริยะ 85 รายการยังถูกส่งออกไปยัง 29 ประเทศทั่วโลก
นอกจากนี้ กระทรวงดิจิทัลยังได้ริเริ่มโครงการเพื่อสนับสนุนการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน การวิจัยและพัฒนาสำหรับภาคอุตสาหกรรม และยังจัดสรรเงินทุนกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ไต้หวันให้กับบริษัทร่วมทุนเพื่อสนับสนุนสตาร์ทอัพด้าน AI และขับเคลื่อนไต้หวันสู่การเป็นเศรษฐกิจ AI ชั้นนำ