ไปรษณีย์ไทย เปิดผลประกอบการปี 2566 รายได้รวม 20,934.47 ล้านบาท โต 7.40% กำไร 78.54 ล้านบาท เดินหน้าสร้างแบรนด์เลิฟในใจคนไทย หลังผลสำรวจพบคนไทยไว้วางใจ สูงถึง 96.3% ตั้งเป้าปี 67 รายได้ 22,802 ล้านบาท ตั้งเป้ากำไรโต 5 เท่า หรือ 350 ล้านบาท พร้อมเปิดโรดแมป 3 ปี ตั้งเป้าเป็น Trusted Sustainable ASEAN Brand หรือแบรนด์ที่มีความน่าเชื่อถืออย่างยั่งยืนในอาเซียน
ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เปิดเผยว่า “วันนี้คู่แข่งของไปรษณีย์ไทยคือพฤติกรรมของผู้บริโภค หากเราเอาชนะได้ก็ไม่จำเป็นต้องแข่งกับใคร เรามีหน้าที่สร้างประสบการณ์ลูกค้าตั้งแต่ต้นจนจบ คือตั้งแต่ลูกค้าก้าวเข้ามาใช้บริการ แก้ไขปัญหา รวมไปถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ลูกค้าควรได้”
ไปรษณีย์ไทยมีนโยบาย Zero Complain เป็นตัวผลักดันการพัฒนาการให้บริการอย่างต่อเนื่อง โดยใช้วิธีส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปคอยสอดส่องตามโซเชียลมีเดียต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาให้ลูกค้า หากพบว่าลูกค้าบ่น หรือร้องเรียน เจ้าหน้าที่ก็พร้อมเข้าไปแก้ปัญหาทันที ซึ่งปัจจุบันไปรษณีย์ไทยทำงานครอบคลุม 24 ชม. ได้ถึง 95%
จากนโยบายการทำงานทำให้ ปี 2566 ไปรษณีย์ไทยเติบโตด้านการขนส่ง 19% โดยในปี 2566 มีรายได้รวม 20,934.47 ล้านบาท กำไร 78.54 ล้านบาท สำหรับสัดส่วนรายได้แบ่งเป็นธุรกิจขนส่งมีสัดส่วน 45.5% ด้านไปรษณีย์ภัณฑ์ 33.8% และกลุ่มบริการระหว่างประเทศ 13.4% ธุรกิจรีเทล 4.9% และ อื่นๆ อีก 2.4%
ด้านการบริหารต้นทุน ไปรษณีย์ไทยปรับกลยุทธ์โดยควบคุมต้นทุนทั้ง บุคลากร ปรับเส้นทางการขนส่งให้ใช้ระยะทางสั้นที่สุด นอกจากนี้ยังปรับระบบขนส่ง Last mile เป็นรถไฟฟ้า ช่วยลดการใช้พลังงานไปได้ 70% และยังเป็นการช่วยลดการปล่อยคาร์บอนอีกด้วย
“ปีที่ผ่านมาเราบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้เราลดต้นทุนไปได้ 30% หรือประมาณ 2,000 กว่าล้านบาท”
ดร.ดนันท์ กล่าวต่อว่า สำหรับปี 67 นี้ ไปรษณีย์ไทยยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจรีเทล ทั้งสินค้า บริการ ซึ่งปีที่ผ่านมาเติบโต 35% มีรายได้แตะ 1,000 ล้านบาท เป็นสัดส่วนของรายได้ถึง 4.9% ซึ่งใน 3 ปี ตั้งเป้าไว้ว่าจะมีสัดส่วนรายได้จากรีเทลที่ 15% สำหรับปี 67 นี้ไปรษณีย์ไทยต้้งเป้ารายได้ไว้ที่ 22,000 ล้านบาท ขณะที่ตั้งเป้ากำไรเพิ่ม 5 เท่าจากปีก่อน หรือประมาณ 350 ล้านบาท
เดินหน้าสู่ Trusted Sustainable Asean Brand ใน 3 ปี
ดร.ดนันท์ มองว่า การเติบโตของไปรษณีย์ไทย คือการเติบโตของวิสาหกิจชุมชนไทย เพราะธุรกิจขนส่งสินค้าเป็นตัวผลักดันให้คนกลุ่มนี้นำสินค้าออกสู่ตลาดได้มากขึ้น ซึ่งไปรษณีย์ไทยยังมองถึงการขยายการขนส่งไปยังต่างประเทศมากขึ้นอีกด้วย
“เราจะส่งมอบการเติบโตอย่างยั่งยืนผ่านโครงข่ายไปรษณีย์ ผู้ส่งขายสินค้าได้ จึงจะนำของมาส่ง ถ้าเราส่งของได้ไว ไม่เสียหาย ก็จะทำให้ผู้ค้าเติบโตได้ ส่วนผู้ซื้อชื่นชอบก็จะกลับมาสั่งใหม่”
วันนี้ไปรษณีย์ไทยมีบริการติดตามสินค้าแบบเชิงรุก ช่วยให้ผู้ส่งไม่ต้องตามสินค้าด้วยตัวเองทีละชิ้น แต่จะมีระบบคอยติดตามให้ ขณะที่การทำงานของบุรุษไปรษณีย์จะไม่ใช่เพียงแค่คนส่งของอีกต่อไป แต่จะทำงานได้อย่างมีคุณค่ามากขึ้น ส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการ
ในไตรมาส ปี 67 นี้ไปรษณีย์ไทยตั้งเป้าจะเปิดบริการ Digital Mailbox เป็นระบบที่ช่วยให้คนทราบว่ามีจดหมายมาส่งถึงบ้านแล้วผ่านการแจ้งเตือน (Notification) ในมือถือ และยังช่วยให้ไปรษณีย์ไทยรับรู้ว่าพื้นที่ไหนยังมีปัญหา เพื่อเข้าไปพัฒนาบริการให้ดียิ่งขึ้น“วันนี้เราไม่ได้มองแค่การทำตามมาตรฐานอุตสาหกรรม แต่เรามองว่าลูกค้าต้องการอะไร ทำให้เราปรับปรุงการทำงาน และส่งมอบบริการที่เหนือความคาดหวัง ซึ่งเป็นการขับเคลื่อนไปรษณีย์ไทยเป็น Top of Mind และภายใน 3 ปี เราตั้งเป้าจะเป็น Trusted Sustainable Asean Brand เป็นแบรนด์ที่มีความน่าเชื่อถืออย่างยั่งยืนในอาเซียน” ดร.ดนันท์ กล่าวทิ้งท้าย
–ไปรษณีย์ไทย อาจร่วมขอใบอนุญาต Virtual Bank พร้อมเดินหน้าศึกษาเต็มที่
–ไปรษณีย์ไทย รุกใช้โครงสร้างพื้นฐานพี่ไปรสร้างรายได้เพิ่ม วอนรัฐดูแลธุรกิจขนส่งให้แข่งขันอย่างเป็นธรรม