ส.อ.ท. นำสมาชิก GS1 Thailand ฝ่าวิกฤติโควิด-19 ภายใต้แนวคิด “เมื่อโลก(โรค)เปลี่ยน เราปรับ “Stay at home economy”

สถาบันรหัสสากล สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ GS1 Thailand จัดงานประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2564 ภายใต้หัวข้อ “เมื่อโลก(โรค)เปลี่ยน เราปรับ “Stay at home economy” รูปแบบ Virtual Meeting โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้สมาชิกได้รับทราบผลการดำเนินงานในปี 2564 และแผนการดำเนินงานปี 2565 และร่วมรับฟังการบรรยายพิเศษจากวิทยากรกิตติมศักดิ์และผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อเพิ่มพูนความรู้และสร้างแนวคิดใหม่ๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อการบริหารจัดการธุรกิจให้ประสบความสำเร็จยิ่งขึ้น โดยมีสมาชิกเข้าร่วมการประชุมจากทั่วประเทศ และครั้งนี้เปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจเข้าร่วมรับฟังการบรรยายพิเศษและเสวนาในหัวข้อต่างๆ ได้อีกด้วย

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า สถาบันรหัสสากล หรือ GS1 Thailand ซึ่งถือเป็นหน่วยงานหลักภายใต้สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ช่วยส่งเสริมการประยุกต์ใช้ระบบเทคโนโลยีบาร์โค้ดมาตรฐานสากล GS1 ให้แก่ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมไทย เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน และโอกาสทางการค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยงานในปีนี้จัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “เมื่อโลกเปลี่ยน เราปรับ “Stay at Home Economy” ซึ่งเป็นหัวข้อที่น่าสนใจและสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันเป็นอย่างยิ่งสืบเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่รุนแรงขึ้นในช่วงที่ผ่านมาทำให้รัฐบาลต้องประกาศมาตรการล็อกดาวน์เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาด ส่งผลให้ธุรกิจหลายประเภทไม่สามารถดำเนินได้ตามปกติ และยังเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้การดำรงชีวิตประจำวันของประชาชนนั้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก จึงส่งผลให้เกิดรูปแบบเศรษฐกิจที่เรียกว่า Stay at Home Economy หรือ ระบบเศรษฐกิจการใช้จ่ายและการบริโภคภายในบ้าน ซึ่งถือเป็น Keyword สำคัญของการจัดงานในวันนี้

การเกิดขึ้นของรูปแบบเศรษฐกิจ Stay at Home Economy ได้ส่งผลทำให้ธุรกิจ e-Commerce มีอัตราการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงปีที่ผ่านมา สวนทางกับเศรษฐกิจในสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 และคาดว่าจะยังเติบโตได้อีกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมาตรฐาน GS1 เองก็ได้เข้าไปมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจ e-Commerce โดยไม่เพียงแต่สินค้าในรูปแบบ Physical ที่ทำการซื้อขายผ่านช่องทางออฟไลน์เท่านั้นที่จะต้องมีรหัสบาร์โค้ด สินค้าในรูปแบบ Digital ที่ทำการซื้อขายผ่านช่องทางออนไลน์หรือ e-Commerce นั้นก็จำเป็นที่จะต้องมีรหัสบาร์โค้ดด้วย เนื่องจากรหัสบาร์โค้ด หรือ GTIN จะช่วยให้สินค้าออนไลน์นั้นมีรหัสบ่งชี้สินค้าที่ไม่ซ้ำซ้อนกัน ช่วยให้โปรแกรมค้นหา (Search Engine) ทำการค้นหารายการสินค้าได้อย่างแม่นยำ ส่งผลให้ผู้บริโภคสามารถค้นหาสินค้าที่ต้องการได้ถูกต้อง และรวดเร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้รหัสบาร์โค้ด GS1 กำลังจะกลายเป็นข้อกำหนดที่สำคัญสำหรับการแสดงรายการสินค้าที่ซื้อขายใน Marketplace ชั้นนำอย่าง Amazon eBay และ Google ดังนั้นผู้ประกอบการที่ต้องการขายสินค้าออนไลน์ จึงจำเป็นที่จะต้องปรับตัว และเตรียมความพร้อมเพี่อให้สินค้าของท่านสามารถแข่งขันได้ทั้งในตลาดโลก Physical และ Digital

โดยทุกคนจะเห็นได้ว่า ภายหลังสถานการณ์วิกฤติ COVID-19 รูปแบบการใช้ชีวิต พฤติกรรมและทัศนคติในการดำรงชีวิตของผู้คนทั่วโลกจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปิดรับเทคโนโลยี บริการดิจิทัลใหม่ๆ รวมถึงแพลตฟอร์มออนไลน์ หรือ e-Commerce ซึ่งตอบโจทย์เรื่องความสะดวกสบาย นำไปสู่เทรนด์การใช้ชีวิตแบบ Next Normal ที่จะเริ่มขยายตัวในวงกว้าง พร้อมทั้งมีบทบาทสำคัญต่อชีวิตและระบบเศรษฐกิจในอนาคต

ดังนั้นแล้ว หากย้อนกลับมามองโลกของการทำธุรกิจที่อยู่ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีต่างๆ อย่างรวดเร็ว จะเห็นได้ว่าผู้ประกอบการ และองค์กรที่พร้อมรับมือกับภาวะความเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วเท่านั้นที่จะสามารถอยู่รอด และทำให้ธุรกิจสามารถเติบโตต่อไปได้ ดังนั้นผู้ประกอบการที่มีวิสัยทัศน์จึงจำเป็นที่จะต้อง “เริ่มขยับ ปรับตัว และเรียนรู้ใหม่” เพื่อให้ทันต่อสถานการณ์ และผ่านวิกฤตินี้ไปให้ได้อย่างยั่งยืน นายสุพันธุ์ กล่าว.

นายธนารักษ์ พงษ์เภตรา ประธานสายงานสถาบันรหัสสากล หรือ GS1 Thailand และรองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวเสริมว่า สถาบันรหัสสากล หรือ GS1 Thailand เป็นองค์กรไม่แสวงหากำไร ทำหน้าที่หลักเป็นนายทะเบียนออกเลขหมายบาร์โค้ดตามมาตรฐานสากล GS1 ที่ใช้ได้ทั่วโลก ยังทำหน้าที่ส่งเสริม และสนับสนุนการนำระบบมาตรฐานสากล GS1 ไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทางสถาบันฯ ได้จัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปีเป็นประจำทุกปี เพื่อรายงานผลการดำเนินงานประจำปี พร้อมเผยแพร่ความรู้และนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่น่าสนใจให้แก่สมาชิก โดยหัวข้อการประชุมฯ จะถูกปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ และแนวโน้มของเรื่องที่น่าสนใจในแต่ละปีให้แก่สมาชิก

และในปีนี้ สถาบันฯ ได้จัดให้มีการเสวนาจากสมาชิกที่ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจมาร่วมแชร์ประสบการณ์ให้เพื่อนๆ สมาชิกสถาบันฯ ได้มีแรงบันดาลใจในการดำเนธุรกิจอย่างไรให้มีรายได้หลักล้าน รวมถึงรวมฟังบรรยายเทคโนโลยีในการสร้าง และปกป้องแบรนด์สินค้าของตนเองด้วยบาร์โค้ด GS1 Standard นายธนารักษ์ กล่าวทิ้งท้าย

Related Posts

Scroll to Top