ความเป็นแม่นั้นยิ่งใหญ่เกินจะหานิยามใดมาเปรียบได้ การคัดสรรสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกคงเป็นเรื่องสำคัญอันดับต้นๆ ของบรรดาคุณแม่ทั้งหลาย เมื่อก่อนนี้อาจจะตั้งใจในการเลี้ยงลูกเพียงอย่างเดียว แต่ในยุคที่โอกาสเข้ามาใกล้ตัว และมีช่องทางสำหรับการช้อปปิ้งใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย ทำให้ไอเดียการสร้างธุรกิจจาก “ความรัก” นั้นเกิดขึ้นได้ง่ายกว่าเดิม ดังเช่นคุณแม่ทั้ง 3 คนนี้ ที่สร้างธุรกิจเล็ก ๆ ขึ้นมาจากประสบการณ์ของการเลี้ยงลูกน้อย และไม่ใช่แค่เพียงการมองตลาดในประเทศเท่านั้น แต่ภายใต้ Smart Style ของผู้หญิงทั้ง 3 คน กลับมองไปไกลถึงระดับ Global เลยทีเดียว
สุรีย์ คุณมงคลวุฒิ กรรมการผู้บริหาร บริษัท แอทติทูด มัม จำกัด ผู้ผลิตเครื่องปั๊มนมแบรนด์ไทยยอดฮิตอย่าง “ATTITUDE MOM” ที่ไม่มีคุณแม่คนไหนในยุคนี้ไม่รู้จัก เล่าว่า สมัย 9 ปีที่แล้ว ไม่มีความเข้าใจในการเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมแม่ แม้แต่เครื่องปั๊มนมก็ยังไม่รู้จักเท่าไร ผลที่เกิดคือลูกเป็นภูมิแพ้นมวัวอย่างหนัก ต้องกินนมผสมที่สำหรับเด็กที่แพ้โปรตีนนมวัวโดยเฉพาะ ซึ่งราคาสูงมาก แถมลูกยังป่วยบ่อยมากด้วย พอวางแผนจะตั้งครรภ์คนที่ 2 เลยศึกษาทุกอย่างเพื่อให้ลูกเราปลอดภัยและแข็งแรงที่สุด สั่งเครื่องปั๊มนมมาจากต่างประเทศ ทำให้สามารถเลี้ยงลูกคนนี้ด้วยนมแม่นานถึง 2 ปี ซึ่งมันคุ้มค่ามากจริง ๆ ณ จุดนี้เองทำให้เกิดไอเดียผลิตเครื่องปั๊มนมแบรนด์ ATTITUDE MOM ขึ้นมาด้วยฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์คุณแม่ยุคใหม่ ปั๊มได้เกลี้ยงเต้า ไม่เจ็บ ซึ่งเชื่อว่าคนเป็นแม่เข้าใจความรู้สึกเจ็บนี้ดี ตอนนี้แบรนด์เข้าสู่ปีที่ 5 แล้ว ก็ยังเดินหน้าพัฒนารุ่นใหม่ๆ ต่อไป
“ปีแรกที่สร้างแบรนด์ไม่ได้มองตลาดต่างประเทศเลย แต่หลังจากเป็นที่รู้จักในกลุ่มคุณแม่และวางทดลองให้ใช้ในโรงพยาบาลเอกชนใหญ่ ๆ ที่มีลูกค้าเป็นชาวต่างชาติ ทำให้ชาวกัมพูชาและ สปป.ลาว ซื้อผลิตภัณฑ์กลับไปและเกิดเป็นการบอกปากต่อปาก ต่อมาได้ขยายตลาดไปยังคุณแม่ชาวไทยที่พักอาศัยที่ออสเตรเลีย อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา ลูกค้าจึงรู้จัก ATTITUDE MOM มากขึ้น ทำตลาดต่างประเทศมาได้ 2 ปีแล้ว ซึ่งปกติมีการทำตลาดทุกช่องทางไม่ว่าจะเป็นออนไลน์ หน้าร้าน โดยเฉพาะการออกงานแสดงสินค้าที่ช่วยได้มาก พอมาถึงช่วง COVID-19 (โควิด-19) แม้จะไม่มีงานแฟร์ให้ไปแต่ช่องทางออนไลน์กลับดีขึ้นมาก”
