จบไปแล้วกับการประกาศผลและมอบรางวัลการประกวด X Campus Ads Idea Contest 2023 ที่ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (MHESI) และ สมาคมผู้ใช้ดิจิทัลไทย (DUGA) ร่วมกันจัดเพื่อต่อยอดนักโฆษณามืออาชีพไอเดียสร้างสรรค์คนรุ่นใหม่ไฟแรง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมภายใต้ Digital Technology Demand Generation ที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 โดยทุกภาคส่วนตระหนักถึงการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในภาคการศึกษาให้เกิดประโยชน์สูงสุด พร้อมทั้งสนับสนุน ส่งเสริม และเปิดโอกาสให้นิสิต นักศึกษา ได้แสดงศักยภาพ ความสามารถ ความคิดสร้างสรรค์ และมีประสบการณ์จริงนอกห้องเรียนในการผลิตสื่อโฆษณาจากหลากหลายโจทย์ของบริษัทอุตสาหกรรมชั้นนำของประเทศ เพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของแผนเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) ในเรื่องของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล และพัฒนากำลังคนให้พร้อมเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัล ต่อยอดสู่การเป็นนักโฆษณามืออาชีพสร้างรายได้ต่อไปในอนาคต
สุภาวดี ตันติยานนท์ นายกสมาคมผู้ใช้ดิจิทัลไทย (DUGA) กล่าวว่า โครงการ “X Campus Ads Idea Contest 2023” จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 เป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้นิสิต นักศึกษาผลิตคลิปวิดีโอโฆษณา ได้มีโอกาสแสดงศักยภาพ ความสามารถ ความคิดสร้างสรรค์ และมีประสบการณ์จริงนอกห้องเรียนตลอดทั้ง 6 ปีมีถึง 5,209 ทีมเข้าร่วมแข่งขัน โดยปีนี้มีผู้สนใจส่งผลงานเข้ามามากถึง 1,357 ทีม จาก 57 สถาบันทั่วประเทศ และแต่ละทีมมีโอกาสเลือกทำโจทย์จากแบรนด์สปอนเซอร์ 7 แบรนด์ ซึ่งจะได้รับข้อมูลสรุปความต้องการของลูกค้าและปัญหาของลูกค้า รวมทั้งข้อมูลต่างๆ จากทีมการตลาดของเจ้าของแบรนด์โดยตรง อีกทั้งยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดี แลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำงานร่วมกันระหว่างสถาบันการศึกษาต่างๆ พร้อมกับคำแนะนำจากคณะกรรมการกิตติมศักดิ์ รวมไปถึงองค์กรที่ให้การสนับสนุนโครงการและการบ่มเพาะความรู้เชิงลึกในการทำคลิปวิดีโอโฆษณาจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งเป็นสิ่งที่มีคุณค่ามากสำหรับการเรียนรู้นอกห้องเรียน นับว่าเป็นประสบการณ์ที่หาได้ยากยิ่ง และต่อยอดการเป็นนักโฆษณามืออาชีพได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“DUGA เราทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมระหว่างภาครัฐและภาคการศึกษาโดยใช้กิจกรรมเป็นสื่อกลาง ซึ่งแคมเปญนี้เราเน้นให้นักศึกษาได้ทำโฆษณาที่จะเป็นไวรัลผ่านทางโซเชียลมีเดรย ซึ่งถือว่าเป็นโจทย์ที่ยากในวงการเอเจนซี่ แต่น้องๆ ก็ทำออกมาได้ดี ผลงานดูเป็นมืออาชีพมากๆ” สุภาวดี กล่าวเสริม

สำหรับทีมที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายจำนวนทั้งหมด 18 ทีม ซึ่งผลงานที่ส่งเข้าประกวดจะต้องสร้างสรรค์ให้สอดคล้องกับหัวข้อการประกวดของโจทย์ที่ได้รับ โดยมีทีมที่ได้รับรางวัลดังนี้
- รางวัลชนะเลิศ (1 รางวัล) ได้แก่ ทีมอดีตช่างมันปัจจุบันแยกย้ายไปเติบโต จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นำเสนอผลิตภัณฑ์ ONE GERD ได้รับทุนการศึกษา จำนวน 40,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตรและถ้วยรางวัล จากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES) และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (MHESI)
- รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 (1 รางวัล) ได้แก่ ทีม Passion 64 จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี นำเสนอผลิตภัณฑ์ Peppermint Field ได้รับทุนการศึกษา จำนวน 30,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตรและถ้วยรางวัล จากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES) และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (MHESI)
- รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 (1 รางวัล) ได้แก่ ทีมสวัสดีอาต จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นำเสนอผลิตภัณฑ์ Propoliz ได้รับทุนการศึกษา จำนวน 20,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตรและถ้วยรางวัล จากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES) และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (MHESI)
- รางวัลชมเชย (5 รางวัล) ได้แก่
ทีมโชคดี จากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม นำเสนอผลิตภัณฑ์ YAMAHA FAZZIO
ทีม Opinion จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นำเสนอผลิตภัณฑ์ Tiger Balm Plasters
ทีม บะหมี่เฮียกง จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ นำเสนอผลิตภัณฑ์ PUMPUI
ทีม Miniheart จากมหาวิทยาลัยกรุงเทพ นำเสนอผลิตภัณฑ์ YAMAHA FAZZIO
ทีม E-YANG จากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม นำเสนอผลิตภัณฑ์ ONE GERD
ทุกทีมได้รับทุนการศึกษา จำนวน 5,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตร จากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES) และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (MHESI) - รางวัล Popular Vote (1 รางวัล) ได้แก่ ทีมอดีตช่างมันปัจจุบันแยกย้ายไปเติบโต จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นำเสนอผลิตภัณฑ์ ONE GERD ได้รับทุนการศึกษา จำนวน 5,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตร จากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES) และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (MHESI)
- รางวัล The Best Creative (1 รางวัล) ได้แก่ ทีมจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี นำเสนอผลิตภัณฑ์ Tiger Balm Plasters ได้รับทุนการศึกษา จำนวน 5,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตร จากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES) และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (MHESI)
ผู้ประกอบการปลื้มผลงานเด็กยุคใหม่ ชี้นำไปต่อยอดได้
ด้านผู้ประกอบการเอกชนที่เข้ามาสนับสนุนโครงการต่างลงความเห็นว่าผลงานของเด็กที่ได้ผ่านเข้ารอบมาในรอบสุดท้ายนั้นล้วนเป็นผลงานคุณภาพที่สามารถนำไปต่อยอดได้จริง
