“กรุงศรี ออโต้” เปิดโครงการใหม่ภายใต้ชื่อ “Krungsri Auto Electrify the Future สร้างไฟ ให้อนาคต” มอบแผงโซลาร์เซลล์ให้กับ 5 โรงเรียนในพื้นที่ห่างไกลใน 3 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน และกาญจนบุรี หวังเป็นส่วนหนึ่งในการมอบแสงสว่างและสร้างโอกาสทางการศึกษาให้กับเยาวชนไทย ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสร้างคุณค่าให้สังคมควบคู่กับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน
–ทาเคดา ประเทศไทย ร่วมต่อยอดความคืบหน้าความร่วมมือ Dengue-Zero
คงสิน คงคา ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “นอกจากการเป็นผู้นำธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ในประเทศไทยแล้ว กรุงศรี ออโต้ ยังให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมภิบาล เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยที่ผ่านมากรุงศรี ออโต้ ได้พลิกโฉมกิจกรรมการตลาด ด้วยโครงการ “Krungsri Auto Electrify the Future สร้างไฟ ให้อนาคต” ที่ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการพิเศษที่เราตั้งใจจัดทำขึ้น โดยสมทบทุนเงินบริจาคจากยอดสินเชื่อใหม่ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ในปีที่ผ่านมา เพื่อมอบและติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ให้กับโรงเรียนในพื้นที่ห่างไกลที่อาจไม่มีไฟฟ้ามากเพียงพอต่อความต้องการใช้ในการเรียนการสอนและการใช้งานทั่วไป โดยเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า กรุงศรี ออโต้ จะสามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนและสร้างโอกาสทางการศึกษาให้กับอนาคตของชาติต่อไป”
โดยโครงการนี้เป็นโครงการพิเศษที่จัดขึ้นเมื่อต้นปี 2565 โดยการสมทบทุนเงินบริจาคจากยอดสินเชื่อใหม่ ทั้งรถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์ จำนวนกว่า 1.7 ล้านบาท ภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43 ประจำปี 2565 โดยทุกยอดสินเชื่อ 600 บาท จะนำมาเป็นเงินบริจาค 1 บาท เพื่อจัดซื้อและติดตั้งระบบผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ มอบให้กับ 5 โรงเรียนในพื้นที่ห่างไกล เพื่อสร้างไฟ ให้อนาคต ด้วยพลังงานทางเลือก โดยได้เริ่มส่งมอบให้กับโรงเรียนบ้านเวียงผาพัฒนา จังหวัดเชียงใหม่ เป็นแห่งแรก และจะดำเนินการส่งมอบให้กับโรงเรียนอื่นๆ ในจังหวัดห่างไกลต่อไป ได้แก่ โรงเรียนบ้านพระบาทห้วยผึ้ง จังหวัดแม่ฮ่องสอน โรงเรียนบ้านแม่เกาะ จังหวัดแม่ฮ่องสอน โรงเรียนบ้านปางปิงราษฎร์บำรุง จังหวัดแม่ฮ่องสอน และโรงเรียนเพียงหลวง 3 (บ้านเหมืองแร่อีต่อง) จังหวัดกาญจนบุรี
“กรุงศรี ออโต้ เล็งเห็นถึงความสำคัญของการศึกษา โดยเรามองว่าการศึกษาที่ดี ในสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวย จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนคุณภาพทางการศึกษาและส่งเสริมศักยภาพของเยาวชนไทยให้แข็งแกร่งต่อไป สอดคล้องกับพันธกิจหลักของเราในการสร้างสรรค์ชีวิตของผู้ใช้รถให้ดีขึ้น โดยเราไม่ได้ให้ความสำคัญเพียงแค่ลูกค้า หรือ ผู้ใช้รถเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสังคม สิ่งแวดล้อม และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องอื่นๆ เพื่อร่วมผลักดันการดำเนินธุรกิจให้มีความยั่งยืนต่อไป” นายคงสิน กล่าวปิดท้าย