คุณแม่คนสวย ตูน-สุภัชชา ปิตินันท์ อดีตนักร้องสาวชื่อดัง ที่วันนี้ผันตัวมาเป็นเจ้าของแบรนด์ “Minisizeme” เสื้อผ้า สินค้าไลฟ์สไตล์แม่และเด็กตั้งแต่แรกเกิด เล่าว่า แบรนด์นี้ได้แรงบันดาลใจมาจากลูกสาว ที่เป็นผื่นแพ้ผิวหนังตั้งแต่ 3 เดือน ค้นหาสาเหตุและคำตอบจนรู้ว่ามาจากเสื้อผ้าที่สวมใส่ทั้งลูกและแม่ หลังจากพยายาม หาซื้อเสื้อผ้า ที่ทำจากธรรมชาติ ในเมืองไทย ก็ไม่มี จึงคิดที่จะผลิตเองจากผ้าฝ้ายทอมือย้อมสีธรรมชาติมาจากธรรมชาติอันบริสุทธิ์ ด้วยกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สำคัญเลยคือมีเทคโนโลยีแอนตี้ แบคทีเรีย (Anti Bacteria) ช่วยป้องกันเชื้อโรคที่อยู่รอบตัว แล้วเมื่อก่อนไม่มีใครทำเสื้อคู่แม่ลูกตั้งแต่ลูกยังเล็ก ๆ มีแต่อายุขวบขึ้นไป เลยเป็นไอเดียที่ทำแบรนด์นี้ขึ้นมาเพื่อให้ทั้งครอบครัวได้ใส่เสื้อผ้าธีม (Theme) เดียวกัน
“ตอนนี้เริ่มจำหน่ายกับลูกค้าในต่างประเทศด้วย จากการเข้าร่วมงาน STYLE BANGKOK ตั้งแต่ปีที่แล้ว และได้ร่วมกิจกรรมจับคู่ธุรกิจในต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์ ฝรั่งเศส ฯลฯ กับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ทำให้ทราบความต้องการของลูกค้าและเอามาปรับดีไซน์ โดยเสื้อผ้าแบรนด์ Minisizeme สามารถปรับได้หลายขนาด ของลูกนั้นสามารถใส่ได้ตั้งแต่แรกเกิด ไปจนถึง 1-2 ขวบ ส่วนคุณแม่ก็ใส่ได้ตั้งแต่ตั้งครรภ์ไปจนถึงให้นมลูก ส่วนใหญ่เราจำหน่ายผ่านออนไลน์เพราะสะดวกและคุณแม่ยุคใหม่ก็ถนัดแบบนี้ ที่สำคัญเลยคือช่วงโควิด-19 กลายเป็นว่าจุดเด่นของการเป็นเสื้อผ้าธรรมชาติทำให้ลูกค้าต้องการมากขึ้น มีการสั่งซื้อจาก แคนาดา อเมริกา ฝรั่งเศส ฮ่องกง สิงค์โปร์ ซึ่งเราดีใจมาก ทำให้สนุกกับการลงมือลุยธุรกิจนี้มากขึ้นไปอีก”
ส่วน โอ๋ – ปริยา ชัยลิมปมนตรี เจ้าของแบรนด์ “นิทาน” ผู้ดีไซน์ผ้าคลุมและชุดให้นมบุตรจนถูกอกถูกใจเหล่าคุณแม่ เล่าว่า แบรนด์นิทานนั้นเกิดขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ Pain Point ของบรรดาคุณแม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความสะดวกในการให้นมและปั๊มนมตอนอยู่ข้างนอก ชุดไม่สวย อึดอัด โดยจุดเริ่มต้นของแบรนด์นั้นเกิดจากเมื่อมีลูกคนแรกแล้วต้องใส่เสื้อที่มีกระดุมหน้าตลอดเวลา รู้สึกจำเจกับชุดเดิม และไม่สะดวกต่อการให้นม พอจะมีลูกคนที่ 2 จึงออกแบบและดีไซน์ขึ้นมาใช้เอง โดยเน้นเรื่องความง่ายของการให้นม การปั๊มนมแบบข้างเดียวและสองข้าง และมีฟังก์ชั่นใช้งานที่คนเป็นแม่ต้องการทั้งหมด เมื่อเพื่อนเห็นแล้วชอบจึงชวนให้ผลิตเพื่อไปจำหน่ายในงาน Baby and Kids Best Buy และได้รับผลตอบรับที่ดีมาก จึงเริ่มทำแบรนด์อย่างจริงจังจนถึงทุกวันนี้ 5 ปีแล้ว