มีนา อัครพงษ์พิศักดิ์ Assistant Vice President Marketing บริษัทเบอร์แทรม (1958) จำกัด แบรนด์ Peppermint Field กล่าวว่า บริษัทฯ ได้เข้ามาสนับสนุนโครงการนี้เป็นปีที่ 3 แล้ว และมีความต้องการที่จะใกล้ชิดกับกลุ่มลูกค้าที่อายุ 18 ถึง 35 ปี ซึ่งนักศึกษาเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของแบรนด์เปปเปอร์มิ้นฟิลด์อยู่แล้ว โครงการนี้ทำให้ได้เห็นความคิดสร้างสรรค์ และเป็นเวทีโชว์ศักยภาพของน้องๆ ในการผลิตสื่อโฆษณาในรูปของคลิปสั้นที่ต้องโดนใจผู้ชมภายใน 5 วินาทีแรกและสั้นมาก แพลตฟอร์มของวิดีโอแนวตั้งอย่าง TikTok ต้องกระชับ แบบรวดเร็ว เห็นแป๊บเดียวต้องดึงดูดไม่ให้ผู้ชมเลื่อนผ่านไป กลยุทธ์การเล่าเรื่องของน้องในปีนี้ดีขึ้นมาก และสามารถนำผลงานของน้องๆ ไปต่อยอดได้
“ซึ่งเราอยากยกตัวอย่างของทีมที่ทำผลงานได้ดี 3 ทีม โดยทีมแรกใช้ไอเดียถ่ายทำเหมือนกับการไปสัมภาษณ์นักท่องเที่ยวว่าคนไทยดมยาดมอะไรกัน โดยเน้นการถ่ายทำที่ดูเรียลและเข้ากับแพลตฟอร์ม TikTok ทีมที่ 2 เล่นกับโทนสี ขาว ดำ โดยถ่ายทำให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่าง Peppermint Field ทั้ง 2 กลิ่นที่มีความแตกต่างกัน คือ สีขาวจะเน้นให้ดูมีความละมุน ส่วนสีดำจะมีความหอมเข้ม ส่วนทีมที่ 3 เล่าเรื่องในสไตล์อนิเมะ โดยให้ทีมสีขาวและสีดำมาต่อสู้กันในจุดเด่นของตัวเอง” มีนา กล่าวเสริม
กุลเกตุ โตทับเที่ยง Commercial Director บริษัท ผลิตภัณฑ์อาหารกว้างไพศาล จำกัด (มหาชน) แบรน Pumpui กล่าวว่า ปุ้มปุ้ยอยู่กับสังคมไทยมา 45 ปี ซึ่งเราอยากปรับแบรนด์ให้ทันสมัย เข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ได้มากขึ้น โครงการนี้ทำให้บริษัทฯ มีโอกาสใกล้ชิดกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ทุกวันนี้เก่งมากทั้งความครีเอทีฟ การนำเสนอ และการโปรโมทที่เน้นความสนุก ทั้งในแพลตฟอร์ม TikTok และ Youtube พอเริ่มโพสต์ลง พบว่ามีกลุ่มลูกค้าต่างประเทศมาตามเลยทันที ทักเข้ามา ถามว่าเป็นโฆษณาที่เอาไปแชร์ต่อได้มั้ย ซึ่งตรงกับที่ทางบริษัทฯ อยากจะโปรโมททั้งในประเทศและต่างประเทศด้วย

หทัยรัตน์ อุดมลาภธรรม ตำแหน่ง Marketing & Sale Director บริษัท อาร์เอ็กซ์ จำกัด แบรนด์ ONE GERD กล่าวว่า วันเกิร์ดเป็นยาบรรเทาอาการกรดไหลย้อนที่เกิดได้กับทุกวัยไม่ใช่แค่คนทำงาน เด็กๆ รุ่นใหม่ก็เป็นกันด้วยพฤติกรรมการนอนดึกและการบริโภค บริษัทฯ อยากให้น้องๆ ได้ออกจากกรอบ อยากจะทําโฆษณาให้เข้าใกล้กับคนในยุคปัจจุบันมากยิ่งขึ้นตามสื่อที่เขาเลือกเสพและตามไลฟ์สไตล์ ซึ่งน้องๆ ทําผลงานออกมาได้ค่อนข้างดี สั้นกระชับได้ใจความ มีรูปแบบของการสร้างสรรค์ที่ชอบอย่างเช่น มีทีมหนึ่งใช้ซิมโบลิคในการถ่ายทอด เปรียบกรดไหลย้อนเป็นทีมฟุตบอลโดยฝ่ายตรงข้ามคู่แข่งเป็นกรดที่พยายามจะมายิงประตู แต่อีกฝ่ายเป็นผู้รักษาประตูที่เหนียวมากก็คือเป็นทีมวันเกิร์ด ทำได้ดีจนน่าจะนำไปต่อยอดได้
“ซึ่งการโฆษณายาสามัญประจำบ้านถือว่าเป็นโจทย์ยาก เพราะห้ามโอเวอร์เคลมสรรพคุณ ห้ามบอกว่าเป็นยาวิเศษที่ใช้แล้วหายขาด ซึ่งความฉลาดของน้องๆ ที่พยายามบิดเรื่อง ใส่ความคิดสร้างสรรค์เข้าไปจนออกมาเป็นผลงานได้ เป็นเรื่องที่น่าชื่นชมมากๆ” หทัยรัตน์ กล่าวเสริม
ภัสสราณัฐ รวยธนาสมบัติ Business Development Manager บริษัท เจแอลซี กรุ๊ป จํากัด แบรนด์ Jula’s Herb กล่าวว่า แบรนด์จุฬาเฮิร์บเป็นสินค้าของไทย บริษัทฯ จึงเลือกทีมที่มีจุดเด่นทางด้านการสื่อสารที่เข้าใจง่ายกับตลาดแมสที่มีกลุ่มลูกค้าหลากหลายพร้อมทั้งหยิบเอาความเป็นไทยมาแสดงและย้อนยุค ตอบโจทย์ในเรื่องผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ได้แทบจะครอบคลุมมากที่สุด ความโดดเด่นของผลงานคือเราปล่อยให้น้องๆ มีอิสระในการคิดรูปแบบ ใช้ครีเอทีฟอย่างเต็มที่ จะเห็นว่ากลุ่มที่ถูกเลือกมามีความคิดสร้างสรรค์ที่เรียกว่าดีที่สุด ไม่ได้ขายสกินแคร์แบบเดิม มีการประยุกต์นำฉากย้อนยุคมาใช้ การส่งเสริมไอเดียด้านทางเลือกของเพศที่ 3 และนำไอเดียของการขายสกินแคร์ไม่จําเป็นต้องผิวขาว ซึ่งเป็นความคิดสร้างสรรค์ที่พัฒนาต่อไปได้อีกในอนาคต
