Property

แสนสิริ เตรียมปั้น Net-zero Home เดินหน้าสู่องค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ในปี 2050

แสนสิริ ประกาศพันธกิจระยะสั้น-ระยะกลาง ลดคาร์บอน 20% ในปี 2025 และ 50% ในปี 2033 หลังศึกษาและจำแนกแหล่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกของแสนสิริ พบว่ามาจากองค์กรเพียง 2.2% และอีก 97.8% มาจาก Value Chain ทางอ้อมอื่น ๆ รุกพัฒนา Net-zero Home จับเทรนด์เพื่อการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน สู่เป้าหมายสู่การเป็นองค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ในปี 2050

อุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่าหลังจากประกาศความมุ่งมั่นในการเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายแรกของไทยที่ตั้งเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-zero) แสนสิริได้เดินหน้าสู่เป้าหมายในทุกรูปแบบเพื่อร่วมแก้ปัญหาเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ซึ่งเป็นเรื่องใกล้ตัวเรามากขึ้นทุกขณะ โดยจากข้อมูลของ Climate Watch Data พบว่าภาพรวมภาคธุรกิจในประเทศไทยที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุด คือ ภาคพลังงาน ซึ่งมีสัดส่วนมากที่สุดถึง 61.11% รองลงมาคือ ภาคอุตสาหกรรม 16.67% ตามด้วย ภาคการเกษตร 15.96% และ ภาคป่าไม้และการใช้ประโยชน์ที่ดิน 3.31%

ทั้งนี้ แม้ภาคอสังหาริมทรัพย์จะไม่ใช่กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีสัดส่วนการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยตรงในปริมาณสูง แต่ห่วงโซ่คุณค่าของธุรกิจ(Value Chain) ก็เป็นส่วนหนึ่งในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอันเป็นสาเหตุของโลกร้อนเช่นกัน

โดยแสนสิริมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกรวมทั้งสิ้น 229,486 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี อันมาจากการดำเนินธุรกิจโดยตรงของบริษัทเพียง 4,939.74 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปีหรือคิดเป็น 2.2% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดเท่านั้น

แยกย่อยได้เป็นการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขอบเขตที่ 1 คือ การใช้น้ำมันในการดำเนินงานของแสนสิริ 0.2% ขอบเขตที่ 2 คือ การใช้น้ำมันและพลังงานในการดำเนินธุรกิจของบริษัทที่ 2%

ในขณะที่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมที่มาจากห่วงโซ่คุณค่าตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ (Value Chain) อันเป็นขอบเขตที่ 3 ปล่อยก๊าซเรือนกระจกรวมที่ 224,547.24 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปีหรือ 97.8% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมด

โดยตัวเลขนี้สามารถแยกย่อยได้เป็นการคาดการณ์การใช้ไฟฟ้าของลูกค้าในอีก 60 ปีถึง 55% การซื้อวัสดุก่อสร้างจากคู่ค้า 29% การขนส่งสินค้าของคู่ค้า 2% และอื่นๆ 14%

MQDC ระดมทีมนักวิจัย 4 องค์กรใหญ่ เปิดเวทีเสวนา เมืองเปลี่ยน คนต้องปรับ รับมือวิกฤตอย่างไร

อุทัย กล่าวต่อว่า แสนสิริมีแผนที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากการดำเนินธุรกิจโดยตรงของบริษัท (ขอบเขตที่ 1 และ 2) ให้ได้ 20% ภายในปี 2025 (พ.ศ.2568) และลดก๊าซเรือนกระจกของทั้งขอบเขตที่ 1, 2 และ 3 ให้อยู่ที่ 50% ในปี 2033 (พ.ศ. 2576) โดยมีเป้าหมายสูงสุดสู่การเป็นองค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์หรือ Net-Zero ให้ได้ภายในปี 2050 (พ.ศ.2593) ผ่าน 3 กลยุทธ์ ได้แก่

1.ก้าวสู่การเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำ

มุ่งประหยัดพลังงานและใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ใช้นวัตกรรมเพื่อพลังงานสะอาดเป็น 100% ภายในปี 2025 (พ.ศ.2568) ผ่านการขยายแผนการติดตั้ง Solar Roof และ EV Charger ครบ 100% ให้กับบ้านแสนสิริทุกหลังทุกระดับราคา ซึ่งคาดว่าจะมีจุดคุ้มทุนขอค่าไฟฟ้าอยู่ที่ 6 ปี, ติดตั้ง Solar Roof ครบ 100% ในคลับเฮาส์ของทุกโครงการใหม่แสนสิริ, ติดตั้งระบบสูบน้ำและบำบัดน้ำเสียพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Water Treatment Pump) ในพื้นที่ส่วนกลางของทุกโครงการ, เปลี่ยนรถส่วนกลางของบริษัทให้เป็นรถ EV 100% และเปลี่ยนการใช้น้ำมันของเครื่องจักรทุกชนิดมาใช้พลังงานไบโอดีเซล 100%

