พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี สั่งการให้ ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) จัดประชุม การแก้ไขปัญหาฉ้อโกงออนไลน์ ในวันนี้ 9 ธ.ค. 65 โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมได้แก่ ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พลตำรวจเอกดำรงค์ศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทย ผู้แทนสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ผู้แทนกรมสอบสวนคดีพิเศษ ผู้แทนสมาคมธนาคารไทย รวมทั้งผู้แทนกระทรวงการคลัง
–รฟม. ลงพื้นที่ติดตามตรวจสอบความปลอดภัย โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว – สำโรง
ที่ประชุมได้สรุปผลของการปฎิบัติงานและสถิติการดำเนินคดีทางอาชญากรรมออนไลน์ที่สำคัญ ในปี 2565 ถึงเดือนพฤศจิกายนนี้ ประกอบด้วย
- การปิดกั้นข้อความ SMS/โทรหลอกลวง จำนวน 94,043 หมายเลข และดำเนินคดีแก๊งค์ Call center 46 คดี จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ จำนวน 60 ราย
- การอายัดบัญชีม้าจำนวน 47,245 บัญชี และปิดกลุ่มโซเชียลมีเดียซื้อขายบัญชีม้า จำนวน 8 กลุ่ม
- การดำเนินคดีหลอกลวงลงทุน – ระดมทุน ออนไลน์และหลอกลวงทางการเงิน จำนวน 562 คดี จับกุมผู้ต้องหาจำนวน 578 ราย
- การปราบพนันออนไลน์ โดยดำเนินคดี 287 คดี มีผู้ต้องหาจำนวน 430 ราย และปิดกั้นเว็บไซต์พนันจำนวน 1,691 เว็บไซต์
- การดำเนินคดีหลอกลวงซื้อขายสินค้าบริการออนไลน์ จำนวน 246 คดี และจับกุมผู้ต้องหาจำนวน 253 ราย
ในวันนี้ ที่ประชุมได้มีพิจารณากรณี ที่ลูกค้าที่ใช้บริการ ShopeePay Wallet สูญเงินจากบัญชีโดยที่ลูกค้าไม่ได้เป็นผู้ทำรายการ ซึ่งตำรวจไซเบอร์อยู่ระหว่างการสืบสวนหาข้อเท็จจริง อย่างไรก็ตาม ฝากเตือนให้ประชาชนระวังการได้รับ SMS หรือข้อความต่างๆ ซึงอาจทำให้หลงเชื่อว่ามาจากผู้ให้บริการนั้นๆผ่านทางโทรศัพท์มือถือ เช่น อาจหลอกโดยการแจ้งว่า account มีปัญหาหรือบัญชีถูกระงับ มีการโอนเงินแปลกๆ พร้อมกับมีการส่งลิงก์ให้กดเพื่อทำการแก้ปัญหาตามที่อ้าง และพบว่าคนร้ายอาจติดต่อลูกค้าให้เพิ่มเพื่อนทาง Line โดยใช้โลโก้ของบริการนั้น ๆ และขอรหัสผ่าน รหัสบัญชี ทั้งนี้ผู้ใช้งาน ควรพิจารณา การติดต่อต่าง ๆ จะต้องติดต่อผ่านทางแอปของการบริการนั้น ๆ เท่านั้น ไม่ควรติดต่อผ่านช่องทางอื่น และที่ประชุมได้ติดตามความก้าวหน้าตามแนวทางมาตรการเร่งด่วนแก้ไขปัญหาการฉ้อโกงทางออนไลน์ โดยมีผลการดำเนินงานที่สำคัญ มีเป้าหมายแล้วเสร็จใน 30 วัน ได้แก่
1. กระทรวงดิจิทัลฯ จัดทำร่าง พ.ร.ก. มาตรการป้องกันและปราบปรามการหลอกลวงทางออนไลน์ พ.ศ. …ขณะนี้ อยู่ระหว่างนำเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา โดยมีบทลงโทษการซื้อขายบัญชีม้า (หรือบัญชีธนาคารที่คนร้ายซื้อมาเพื่อใช้รับโอนเงินของเหยื่อ) การโฆษณาซื้อขายบัญชีม้า การทำให้ธนาคารสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน สำหรับของพฤติกรรมที่ต้องสงสัยและสามารถระงับพฤติกรรมดังกล่าวได้ เพื่อป้องกันความเสียหายแก่ประชาชน ตัดวงจรอาชญากรรมฉ้อโกงออนไลน์ก่อนกระทบในวงกว้าง ซึ่งในการจัดทำ พ.ร.ก. ได้ดำเนินการร่วมกับทุกหน่วยงาน ปปง. สตช. ธปท. สมาคมธนาคารไทย กสทช.
2. กระทรวงดิจิทัลฯ ร่วมกับธนาคารกรุงไทย ยกระดับการแจ้งเตือนภัยออนไลน์ผ่านแอพลิเคชั่นเป๋าตัง โดยกระทรวงดิจิทัลได้ลงนามความร่วมกับกับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 65 ประชาชนสามารถรับทราบรูปแบบการฉ้อโกงทางออนไลน์ในรูปแบบต่างๆ เพื่อไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ ผ่านแอปเป๋าตัง ซึ่งมีผู้ใช้งานกว่า 40 ล้านคนทั่วประเทศ
3. ธนาคารแห่งประเทศไทย ออกแนวนโยบายเพิ่มเติม กำหนดให้ธนาคารมีการตรวจสอบชื่อเจ้าของเบอร์โทรศัพท์และชื่อบัญชีเงินฝากให้ตรงกัน รวมทั้งให้ mobile banking ใช้งานได้ 1 หมายเลขโทรศัพท์ ต่อ 1 อุปกรณ์
4. สมาคมธนาคารไทย ป้องกันการหลอกโอนเงินผ่าน Remote Control Application ของคนร้าย และมีการแจ้งเตือนลูกค้าผ่าน mobile banking อย่างต่อเนื่อง
5. ปปง. จัดการแก้ไขปัญหาการรับจ้างเปิดบัญชีม้า โดยแจ้งข้อมูลบัญชีม้าผ่านระบบให้ธนาคารจัดการในกรณีที่เป็นบัญชีผิดกฎหมาย และคาดว่าจะปิดบัญชีม้า ได้ 7,000 – 10,000 บัญชีใน 1 เดือน
6. สำนักงาน กสทช. ดำเนินการจัดการผู้ครอบครองซิมโทรศัพท์จำนวนมากและไม่ลงทะเบียนยืนยันตัวตนตามระบบ หากไม่มายืนยันให้ถูกต้องจะถูกระงับการให้บริการ เพื่อป้องกันการนำ SIM ไปใช้ทำผิดกฎหมาย
ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ กล่าวว่า “ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเป็นจำนวนมาก ต้องขอขอบคุณความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น ธนาคารแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย สำนักงาน ปปง. ในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับระบบ E-Banking / Mobile Banking การป้องกันการโอนเงินผ่าน Remote control Application ที่คนร้ายใช้และ สำนักงานกสทช. เร่งจัดการกับผู้ถือครอง Sim จำนวนมากและยังไม่ลงทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมายและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ดำเนินคดีต่อผู้ทำความผิด”
บิ๊กป้อม ย้ำ “รัฐบาลให้ความสำคัญและเร่งรัดการดำเนินการในทุกด้านเพื่อปกป้องประชาชนจากมิจฉาชีพและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขกฎหมาย การสร้างความตระหนักรู้ การปราบปรามผู้กระทำความผิด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน โดยวันนี้ ได้กำหนดเป้าหมายดำเนินการให้เห็นผลใน 30 วัน”