กสทช. พร้อมด้วย ผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ AIS – True และทหารกองพันส่งกำลังและบริการที่ 23 กองบัญชาการช่วยรบที่ 3 ลงพื้นที่ จ.สุโขทัย เพื่อตรวจสอบคุณภาพสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ในพื้นที่ที่เกิดน้ำท่วม ต.คลองกระจง อ.สวรรคโลก และ ต.วังทอง อ.ศรีสำโรง เพื่อทราบสถานการณ์และประสิทธิภาพของการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่และมอบสิ่งของจำเป็นแก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วม ในพื้นที่ดังกล่าว
ไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ รักษาการแทน เลขาธิการ กสทช. กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบคุณภาพการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ด้วยรถตรวจสอบคลื่นความถี่ในพื้นที่ ต.คลองกระจง อ.สวรรคโลก และ ต.วังทอง อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย ซึ่งเป็นพื้นที่ติดกับแม่น้ำยม และได้รับผลกระทบน้ำท่วม ขณะนี้การให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ และอินเทอร์เน็ตทุกเครือข่ายยังใช้งานได้ตามปกติ มีคุณภาพสัญญาณที่ดี โดยผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้นำรถเพิ่มช่องสัญญาณการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ เพื่อช่วยขยายสัญญาณในพื้นที่พิเศษที่มีความต้องการการใช้งานเพิ่มจากภาวะปกติ
ทั้งนี้ สำนักงาน กสทช. ได้สั่งการไปยังผู้ประกอบการทุกรายให้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปในพื้นที่พร้อมให้ความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อดูแลโครงข่ายสื่อสารทั้งในระบบบริการโทรศัพท์พื้นฐาน และระบบบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ให้สามารถใช้บริการอย่างต่อเนื่อง และมีประสิทธิภาพ พร้อมกันนี้ ศูนย์สายลมของสำนักงาน กสทช. ยังเป็นแม่ข่ายในการติดต่อสื่อสารและประสานงานให้กับสมาคมวิทยุสมัครเล่นในพื้นที่ประสบสาธารณภัยในการให้ความร่วมมือกับสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียงเพื่อให้ช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้วย

AIS พร้อมดูแลเครือข่ายสื่อสาร 24 ชั่วโมง
AIS ลงพื้นที่ จ.สุโขทัย พร้อมประกาศดูแลเครือข่ายสื่อสาร 24 ชั่วโมง ขยายเวลาชำระค่าบริการสำหรับลูกค้ารายเดือนและลูกค้า AIS 3BB FIBRE 3 เพิ่มวันใช้งานสำหรับลูกค้าเติมเงิน เพื่อให้สื่อสารได้อย่างต่อเนื่อง
จากสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือ AIS และ กสทช. มีความห่วงใยต่อประชาชน รวมถึงเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกท่านที่กำลังช่วยเหลือผู้ประสบภัยในขณะนี้ พร้อมอยู่เคียงข้างจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ โดยมีมาตรการดังนี้
- ด้านการดูแลสัญญาณเครือข่ายเปิด War Room ตลอด 24 ชั่วโมง โดยกระจายทีมวิศวกร ไปยังพื้นที่เสี่ยงต่างๆ พร้อมมอนิเตอร์สถานีฐานในพื้นที่ประสบภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมจัดเตรียมอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น เครื่องปั่นไฟและน้ำมันให้พร้อมสำหรับสถานีฐานในจุดเสี่ยง รวมถึงส่งรถสถานีฐานเคลื่อนที่ (COW) เข้าไปในพื้นที่เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้บริการสื่อสารได้ต่อเนื่องอย่างดีที่สุด