2.ออกนโยบายด้านธรรมาภิบาลเพื่อลดคาร์บอนตลอดห่วงโซ่คุณค่า ภายใต้การดำเนินการ 3G ได้แก่

  • Green Procurement เลือกคู่ค้าที่ใส่ใจกระบวนการผลิตที่ยั่งยืน มีแผนลดการใช้พลังงานและน้ำทั้งในการผลิตและการใช้งานระยะยาว ใช้วัสดุในการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมทั้งลดการใช้ทรัพยากรและนำกลับมาใช้ใหม่ (Circular Economy) พร้อมวางเป้าหมายจัดซื้อวัสดุ Low-carbon ที่ได้รับการรับรองจากสถาบันที่เกี่ยวข้อง ในสัดส่วน 30% ของวัสดุที่ผ่านการจัดซื้อโดยแสนสิริ ภายในปี 2025 (พ.ศ.2568)
  • Green Architecture & Design ออกแบบที่อยู่อาศัยเพื่อการใช้ชีวิตที่ยั่งยืน เช่น Cooliving Designed Home นวัตกรรมบ้านเย็นช่วยประหยัดพลังงาน, Zero Waste Design การออกแบบที่ลดการสิ้นเปลืองและลดปริมาณขยะให้มากที่สุด, Universal Design การออกแบบที่ครอบคลุมการใช้งานของผู้อยู่อาศัยทุกวัย รวมทั้งการผสมผสานแนวคิด Well-being ให้ความสำคัญสูงสุดด้านคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้อยู่อาศัย ทั้งความสะอาดปราศจากเชี้อโรค และครอบคลุมไปถึงการมีอากาศบริสุทธ์
  • Green Construction การก่อสร้างและพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีวัสดุเหลือใช้เป็นศูนย์ ตลอดจนใช้นวัตกรรมในการพัฒนาโครงการอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อย่นเวลาในการก่อสร้างให้มากที่สุดและก่อเกิด waste น้อยที่สุด

ลงทุนในนวัตกรรมสีเขียว

ลงทุนในบริษัทที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีพลังงานสะอาด และเทคโนโลยีการก่อสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยงบประมาณ 500 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันได้ลงทุนไปแล้ว 3 บริษัท คิดเป็นเงินลงทุนประมาณ 120 ล้านบาท

โดยแสนสิริวางแผนที่จะจับมือพันธมิตรกว่า 10 ราย ตั้งทีมวิจัยและพัฒนา (Research & Development Team) เพื่อพัฒนาบ้านที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net-Zero Home) ของอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ไทยให้ได้ภายในปี 2050 (พ.ศ.2593) โดยมีบริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจเครื่องชาร์จรถพลังงานไฟฟ้าครบวงจร และ บริษัท ไอออน เอนเนอร์ยี่ จำกัด ผู้พัฒนาโซลูชันพลังงานโซลาร์ครบวงจรเป็นหนึ่งในพันธมิตร

สำหรับเป้าหมายระยะสั้นและระยะกลางจะพัฒนาบ้านประหยัดพลังงาน (Low-energy Home) ภายในปี 2023 (พ.ศ.2566) และบ้านที่ลดการปล่อยคาร์บอน 30% (Low-carbon Home) ภายในปี 2030 (พ.ศ.2573) โดยขณะนี้อยู่ในระหว่างการศึกษาวิจัยเทรนด์แห่งอนาคตและนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน อาทิ

  • การใช้ AI ในการคำนวณการประหยัดพลังงานของที่อยู่อาศัย
  • การใช้ไฟเบอร์แทนเหล็กเส้นในการก่อสร้าง
  • การพัฒนานวัตกรรมการก่อสร้างแบบพรีคาสต์ให้ปลอ่ยคาร์บอนและของเสียเป็นศูนย์
  • หลังคาโซลาร์เซลส์ที่ผลิตไฟฟ้าได้มากขึ้นและมีแบตเตอร์รี่กักเก็บพลังงานไว้ใช้ในเวลากลางคืน
  • กระเบื้องลอนมุงหลังคาที่ผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์
  • การแลกเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ระหว่างครัวเรือน
  • สวนที่ใช้พลังงานไฟฟ้า 100%
  • นวัตกรรมของเครื่องชาร์จรถพลังงานไฟฟ้าแห่งอนาคต