“สำหรับตลาดต่างประเทศนั้น กลุ่มคุณแม่คนไทยที่อยู่เมืองนอกเริ่มรู้จักแบรนด์มากขึ้นในช่วงปีที่ 2 จากดีไซน์ที่สวย ทันสมัย สามารถให้นมลูกได้สะดวก โดยเฉพาะญี่ปุ่น อังกฤษ ยุโรป และสหรัฐอเมริกา และเรายังได้เข้าร่วมกิจกรรมจับคู่ธุรกิจในต่างประเทศก็ยิ่งทำให้ขยายตลาดได้เพิ่มขึ้นอีก ซึ่งช่องทางออนไลน์ถือเป็นช่องทางหลักของการสั่งซื้อสินค้าไม่ว่าจะเป็นเวบไซต์ เฟซบุ๊ค และไลน์ ตอนนี้แบรนด์มีไลน์สินค้าใหม่ ๆ มาเอาใจคุณแม่สายแฟชั่นด้วย เช่น กางเกงพยุงครรภ์และกางเกงเพื่อความสบายหลังคลอด เพราะรู้ว่าเป็นสิ่งที่คุณแม่ต้องการจริง ๆ”
ด้าน นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า “ในปี 2562 ตลาดสินค้าแม่และเด็กในประเทศไทยมีมูลค่าสูงถึง 40,000 กว่าล้านบาท และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง จึงเป็นโอกาสของแบรนด์ใหม่ ๆ ที่สามารถสร้างความแตกต่างและโดดเด่นให้กับสินค้าของตนเองเข้ามาเจาะตลาดได้มากขึ้น ขณะเดียวกันในประเทศที่มีประชากรเป็นจำนวนมากอย่างประเทศจีน มูลค่าตลาดของสินค้าแม่และเด็กในปี 2562 สูงถึง 2.7 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 12.1 ล้านล้านบาท) ซึ่งนับว่าเป็นตลาดเป้าหมายที่น่าสนใจมากสำหรับผู้ประกอบการไทย ยิ่งเมื่อ “นโยบายลูกคนที่ 2” ถูกประกาศใช้ตั้งแต่ปี 2559 มาแล้วนั้น ส่งผลให้ตลาดสินค้าแม่และเด็กในจีนคึกคักขึ้นอย่างมาก โดยในระยะ 3 ปีที่ผ่านมาเติบโตขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 15 ต่อปี อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ทุก ๆ แบรนด์จะต้องคำนึงถึงหากต้องการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ คือ สินค้าจะต้องตอบโจทย์ความต้องการ มีคุณภาพ พัฒนารูปแบบใหม่ ๆ อยู่เสมอ และเจ้าของแบรนด์ต้องสื่อสารกับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้เตรียมการจัดงานแสดงสินค้า STYLE Bangkok 2021 ในวันที่ 10 – 14 มีนาคม 2564 เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการในกลุ่มสินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่น ตลอดจนผู้ประกอบการในกลุ่ม Niche Market ได้แก่ สินค้าผู้สูงอายุ (60 +) สินค้าแม่และเด็ก (Mom & Kids) สินค้าสัตว์เลี้ยง (PET) ได้พบปะเจรจาการค้ากับผู้ซื้อ / ผู้นำเข้าทั้งจากต่างประเทศและในประเทศ ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ โทร. 02 507 8363 และ 8364