สสว. ดันผู้ประกอบการไทยเจาะตลาดการค้าในต่างประเทศ

​นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวภายหลังเป็นประธาน เปิดงาน “OSMEP CONNEXT THAILAND – CAMBODIA 2020” ว่า ปัจจุบันธุรกิจทุกภาคส่วน ล้วนประสบปัญหาหลายประการ เช่น ด้านการตลาด ขาดแหล่งเงินทุน ข้อจำกัดด้านการบริหารและการจัดการ ซึ่งที่ผ่านมา สสว. มีโครงการและกิจกรรมต่างๆ มากมายที่ช่วยแก้ปัญหา เหล่านี้ให้กับ เอสเอ็มอี ตามกลุ่มศักยภาพ

​นายวีระพงศ์ เผยว่า สสว. ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐ มีนโยบายพัฒนาและส่งเสริมสร้างศักยภาพในการดำเนินธุรกิจให้กับผู้ประกอบการไทย ตั้งแต่การผลิต การสร้างมาตรฐานสินค้าที่เป็นสากล ตลอดจนการเพิ่มโอกาสการขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ เพื่อให้สอดคล้องกับโครงสร้างเศรษฐกิจโลกที่จะเปลี่ยนไป โดยเฉพาะ เรื่อง การพลิกฟื้นเศรษฐกิจ เพื่อรองรับธุรกิจตามวิถีใหม่ หรือ New normal โดยมุ่งเน้นขับเคลื่อนผู้ประกอบการ SME ใน 3 มิติ ดังนี้
​1.การเปลี่ยนแปลงรูปแบบดำเนินธุรกิจ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า และพัฒนาสินค้าให้ตรงกับความต้องการของตลาด

2.การผลักดันธุรกิจให้เชื่อมโยงกับตลาดในภูมิภาค เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการ มีโอกาสเชื่อมโยงและพึ่งพากันในระดับภูมิภาคเอเซีย ในรูปแบบออนไลน์ และ

3.การเชื่อมโยง หรือการสร้างสังคมแห่งการทำงานร่วมกันระหว่างผู้ประกอบการ ในประเทศและสร้างเวทีในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้

​ผอ.สสว. กล่าวว่า สำหรับการจัดกิจกรรมในวันนี้ ถือเป็นการปรับตัวให้เข้าสู่วิถีใหม่ New Normal อย่างแท้จริง จากเดิมที่ สสว. จะจัดกิจกรรมโดยการเดินทางไปเจรจาธุรกิจในต่างประเทศ เปลี่ยนเป็น ปรับรูปแบบโดยใช้ระบบ Virtual Business Matching Online เพื่อให้ผู้ประกอบการและผู้ซื้อชาวกัมพูชา ได้ติดต่อกันโดยตรงผ่านระบบดังกล่าวโดย สสว. ได้ดำเนินการร่วมกับ 3 หน่วยงานคือ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ ซึ่งคาดว่าผู้ประกอบการในกลุ่มอาหารและเกษตรแปรรูป กลุ่มแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ กลุ่มบริการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและความงาม ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมสำคัญที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ GDP ของประเทศ จะได้รับประโยชน์จากการเข้าร่วมกิจกรรมภายใต้โครงการส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจระดับเติบโต (SME Regular Level) ปี 2563 เป็นอย่างดี

​“กิจกรรม OSMEP CONNEXT THAILAND – CAMBODIA 2020” ในวันนี้ เป็นโอกาสอันดี ที่ผู้ประกอบการไทย สามารถเพิ่มช่องทางการตลาดทั้งในและต่างประเทศได้มากขึ้น แสดงถึงศักยภาพของผู้ประกอบการไทยให้ต่างประเทศรับรู้ ทั้งเรื่องสินค้าที่มีคุณภาพได้รับมาตรฐาน มีเอกลักษณ์โดดเด่นของตนเอง และที่สำคัญคือการนำเทคโนโลยีปรับใช้ให้เข้ากับตลาดและ ความต้องการของผู้บริโภคซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องคำนึงถึงเป็นอย่างมาก อีกทั้งความคล่องตัวและ การปรับเปลี่ยนการบริหารจัดการทางการเงิน แหล่งเงินทุนรูปแบบใหม่ๆ ที่จะช่วยเสริมศักยภาพ SMEs ให้เข้มแข็งขึ้น โดยคาดว่าในการจัดกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจครั้งนี้จะสามารถสร้างโอกาสทางการค้าหรือการลงทุน ได้ไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท” นายวีระพงศ์ กล่าวปิดท้าย

Scroll to Top