“ทั้งนี้ การวางกลยุทธ์ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคครัวเรือนนั้นไม่ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงต่อสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่จะช่วยปรับพฤติกรรมและแนวคิดของผู้อยู่อาศัยให้เข้าใจและใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เมื่อผู้คนในที่อยู่อาศัยอันเป็นหน่วยเล็กๆในสังคมร่วมกันปรับพฤติกรรม ก็จะทำให้เกิดการขยายสู่พฤติกรรมการใช้พลังงานในที่ทำงานและสถานที่อื่นๆตามมา อันจะส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนและการแก้ปัญหาโลกร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพในที่สุด” อุทัย กล่าวสรุป

supersab

Recent Posts

“โค้ก” ซีโร่ กลิ่นวานิลลา: เขย่าตลาดเครื่องดื่ม เติมความซ่าส์ หอมหวานลงตัว เอาใจ Gen Z

โค้ก โดยกลุ่มธุรกิจโคคา-โคล่า ในประเทศไทย สร้างความฮือฮาให้กับตลาดเครื่องดื่มอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัว "โค้ก" ซีโร่ กลิ่นวานิลลา ความอร่อยใหม่ที่ผสานความซ่าส์อันเป็นเอกลักษณ์ของ "โค้ก" เข้ากับความหอมหวานละมุนละไมของวานิลลาได้อย่างลงตัว ที่สำคัญคือมาในสูตรไม่มีน้ำตาล ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ โดยเฉพาะกลุ่ม Gen…

11 hours ago

Epson ประกาศแต่งตั้ง โยชิดะ จุนคิชิ ขึ้นแท่นผู้นำคนใหม่

บริษัท ไซโก้ เอปสัน คอร์ปอเรชั่น (Epson) ประกาศแต่งตั้ง โยชิดะ จุนคิชิ ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานกรรมการและตัวแทนผู้อำนวยการ (President and Representative Director) และประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ (Chief…

11 hours ago

รฟม. ลุยตรวจเข้ม ลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมในการก่อสร้าง รถไฟฟ้าสายสีม่วง

การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) โดย กองสิ่งแวดล้อม ฝ่ายพัฒนาโครงการรถไฟฟ้า ลงพื้นที่ตรวจติดตามการดำเนินงานลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมในการก่อสร้าง ช่วงเวลากลางคืน การก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน - ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) ตลอดแนวเส้นทางโครงการฯ โดยเริ่มตั้งแต่จุดก่อสร้าง Cut…

12 hours ago

LINE MAN MART ผนึกกำลัง Lotus’s และ Lotus’s go fresh ขยายบริการช้อปปิ้งออนไลน์สู่ 1,400 สาขา จัดเต็มส่วนลดสุดปังทุกสัปดาห์!

LINE MAN ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับ Lotus’s และ Lotus’s go fresh ขยายฐานบริการ LINE MAN MART ให้ครอบคลุมกว่า 1,400 สาขาทั่วประเทศ…

16 hours ago

พฤกษา จับมือ รพ.วิมุต มอบสิทธิพิเศษดูแลสุขภาพลูกบ้านตลอดปี 2568 ตอกย้ำผู้นำอสังหาฯ สร้างชุมชนสุขภาพดี

พฤกษา ผนึกกำลัง โรงพยาบาลวิมุต มอบสิทธิพิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟ และกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพครบวงจรให้ลูกบ้านตลอดปี 2568 ภายใต้แนวคิด "สุขภาพดีเริ่มต้นที่บ้าน" จิตชญา ตู้จินดา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาดองค์กรกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง…

16 hours ago

HONOR Magic7 Pro 5G ยอดขายพุ่งทะยาน 2.4 เท่า สะท้อนความเชื่อมั่นเทคโนโลยี AI

ออเนอร์ (HONOR) ประกาศความสำเร็จครั้งสำคัญของสมาร์ทโฟนระดับแฟลกชิป HONOR Magic7 Pro 5G ที่สร้างยอดขายเติบโตสูงถึง 2.4 เท่า นับตั้งแต่เปิดให้พรีออเดอร์เมื่อวันที่ 11-21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568…

16 hours ago