ไปรษณีย์ไทย คว้ารางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่นประจำปี 2567 ถึง 3 รางวัล จากสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กระทรวงการคลัง สะท้อนวิสัยทัศน์ผู้นำด้านบริการสื่อสารและโลจิสติกส์ ที่มุ่งมั่นพัฒนาองค์กรอย่างไม่หยุดนิ่ง ตลอด 141 ปีที่ผ่านมา
พิชัย ชุณหวชิร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลอันทรงเกียรติ ตอกย้ำความสำเร็จของไปรษณีย์ไทย ในฐานะรัฐวิสาหกิจที่สร้างคุณูปการต่อเศรษฐกิจและสังคมไทยอย่างยั่งยืน
ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า รางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่นประจำปี 2567 เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของไปรษณีย์ไทย ในการพัฒนาบริการที่ทันสมัย โปร่งใส และมีความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างแท้จริง โดยปีนี้ไปรษณีย์ไทยได้รับ 3 รางวัล ได้แก่
- รางวัลพัฒนาองค์กรดีเด่น: มอบให้แก่หน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่มีการพัฒนาระบบบริหารจัดการองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ครอบคลุมในทุกมิติตามเกณฑ์การบริหารจัดการองค์กรที่ สคร. กำหนด
- รางวัลด้านความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมดีเด่น (ด้านความคิดสร้างสรรค์): จากโครงการ Digital Post ID (D/ID) นวัตกรรมการจ่าหน้าแบบใช้รหัส ช่วยปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลระหว่างการจัดส่งสิ่งของ โดยแปลงเป็น QR Code แปะลงบนหน้ากล่องพัสดุ ซึ่งเป็นผลงานที่มีความคิดสร้างสรรค์โดดเด่น ชัดเจน สามารถต่อยอดสู่การสร้างสิ่งใหม่ได้ทั้งในระดับองค์กร และระดับอุตสาหกรรม ซึ่งนวัตกรรมนี้ถือเป็นการพลิกโฉมด้านความปลอดภัยทางการขนส่ง ความสะดวก รวดเร็ว และทันสมัยที่กำลังจะเกิดขึ้นกับคนไทยทั้งประเทศในอนาคต
- รางวัลชมเชยด้านความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมดีเด่น (ด้านนวัตกรรม): จากโครงการให้บริการไปรษณีย์ตอบรับในประเทศทางอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Acknowledgement of Receipt: E-AR) โซลูชันที่ช่วยให้ผู้ฝากส่งเอกสารสำคัญสามารถยืนยันว่าผู้รับได้ลงนามรับเอกสารแล้ว โดยมีการจัดส่งข้อมูลให้ผู้ฝากส่งรับทราบและเก็บไว้เป็นหลักฐานผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
“ไปรษณีย์ไทยขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่เป็นแรงผลักดันการทำงานให้เพิ่มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จนทำให้ประสบความสำเร็จและได้รับรางวัลอันทรงเกียรติในปีนี้ โดยในฐานะหน่วยงานสื่อสารและขนส่งของชาติ ยังคงมุ่งมั่นเป็นองค์กรต้นแบบ พร้อมขับเคลื่อนสิ่งใหม่ ๆ เพื่อสร้างเสถียรภาพ ทางเศรษฐกิจ และสังคม ตลอดจนผลักดันเครือข่ายบริการไปรษณีย์ที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศให้รองรับทุกการเติบโต และไม่หยุดยั้งพัฒนาคุณภาพบริการที่เป็นเลิศ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับประชาชนทุกคนที่ใช้บริการ พร้อมกันนี้ ยังให้ความสำคัญต่อการนำเอาเทคโนโลยี AI และ Big Data มาประยุกต์ใช้กับธุรกิจเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดส่งพัสดุและเอกสาร รวมถึงโครงการ Green Logistics ที่มุ่งเน้นการใช้พลังงานสะอาดเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม” ดร.ดนันท์ กล่าว
รางวัลอันทรงเกียรติในครั้งนี้ เป็นเครื่องยืนยันถึงความมุ่งมั่นของไปรษณีย์ไทยในการพัฒนาองค์กรอย่างไม่หยุดนิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาปรับใช้ในกระบวนการทำงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างตรงจุด
Digital Post ID (D/ID) นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของไปรษณีย์ไทย ในการยกระดับบริการขนส่งให้มีความปลอดภัยและทันสมัยมากยิ่งขึ้น ด้วยการแปลงข้อมูลที่อยู่ให้เป็น QR Code ทำให้ผู้รับสามารถมั่นใจได้ว่าข้อมูลส่วนตัวจะไม่ถูกเปิดเผยระหว่างการจัดส่งสิ่งของ นอกจากนี้ยังช่วยลดความผิดพลาดในการคัดแยกพัสดุ และเพิ่มความสะดวกในการรับพัสดุอีกด้วย
Electronic Acknowledgement of Receipt (E-AR) เป็นอีกหนึ่งบริการที่น่าสนใจ ที่จะช่วยให้การส่งเอกสารสำคัญเป็นเรื่องง่ายและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ด้วยระบบการยืนยันการรับเอกสารทางอิเล็กทรอนิกส์ ผู้ฝากส่งสามารถตรวจสอบสถานะการจัดส่งได้ตลอดเวลา และมั่นใจได้ว่าเอกสารสำคัญจะถูกส่งถึงมือผู้รับอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ ไปรษณีย์ไทยยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากร และส่งเสริมให้พนักงานมีความคิดสร้างสรรค์และพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปในยุคดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การได้รับรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่นถึง 3 รางวัลในครั้งนี้ นับเป็นกำลังใจสำคัญให้กับบุคลากรของไปรษณีย์ไทยทุกคน ที่จะมุ่งมั่นพัฒนาบริการให้ดียิ่งขึ้นต่อไป เพื่อตอบแทนความไว้วางใจที่ประชาชนมีต่อไปรษณีย์ไทย
ไปรษณีย์ไทยยังคงมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำด้านบริการสื่อสารและโลจิสติกส์ของประเทศ โดยให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาปรับใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบวงจร
ท่ามกลางความท้าทายในยุคดิจิทัล ไปรษณีย์ไทยยังคงรักษาบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงคนไทยและเศรษฐกิจไทยเข้าด้วยกัน ด้วยเครือข่ายที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ไปรษณีย์ไทยพร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน