อะโดบี ไมโครซอฟท์ และเอสเอพี ประกาศความร่วมมือโครงการ Open Data Initiative

เก็บตกจากงานประชุม Adobe Summit 2019 ซึ่งเป็นการประชุมว่าด้วยประสบการณ์ลูกค้าระดับชั้นนำของอุตสาหกรรม ชานทานู นาราเยน ซีอีโอของอะโดบี (Nasdaq:ADBE) และสัตยา นาเดลลา ซีอีโอของไมโครซอฟท์ (Nasdaq “MSFT” @microsoft) เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการ Open Data Initiative (ODI) ตามที่ประกาศไว้เมื่อเดือนกันยายน ปีที่แล้ว อะโดบี, ไมโครซอฟท์ และเอสเอพี (NYSE:SAP) ได้ปรับใช้แนวทางใหม่สำหรับข้อมูลธุรกิจ ซึ่งจะช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้าโดยอาศัยข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์ที่นำเสนอจากระบบคลาวด์

ในการประกาศเบื้องต้นเมื่อเดือนธันวาคม ปีที่แล้ว พันธมิตรทั้งสามรายได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับแนวทางทั่วไปและชุดทรัพยากรสำหรับลูกค้า โดยตั้งเป้าหมายที่จะให้ความช่วยเหลือแก่ลูกค้าในการสร้างการเชื่อมต่อใหม่ๆ ระหว่างข้อมูลที่แยกกระจัดกระจายอยู่ตามระบบต่างๆ รวมทั้งรวบรวมข้อมูลเชิงลึกอย่างไร้รอยต่อ และช่วยให้แบรนด์ต่างๆ ตรวจสอบการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น

ตั้งแต่เริ่มต้น โครงการ ODI มุ่งเน้นการปรับปรุงการทำงานร่วมกันระหว่างแอพพลิเคชั่นและแพลตฟอร์มของพันธมิตรทั้งสามราย โดยอาศัยโมเดลข้อมูลร่วมสำหรับข้อมูลที่เก็บไว้ในคลังข้อมูลส่วนกลาง (Data Lake) ที่ลูกค้าเลือก คลังข้อมูลที่ผนวกรวมเข้าด้วยกันนี้จะช่วยให้ลูกค้าสามารถเลือกใช้เครื่องมือในการพัฒนาและแอพพลิเคชั่นที่จะใช้ในการสร้างและปรับใช้บริการ

เพื่อปรับปรุงกระบวนการดังกล่าว บริษัททั้งสามมีแผนที่จะนำเสนอแนวทางใหม่ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าสำหรับการเผยแพร่ ปรับปรุง และกลั่นกรองฟีดข้อมูลจาก Adobe Experience Platform ซึ่งถูกเรียกใช้งานผ่าน Adobe Experience Cloud, Microsoft Dynamics 365 และ Office 365 และ SAP C/4HANA ไปยังคลังข้อมูลส่วนกลางของลูกค้า ซึ่งจะยกระดับการใช้งานเทคโนโลยี AI และ Machine Learning เพื่อรวบรวมข้อมูลเชิงลึกใหม่ๆ และปรับปรุงการให้บริการแก่ลูกค้า

ยูนิลีเวอร์ (Unilever) ซึ่งเป็นลูกค้าของทั้งสามบริษัท และเป็นหนึ่งในแบรนด์ระดับโลกรายแรกๆ ที่แสดงความสนใจและสนับสนุนโครงการ ODI ประกาศความตั้งใจที่จะลดความยุ่งยากซับซ้อนในการดำเนินธุรกิจให้เกิดผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรม โดยอาศัยการเชื่อมโยงข้อมูลดังกล่าว

ที่การประชุม Adobe Summit ยูนิลีเวอร์ยืนยันว่าบริษัทมีแผนที่จะผสานรวมข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้า ผลิตภัณฑ์ และทรัพยากรต่างๆ และใช้ข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อลดบรรจุภัณฑ์พลาสติก และกระตุ้นให้ผู้บริโภคทำการรีไซเคิลวัสดุ ด้วยการขจัดระบบจัดเก็บข้อมูลที่แยกกระจัดกระจาย ยูนิลีเวอร์จะสามารถเชื่อมโยงข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าคงคลังและพลาสติกเข้ากับข้อมูลของอะโดบี เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้าและกระตุ้นการมีส่วนร่วม

เพื่อเร่งการพัฒนาโครงการนี้ อะโดบี ไมโครซอฟท์ และเอสเอพี ยังประกาศแผนที่จะจัดการประชุมสภาที่ปรึกษาพันธมิตร (Partner Advisory Council) ซึ่งประกอบด้วยบริษัทกว่าสิบแห่ง รวมถึง Accenture, Amadeus, Capgemini, Change Healthcare, Cognizant, EY, Finastra, Genesys, Hootsuite, InMobi, Sprinklr และ WPP องค์กรเหล่านี้ครอบคลุมอุตสาหกรรมและเซ็กเมนต์ที่หลากหลาย และเชื่อว่ามีโอกาสอย่างมากในโครงการ ODI สำหรับการสร้างคุณค่าใหม่ๆ ให้แก่ลูกค้า

สเตฟาน พรีทอเรียส ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของ WPP กล่าวว่า “ลูกค้าของเราพยายามที่จะบูรณาการข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรม, ข้อมูล CRM, ERP และชุดข้อมูลภายในองค์กรอื่นๆ เพื่อให้เข้าใจผู้บริโภคแต่ละรายอย่างรอบด้าน แต่ลูกค้าก็ประสบปัญหาในการผนวกรวมข้อมูลเหล่านี้เข้าด้วยกัน เรารู้สึกตื่นเต้นอย่างมากเกี่ยวกับโครงการความร่วมมือในด้านนี้ของอะโดบี ไมโครซอฟท์ และเอสเอพี และเรามองเห็นโอกาสมากมายในการส่งเสริมการพัฒนาโครงการ ODI”

Scroll to Top