- ด้านการอำนวยความสะดวก เพื่อให้ติดต่อสื่อสารเป็นไปอย่างต่อเนื่อง AIS ได้ขยายระยะเวลาการชำระค่าบริการสำหรับลูกค้ารายเดือนและลูกค้า AIS 3BB FIBRE 3 และขยายระยะเวลาการใช้งานให้กับลูกค้าระบบเติมเงินในพื้นที่ประสบภัย ได้แก่ จังหวัดเชียงราย, พะเยา, แพร่, น่าน และสุโขทัย โดยลูกค้าที่ได้รับสิทธิดังกล่าว จะได้รับ SMS ยืนยัน
- ด้านการบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประสบภัย เข้าสนับสนุนสิ่งของจำเป็นต่อประชาชนในพื้นที่ประสบภัย โดยทีมงานเอไอเอสอาสา ได้ลงพื้นที่ปฏิบัติการอย่างต่อเนื่องไปแล้วในพื้นที่ อาทิ จังหวัดพะเยา, เชียงราย, น่าน และแพร่
AIS และ กสทช. ขอยืนยันว่าเราจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไปเพื่อให้มั่นใจว่าเครือข่ายสื่อสารสามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง และพร้อมเคียงข้างประชาชนในการผ่านพ้นวิกฤตภัยธรรมชาติครั้งนี้ไปด้วยกัน

True พร้อมตรวจสอบคุณภาพระบบสัญญาณให้มั่นใจใช้งานต่อเนื่อง
จักรกฤษณ์ อุไรรัตน์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกิจการองค์กร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ทรู คอร์ปอเรชั่นขอส่งกำลังใจถึงผู้ประสบภัยน้ำท่วมทุกท่าน โดยล่าสุดทีมงานของเรานอกจากจะดูแลความพร้อมระบบสื่อสารให้ใช้งานได้ต่อเนื่องแล้ว ยังได้เร่งลงพื้นที่ช่วยเหลือ พร้อมนำถุงยังชีพ อาหารแห้ง น้ำดื่ม และยา มอบแก่ผู้ประสบภัยในจังหวัดสุโขทัยซึ่งกำลังเผชิญกับสถานการณ์น้ำเหนือทะลักเข้าท่วมพื้นที่ ทั้งนี้ เราได้ดำเนินการช่วยเหลือจังหวัดต่างๆ ทางภาคเหนือที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมมาอย่างต่อเนื่อง เช่น ร่วมมือกับหอการค้าจังหวัดน่าน และโรงพยาบาลน่านในการมอบเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นแก่ผู้ประสบภัยในพื้นที่ นอกจากนี้ เรายังได้ร่วมมือกับ กสทช. ลงพื้นที่จังหวัดสุโขทัยตรวจสอบสัญญาณมือถือ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าทรูและดีแทคว่าจะสามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่องแม้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากฝนตกหนักและน้ำเหนือที่ไหลผ่าน ซึ่งทำให้เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่”
ทีมเน็ตเวิร์กของทรู คอร์ปอเรชั่น ได้ประจำการตามสถานีฐานต่างๆ ในจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมทางภาคเหนือ และพื้นที่เสี่ยงภัยจังหวัดอื่นๆ โดยทีมงานได้เข้าปฏิบัติการอย่างเร่งด่วนตามแผนฉุกเฉิน เพื่อให้ลูกค้าทรูและดีแทคสามารถใช้บริการได้อย่างต่อเนื่องในทุกสถานการณ์ นอกจากนี้ ทรูได้จัดตั้งทีมปฏิบัติการพิเศษประจำศูนย์ปฏิบัติการเครือข่ายอัจฉริยะ (BNIC) พร้อมระบบ AI คอยเฝ้าระวังและดูแลเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งจัดเตรียมรถโมบายล์ชุมสายเคลื่อนที่เร็ว (COW) และยานพาหนะทั้งรถและเรือสำหรับเข้าพื้นที่น้ำท่วม ตลอดจนอุปกรณ์สำรองและอะไหล่สำหรับซ่อมแซมในกรณีฉุกเฉิน รวมถึงประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจในการใช้บริการอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ
ทรู คอร์ปอเรชั่น ยังได้มอบความช่วยเหลือแก่ลูกค้าในพื้นที่ประสบภัย ซึ่งรวมถึงการขยายระยะเวลาใช้งานสำหรับลูกค้าเติมเงิน การระงับการตัดสัญญาณ และการขยายเวลาชำระค่าบริการสำหรับลูกค้ารายเดือนของทรูมูฟ เอช ดีแทค ทรูออนไลน์ และทรูวิชั่นส์ เป็นเวลา 7 วัน สำหรับลูกค้าในพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมในจังหวัดต่างๆ (ลูกค้าจะได้รับ SMS ยืนยันสิทธิ์)