SCB จับตาสงครามการค้าและการลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด หวั่นส่งผลกระทบดัชนีหุ้นแนะโฟกัสหุ้นที่อ้างอิงปัจจัยในประเทศ

บล.ไทยพาณิชย์จับตาพัฒนาการด้านสงครามการค้าและการลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดต่อเนื่อง แม้ว่าสหรัฐฯยังไม่ปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจีนมูลค่าอีก 3.0 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งทำให้คาดว่าเฟดไม่มีความจำเป็นในการลดดอกเบี้ยในช่วงนี้ ทั้งนี้ ประเมินว่า การที่การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนยังคงดำเนินต่อไปใน 2H62 ยังคงมีโอกาสสร้างความผันผวนต่อตลาดการเงินได้ทุกเมื่อ ดังที่เคยเกิดขึ้นแล้วในช่วง 1H62 รวมถึง มีผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัวอยู่แล้ว เนื่องจากอยู่ในช่วงปลายวัฏจักรขาขึ้น (Late cycle) ดังนั้น จึงแนะนำให้โฟกัสหุ้นที่อ้างอิงปัจจัยในประเทศ (domestic play) ที่มีอัตราการเติบโตของกำไรดี และ ได้รับประโยชน์จากนโยบายภาครัฐ เช่น กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม (AMATA และ ROJNA) กลุ่มการแพทย์ (CHG) กลุ่มธนาคาร (KTB ) และ กลุ่มปิโตรเคมี (IVL) ซึ่งเป็นตัวแทนของหุ้น Global play ที่ปลอดภัยจากประเด็นสงครามการค้า  

นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS) กล่าวว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนจะดำเนินต่อไปใน 2H62 และยังคงมีความเสี่ยงที่จะเป็นตัวฉุดรั้งทั้ง sentiment ตลาดการเงิน และภาวะเศรษฐกิจโลก นอกเหนือจากปัจจัยกดดันที่เกิดขึ้นจากการที่เศรษฐกิจโลกอยู่ในช่วงปลายวัฎจักรขาขึ้น (late cycle) อยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสงครามการค้าอาจจะส่งผลกระทบทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย (Recession) จึงเชื่อได้ว่าสหรัฐฯกับจีนจะสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าบางอย่างร่วมกันได้บ้างในอนาคต โดยทั้งสองฝ่ายน่าจะลดภาษีนำเข้าในส่วนของสินค้ามูลค่า 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯที่เพิ่งประกาศขึ้นภาษีเป็น 25% ไปในเดือน พ.ค.ลงในอีก 3-6 เดือน ข้างหน้า แต่ในทางตรงข้าม หากสหรัฐฯกลับมาประกาศเพิ่มภาษีสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่าอีก 3.0 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และจีนมีโอกาสที่จะปรับตัวลดลงอีก 15-20% ในขณะที่ตลาดหุ้นไทยจะแข็งแกร่งกว่าโดยมีความเสี่ยงที่จะปรับตัวลดลง 7-10% จากระดับปัจจุบัน

ในขณะเดียวกัน ตลาดการเงินโลกกำลังติดตามผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ในช่วงเดือนกรกฎาคมอย่างใกลัชิด โดยคาดว่าเฟดมีโอกาสลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% แต่เนื่องจากเราคาดว่าเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ จะขยายตัวในระดับปัจจุบันต่อไปทำให้คาดว่าไม่มีความจำเป็นที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ต้องลดอัตราดอกเบี้ย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการประชุม G-20 ที่สหรัฐฯยังไม่ปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจีนอีก 3 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ในอนาคตหากสหรัฐฯตัดสินใจขึ้นภาษีสินค้านำเข้าดังกล่าว คาดว่า ภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวอย่างมาก ซึ่งจะส่งผลให้เฟดจำเป็นต้องลดอัตราดอกเบี้ย Fed funds rate ลง 50 bps เหตุผลที่ SCBS มองแตกต่างจากตลาดเป็นเพราะเราเชื่อว่าเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยก็ต่อเมื่อสงครามการค้าทวีความรุนแรงมากขึ้น  ในขณะที่ปัจจุบันตลาดการเงินให้ความสำคัญแค่ Sentiment ซึ่งความเป็นจริงแล้วต้องคำนึงถึงความสมเหตุสมผลทางเศรษฐศาสตร์เป็นหลัก

ด้านเศรษฐกิจไทย  พบว่า เศรษฐกิจชะลอตัวอย่างชัดเจนในไตรมาสแรก โดยเฉพาะในภาคต่างประเทศ ซึ่งการส่งออกสินค้าและบริการที่แท้จริงหดตัวลง 4.9% YoY และมีส่วนสำคัญที่ทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP growth contributor) ติดลบค่อนข้างมาก    (-3.6 percentage point)  ซึ่งเป็นตัวฉุดรั้ง GDP ใน 1Q62 ที่ขยายตัว 2.8% ดังนั้น ปัจจัยที่จะเป็นตัวผลักดันเศรษฐกิจในปี 2562 จึงจำเป็นต้องพึ่งการบริโภคและการลงทุนภายในประเทศ รวมถึง การท่องเที่ยวเป็นหลัก โดย SCBS คาดการณ์ GDP ปี 2562 ไว้ที่ 3.3%

กลยุทธ์การลงทุนในไตรมาส 3 ปี 2562 หุ้น Top pick มุ่งเน้นไปที่หุ้นที่อ้างอิงปัจจัยในประเทศ (domestic play) ที่มีประเด็นการเติบโตและได้ประโยชน์จากนโยบายรัฐบาล เช่น  กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม (AMATA และ ROJNA) กลุ่มการแพทย์ (CHG) กลุ่มธนาคาร (KTB ) และ กลุ่มปิโตรเคมี (IVL) ซึ่งเป็นตัวแทนของหุ้น Global play ที่ปลอดภัยจากประเด็นสงครามการค้า

  • AMATA : กำไรแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น และได้ประโยชน์จาก EEC นอกจากนี้การย้ายสายการผลิตมายังประเทศไทยจะส่งผลให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับประโยชน์อย่างชัดเจนจากการย้ายฐานผลิตออกมาจากจีนเพราะมีห่วงโซ่อุปทานและให้ผลประโยชน์ทางภาษีที่ดีกว่าประเทศอื่น
  • ROJNA : รายได้ประจำช่วยป้องกันความเสี่ยงและได้ประโยชน์จากวัฎจักรการลงทุนรอบใหม่
  • CHG : เชื่อมั่นปันผลประกอบการที่แข็งแกร่ง เมื่อมองต่อไปข้างหน้า คาดกำไรจะปรับตัวดีขึ้นใน 2H62 ในด้าน valuation หุ้นกลุ่มการแพทย์ซื้อขายที่ PE 32  เท่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี ที่ 35 เท่า
  • KTB : กำไรพิเศษได้ประโยชน์จากการใช้จ่ายภาครัฐและสินเชื่อฟื้นตัว
  • IVL : valuation ไม่แพงและกำไรมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น คาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวในช่วงที่เหลือของปี นอกจากนี้ยังมีผลกระทบน้อยที่สุดจากสงครามการค้าในปัจจุบัน

 

BizTalk NEWS

Recent Posts

LINE MAN เผยเทรนด์ “ชาไทย Specialty” แรงจัด! ยอดสั่งพุ่ง 81% ร้านใหม่ผุด 205%

กระแสชาไทย Specialty ฟีเวอร์! ข้อมูลจาก LINE MAN เผยให้เห็นถึงการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของตลาด "ชาไทย Specialty" ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ที่มียอดสั่งซื้อทะยาน 81% ร้านใหม่ตบเท้าเปิดตัวเพิ่มขึ้นถึง…

2 hours ago

China Unicom to Blanket 300+ Cities with 5G-Advanced by 2025, While Thailand Leads APAC’s 5G Revolution

China Unicom has launched its ambitious 5G-Advanced Action Plan, setting the stage for a significant…

4 hours ago

AIS ผนึกกำลังพันธมิตรภาครัฐ เดินหน้าจัดระเบียบสายสื่อสาร ถนนวิทยุ สร้างมหานครสวยงาม ปลอดภัย

AIS จับมือ การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.), กสทช., กรุงเทพมหานคร และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระดมทีมวิศวกรเข้าดำเนินการจัดระเบียบสายสื่อสารบนเสาไฟฟ้าและนำลงใต้ดิน บริเวณถนนวิทยุ ตั้งแต่แยกวิทยุ ถึงแยกเพลินจิต ทั้งสองฝั่ง ตลอดแนวถนน การดำเนินงานในครั้งนี้ มุ่งเน้นไปที่ความปลอดภัยของประชาชนและการลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ…

4 hours ago

“Trumpism 2.0” กระแทกโลก! สกสว. ชี้ไทยต้องเร่งเครื่อง BCG Economy ดันนวัตกรรมรับมือ ตั้งเป้าปั้นไทยเป็นฮับเทคโนโลยีอาเซียน ดึงต่างชาติร่วมลงทุน

ในยุคที่ "Trumpism" กำลังเขย่าวงการโลกอีกครั้ง กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ได้จัดเวทีเสวนา “Trump 2.0 วิกฤตหรือโอกาสของระบบ ววน. ไทย” เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบจากนโยบาย "America…

4 hours ago

องค์กร 61% กังวลความปลอดภัยคลาวด์ ฟอร์ติเน็ตแนะใช้แพลตฟอร์มรวมศูนย์-เสริมทักษะรับมือภัยคุกคามยุคใหม่

ฟอร์ติเน็ต เปิดเผยผลสำรวจล่าสุดจากรายงานสถานะความปลอดภัยระบบคลาวด์ประจำปี 2568 (2025 State of Cloud Security Report) ซึ่งจัดทำโดย Cybersecurity Insiders ชี้ให้เห็นว่า องค์กรส่วนใหญ่กำลังเผชิญกับความท้าทายในการรักษาความปลอดภัยบนคลาวด์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการปฏิบัติตามกฎระเบียบและการปกป้องข้อมูล…

4 hours ago

เปิดเทรนด์ “Conscious Travel” สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม

ยุคสมัยที่โรงแรมเป็นเพียง "ที่นอน" ได้ลาจากไปแล้ว! นักท่องเที่ยวไทยยุคใหม่กำลังมองหาประสบการณ์ที่มากกว่าการพักผ่อน พวกเขาต้องการสัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่น และใส่ใจความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม เทรนด์ "Conscious Travel" หรือการเดินทางอย่างมีสติกำลังมาแรง สะท้อนผ่านพฤติกรรมการพักผ่อนที่ยาวนานขึ้นในโรงแรม พร้อมแสวงหาประสบการณ์สุดพิเศษที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะบุคคล เจาะลึกเทรนด์นักท่องเที่ยว จากรายงาน Changing…

5 hours ago