ดีป้า..เตรียมชงสรรพากร ขยายมาตรการภาษี200% ออกไปอีก 3 ปี กระตุ้นลงทุนอุตสาหกรรมดิจิทัล

นายฉัตรชัย คุณปิติลักษณ์ รองผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า ได้นำเสนอผลการศึกษาเปรียบเทียบมาตรการส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัลของไทยกับต่างประเทศ เพื่อปรับกลยุทธ์ในการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนให้สอดคล้องความต้องการของนักลงทุนให้มากขึ้น และผลักดันให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมดิจิทัลของไทย

โดยผลการศึกษาพบว่า ประเทศไทยมีการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ดีกว่าต่างประเทศ ทั้งในด้านระยะเวลาการยกเว้นภาษี และอัตราการลดหย่อนภาษี สะท้อนถึงมาตรการทางภาษีของไทยมีความสามารถในการดึงดูดนักลงทุนค่อนข้างสูง แต่ยังมีหลายมาตรการที่ไทยยังไม่ได้นำมาใช้ เช่น การให้เครดิตภาษีเพื่อการวิจัยและพัฒนา การยกเว้นภาษีอสังหาริมทรัพย์ ภาษีมูลค่าเพิ่ม และการให้เงินอุดหนุนเพื่อสนับสนุนการจ้างงานและ ค่าเช่า เป็นต้น

ทั้งนี้ได้เสนอ 4 ประเด็นสำคัญในการผลักดันการลงทุนในอุตสาหกรรมดิจิทัล ประกอบด้วย 1.การสร้างอุปสงค์ที่เพียงพอในการชักจูงการลงทุน 2. ดำเนินการศูนย์ให้บริการเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียวระบบดิจิตอล 3. สนามทดสอบธุรกิจดิจิทัล และ 4. จัดทำกองทุนร่วมทุนสำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เพื่อลงทุนในพื้นที่เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมดิจิทัล ซึ่งเป็นข้อเสนอเพื่อการดึงดูดการลงทุนในระดับพื้นที่

ขณะเดียวกันได้มีการหารือกับกรมสรรพากร เพื่อขอต่ออายุมาตรการลดหย่อนภาษี 200% สำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่ซื้อหรือใช้บริการโปรแกรมคอมพิวเตอร์จากนักพัฒนาหรือผู้ประกอบการซอฟต์แวร์ที่ขึ้นทะเบียนกับดีป้า ตามเงื่อนไขที่กรมสรรพากรกำหนดในวงเงินไม่เกิน 100,000 บาท โดยจะขอต่ออายุมาตรการออกไปอีก 3 ปี จากเดิมที่จะสิ้นสุดมาตรการในสิ้นปีนี้ไปเป็นสิ้นสุดมาตรการในวันที่ 31 ธันวาคม 2565 และขอเพิ่มวงเงินยกเว้นภาษีจาก 100,000 บาทเป็น 200,000 บาทเพื่อให้สอดคล้องกับมุระค่าของวงเงินที่เอื้อให้กับผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีในปัจจุบันและขอขยายขอบเขตมาตรการจากเดินที่ครอบคลุมเฉพาะซอฟต์แวร์ให้เป็นครอบคลุมใน3 สาขาหลัก ประกอบด้วยซอฟต์แวร์ , ฮาร์ดแวร์และอุปกรณ์อัจฉริยะ , และบริการดิจิทัล

โดยยอมรับว่าการใช้มาตรการดังกล่าวในช่วง 3 ปี ที่ผ่านมามีผู้ประกอบการมาขึ้นทะเบียนมากกว่า 140 ราย กระตุ้นให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมด้านซอฟต์แวร์กว่า 1300 ล้านบาท และแม้มาตรการดังกล่าวจะส่งผลให้รัฐสูญเสียรายได้จากภาษีมากกว่า 567 ล้านบาท แต่ก็สามารถสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นจากค่าใช้จ่ายในการใช้เทคโนโลยีและการลงทุนปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจด้วยเทคโนโลยีดิจิทอลเพิ่มขึ้นกว่า 3,158 ล้านบาท และคาดว่าการต่ออายุมาตรการและขยายสิทธิประโยชน์ทางภาษีตามที่เสนอจะทำให้รัฐได้ผลตอบแทนกลับคืนมากกว่าเดิมถึง 6 เท่าตัว

Scroll to Top