“แบรนด์ Jula’s Herb เราเริ่มต้นจากการเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ จนปัจจุบันลูกค้าเติบโตไปพร้อมกับแบรนด์ของเรา วันนี้ลูกค้ากลายเป็นกลุ่มทำงานในวัย 25-30 ปี ซึ่งการให้น้องๆ เข้ามาช่วยสื่อสารแบรนด์จะช่วยให้เราเข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้อีกครั้งหนึ่ง” ภัสสราณัฐ กล่าวเสริม

เภสัชกรหญิงธัญพร เลิศวรรณเอก Product Manager บริษัท ที.แมน ฟาร์มาซูติคอล จำกัด (มหาชน) แบรนด์ Propoliz กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากและลําคอของบริษัทฯ เป็นเม็ดอมตัวใหม่ใช้เป็นโจทย์ในโครงการนี้ โครงการนี้ทำให้ได้แนวความคิดจากน้องๆ โดยตรง และรู้ปัยหา (pain point) ของเจน Z คนรุ่นเดียวกันดี ดังนั้นการครีเอทีฟจะดีกว่าด้วยการนำความคิดของน้องๆ มาทําคลิปโฆษณาสำหรับเจนเดียวกับพวกเขา แผนของผู้บริหารเองตั้งใจว่าจะนำผลงานเหล่านี้ไปต่อยอดในอนาคต
เภสัชกรหญิงธนพร สังเว Product Manager บริษัท โฮ้ว ป่า ไทเกอร์ บาล์ม (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แบรนด์มีวิชั่นอยากจะเป็น Top of Mind ของคนทั่วโลก ทุกวัย อยากจะขยายกลุ่มเป้าหมายการโฆษณาจากกลุ่มคนอายุมากๆ มาเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้น โครงการนี้จึงเป็นแคมเปญที่ตอบโจทย์กับวิชั่นของบริษัทฯ ตรงๆ คือการเชื่อมโยงกับคนรุ่นใหม่ จุดเด่นของทีมที่ได้รางวัลคือการมีครีเอทีฟที่เกินกว่าความคาดหมายทุกทีม ทําให้ยาหม่องสามารถคุยกับคนในช่วงเจเนอเรชั่นต่างๆ ได้ดีขึ้น ส่วนคอนเซปต์ของน้องๆ ที่มาพรีเซนต์ค่อนข้างที่จะเข้าใจผลิตภัณฑ์เป็นอย่างดี ดังนั้นน้องจึงสามารถสื่อสารออกมาได้ดีกับเจเนอเรชั่นคนรุ่นใหม่ อย่างเช่น บางทีมสื่อสารถึงความรู้สึกเจ็บปวดของวัยรุ่นว่า วัยรุ่นก็มีความรู้สึกเจ็บปวดเมื่อยได้ จากการนั่งนานๆ เวลาเล่นเกมหรือนั่งทำข้อสอบในห้องสอบ ซึ่งสื่อสารออกมาได้ดีแล้วก็เป็นอะไรที่แปลกใหม่ ทำให้ผลิตภัณฑ์ยาหม่องของบริษัทฯ สามารถคุยกับเด็กวัยรุ่นใหม่ได้ง่ายขึ้น เป็นโฆษณาที่สามารถนำไปพัฒนาต่อยอดได้ในอนาคต
นายกสมาคมผู้ใช้ดิจิทัลไทย (DUGA) กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการประกวด “X Campus Ads Idea Contest 2023” ได้รับการตอบรับจากนิสิต นักศึกษาเป็นอย่างมาก และขอแสดงความยินดีกับนิสิต นักศึกษาที่ได้รับรางวัลฯ พร้อมทั้งขอขอบคุณสถาบันการศึกษาที่ได้สนับสนุนให้นิสิต นักศึกษาส่งผลงานเข้าร่วมประกวด และขอบคุณนิสิต นักศึกษาทุกท่านที่สร้างสรรค์ส่งผลงานอันมีคุณค่า ซึ่งเวทีนี้เปิดกว้างให้แสดงความสามารถ และความคิดสร้างสรรค์ รวมถึงสร้างแรงบันดาลใจในการสร้างรูปแบบการสื่อสารแนวใหม่ให้กับนิสิต นักศึกษา เพื่อที่จะสามารถนำไปต่อยอดและเป็นเส้นทางไปสู่การเป็นนักโฆษณามืออาชีพ รวมถึงการนำความรู้ทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัลมาพัฒนาความคิดสร้างสรรค์อย่างไร้ขีดจำกัด เสริมสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ เพื่อรองรับเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) ของประเทศไทย อันจะนำไปสู่ความก้าวหน้าและการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในอนาคต