สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA เผยถึงความสามารถของผู้หญิงยุคใหม่ในปัจจุบันที่เลือกนำองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี มาต่อยอดสร้างธุรกิจนวัตกรรมให้เติบโตได้อย่างก้าวกระโดด และมีอัตราการประสบความสำเร็จไม่ได้น้อยไปกว่านวัตกรชาย ซึ่งสอดคล้องกับทั้งนี้ NIA พร้อมเป็นส่วนหนึ่งที่จะผลักดันให้กลุ่มนวัตกรหญิงไทยได้มีโอกาสก้าวสูเวทีนวัตกรรมระดับสากลมากขึ้นผ่านกลไกต่างๆ ของ NIA
ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA เปิดเผยว่า “วันที่ 11 กุมภาพันธ์ของทุกปี สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติได้ประกาศให้เป็น “วันสตรีและเด็กหญิงในสาขาวิทยาศาสตร์สากล เพื่อส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศและบทบาทการมีส่วนร่วมของผู้หญิงและเด็กผู้หญิงในวงการวิทยาศาสตร์ โดยในปีนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 7 ณ สำนักงานใหญ่ของสหประชาชาติในรัฐนิวยอร์ก ภายใต้แนวคิด “ความเท่าเทียม ความหลากหลาย และการรวมทุกกลุ่มคน: น้ำรวมเราเป็นหนึ่ง” ซึ่งเป็นการรวมตัวของผู้หญิงในวงการวิทยาศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญ ข้าราชการระดับสูง ผู้แทนองค์กรระหว่างประเทศ และภาคเอกชนจากทั่วโลก มาหารือเกี่ยวกับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เพื่อให้บรรลุหลัก 3 ประการของการพัฒนาที่ยั่งยืน ได้แก่ ความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ ความเสมอภาคทางสังคม และความสมบูรณ์ของสิ่งแวดล้อม”
–DBS ทุ่ม 600 ลบ. ลงทุนเฟส 2 ขยายระดับ ม.ปลาย มุ่งสร้างทักษะมัลติเลิร์นนิ่ง รับโลกศตวรรษ 21
–ชิเซโด้ มั่นใจ ร่วมทุนเฮงเค็ล ไม่กระทบคู่ค้า ตั้งเป้าสร้างการเติบโตในระยะยาว
ประเทศไทยในปัจจุบันพบว่ามีสัดส่วนของผู้หญิงและเยาวชนหญิงในวงการวิทยาศาสตร์เพิ่มมากขึ้น และมีจำนวนไม่น้อยที่ก้าวสู่การเป็น “นวัตกรหญิง” ด้วยการใช้องค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาสร้างสรรค์ต่อยอดเป็นธุรกิจนวัตกรรมจนประสบความสำเร็จ ซึ่ง NIA พร้อมเปิดกว้างและร่วมสนับสนุนอย่างเต็มที่ผ่านกลไกของสำนักงาน ตั้งแต่การให้ความรู้ บ่มเพาะ ไปจนถึงการให้เงินทุนสนับสนุนการสร้างสรรค์ธุรกิจนวัตกรรมทั้งระดับเยาวชน สตาร์ทอัพ ผู้ประกอบการนวัตกรรม โดยเชื่อมั่นในพลังและศักยภาพของสตรีว่าเป็นจะกำลังสำคัญที่จะขับเคลื่อนประเทศให้ก้าวหน้าและมีความทัดเทียมกับนานาชาติทั้งในมิติเศรษฐกิจและสังคมได้อย่างแน่นอน
นอกจากนี้ NIA ยังมีเป้าหมายในการสร้างผู้ที่มีความสามารถทางนวัตกรรมทั้งระดับเยาวชน สตาร์ทอัพ และผู้ประกอบการ ซึ่งไม่ได้หวังเพียงแค่การมีส่วนร่วม หรือเป็นเพียงนโยบายเท่านั้น แต่เน้นทั้งการเป็นศูนย์กลางให้คนที่มีความสนใจสามารถเข้าถึงการสนับสนุน และเป็นหน่วยขับเคลื่อนที่ออกไปค้นหาผู้มีศักยภาพเพื่อร่วมสร้างสรรค์นวัตกรรมผ่านการสนับสนุนตามความต้องการ หรือแม้กระทั่งการสร้างแรงจูงใจ สร้างต้นแบบ พี่เลี้ยง นอกจากนี้ ยังมุ่งผลักดันให้งานด้านวิจัย วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีเป็นหนึ่งงานในฝัน หรืออาชีพในอุดมคติของกลุ่มสตรีและกลุ่มคนที่มีความหลากหลาย โดยเน้นย้ำให้เห็นถึงความมั่นคง การต่อยอดในอนาคต การเพิ่มขึ้นของรายได้ รวมทั้งการเป็นธุรกิจที่มีทางรอดสามารถแข่งขันได้บนโลกยุคใหม่ที่มีความเป็นดิจิทัล” ดร.พันธุ์อาจ กล่าว
ดาวใจ ศรลัมพ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ขวัญดาว โปรเจ็ค จำกัด เจ้าของ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวจากเปลือกกาแฟNa Ha Thai หนึ่งในนวัตกรหญิงที่นำวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีมาต่อยอดสู่ธุรกิจนวัตกรรม เปิดเผยว่า การเปิดโอกาสการเข้าถึงวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันกว้างขวางกว่าในอดีตมาก และผู้หญิงยุคใหม่เริ่มให้ความสนใจในด้านอาชีพนวัตกร นักวิจัย เจ้าของเทคโนโลยี ฯลฯ เพิ่มอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนับเป็นเรื่องที่ดีต่อวงการวิทยาศาสตร์ไทยที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศให้ก้าวหน้า พร้อมสร้างแรงบันดาลใจจากบุคคลตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จ จนนำมาสู่การคิดค้นสิ่งที่แตกต่างจากผลิตภัณฑ์ บริการ และสร้างคนที่มีความสามารถให้เกิดขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง
“สำหรับการนำองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาใช้ในกาสร้างสรรค์ธุรกิจนวัตกรรมของตนเองนั้น เพื่อสร้างความแตกต่างกับสิ่งที่มีอยู่ในท้องตลาด โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีคู่แข่งจำนวนมาก ทำให้การแข่งขันด้วยราคาเพียงอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ จึงพยายามสร้างความแตกต่างด้วยการนำความรู้และเทคนิคการสกัดสารออกฤทธิ์สำคัญจากเปลือกหุ้มเมล็ดกาแฟที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและปริมาณของสารสกัด รวมทั้งลดระยะเวลาในการสกัดอีกด้วย ซึ่งสามารถนำสารสกัดที่มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระนี้ไปต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าจากเปลือกกาแฟได้ ซึ่งนอกจากผู้บริโภคจะได้ใช้สินค้าคุณภาพดีแล้ว ยังช่วยให้ครอบครัวชาวไทยภูเขาผู้ปลูกกาแฟมีรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และสิ่งสำคัญกระบวนการผลิตยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วย”
อย่างไรก็ตาม การเพิ่มสัดส่วนผู้หญิงหรือผลักดันให้ผู้หญิงเข้ามามีบทบาทในวงการวิทยาศาสตร์ที่ไมได้อยู่แค่ในห้องเรียนเพียงอย่างเดียวนั้นเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ นอกจากนี้ ความโดดเด่นของผู้หญิงที่ควรสนับสนุนหรือร่วมกันขับเคลื่อนก็คือ ความละเอียด ความช่างสังเกต ความห่วงใย และการชอบศึกษาปัญหาที่เกิดขึ้นแล้วมาต่อยอดเป็นสิ่งใหม่ ซึ่งตนเชื่อว่าไมได้มีเพียงแค่ผู้หญิง ผู้ชาย LGBTQ หรือเพศไหนก็สามารถทำได้และมีส่วนช่วยขับเคลื่อนวงการวิทยาศาสตร์ได้เช่นเดียวกัน ดาวใจ กล่าวสรุป
นัฐสุนันท์ ไชยเทพ ผู้คิดค้นและพัฒนาเนื้อจากพืช พีโปมี้ท : PEAPO และตัวแทนคนรุ่นใหม่ในด้านวิจัยและพัฒนาจาก จ.นราธิวาส เปิดเผยว่า โลกปัจจุบันเปิดกว้างมากขึ้นสำหรับอาชีพที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์และนวัตกรรม ซึ่งทำให้ตนในฐานะคนรุ่นใหม่ที่เป็นกลุ่มสตรีได้มีโอกาสเข้าถึง และสานฝันที่จะเป็นผู้ประกอบการธุรกิจนวัตกรรมได้อย่างเต็มรูปแบบ โดยขณะนี้ได้นำสิ่งที่คิดค้น วิจัย และพัฒนาคือ “ถั่วหรั่ง” พืชท้องถิ่นจากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ มาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์เบอร์เกอร์เนื้อจากพืช อาหารที่ช่วยควบคุมน้ำหนัก ตอบเทรนด์ในด้านการดูแลสุขภาพ และลดการทำลายทรัพยากรโลก และยังช่วยสร้างรายได้ให้กับคนในพื้นที่ ซึ่งการดำเนินธุรกิจดังกล่าวได้รับการสนับสนุนทั้งจากสถาบันการศึกษาที่ตนเรียน และ NIA ซึ่งถือว่าเป็นนโยบายที่ดีที่ภาครัฐพยายามกระจายโอกาสให้ถึงบุคคลที่สนใจวิทยาศาสตร์ในหลากหลายกลุ่ม และผลักดันให้เกิดขึ้นในทุกพื้นที่
อย่างไรก็ตามในฐานะการเป็นสตรีที่เข้ามาอยู่ในวงการวิจัยและวิทยาศาสตร์มองว่าทุกเพศ ทุกกลุ่มล้วนมีความสามารถและโอกาสที่เท่าเทียมกัน ดังนั้น จึงไม่สามารถที่จะแบ่งแยกได้ว่าเพศไหน หรือสถานะใดมีความโดดเด่นหรือศักยภาพที่เก่งกว่า แต่สิ่งสำคัญอยู่ที่การมีโอกาสและใช้โอกาสนั้นเพื่อบรรลุเป้าหมายอะไร ซึ่งขณะนี้สิ่งที่ตนกำลังพยายามใช้บทบาทของตนเองคือ ทำให้คนในพื้นที่ที่มีความแตกต่างกันในเรื่องวัย วิถีการใช้ชีวิต ความเชื่อ ความเข้าใจประโยชน์ที่แท้จริงของนวัตกรรมและวิทยาศาสตร์ เพื่อเชื่อมความเชื่อระหว่างวิถีทางมุสลิมว่าวิทยาศาสตร์ไม่ใช่สิ่งที่ทำลายหรือทำให้วิถีการใช้ชีวิตผิดแผกไปจากเดิม แต่คือตัวสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดี และทำให้ชุมชนก้าวทันกับความก้าวหน้าของบริบทโลก อีกทั้งวิถีทางศาสนาอิสลามต่าง ๆ ก็ยังสามารถทำให้มีคุณค่าหรือมูลค่าด้วยนวัตกรรมได้เช่นเดียวกัน