“เซ็นทารา แกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา” โรงแรมหรูระดับ 5 ดาว ประกาศความยิ่งใหญ่หลังทุ่มงบกว่า 1,400 ล้านบาท ปรับปรุงครั้งใหญ่ในรอบ 15 ปี พลิกโฉมสู่การเป็น “ดินแดนแห่งโลกสาบสูญ” พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม โดยเฉพาะครอบครัวและกลุ่มธุรกิจ พร้อมตั้งเป้าหมายผู้เข้าพักที่ 80% ตลอดทั้งปี
โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา เปิดตัวครั้งแรกในปี พ.ศ. 2552 บนพื้นที่กว่า 43 ไร่ มีชายหาดส่วนตัวที่ยาวถึง 300 เมตร ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นชายหาดที่ดีที่สุดและน้ำทะเลสวยใสที่สุดในพัทยา โดดเด่นด้วยการเป็นโรงแรมธีมแห่งแรกของประเทศไทย ด้วยการผสมผสานกลิ่นอายจากแอฟริกาและอเมริกาใต้ จนกลายเป็นธีม Lost World ที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้มาเยือน การปรับปรุงครั้งใหญ่นี้จึงเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการท่องเที่ยวและบริการของโรงแรม
นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นที่น่าสนใจอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น
- ทำเลที่ตั้ง: โรงแรมตั้งอยู่บนชายหาดส่วนตัวที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของพัทยา ทำให้ผู้เข้าพักสามารถเพลิดเพลินกับวิวทะเลได้อย่างเต็มที่
- การออกแบบธีม: ด้วยแนวคิด Lost World ที่ผสมผสานความเป็นแอฟริกาและอเมริกาใต้ ทำให้โรงแรมมีความโดดเด่นและน่าสนใจไม่เหมือนใคร
- ห้องพัก: ห้องพักทั้ง 555 ห้องเป็นวิวทะเล มีห้องสวีทมากถึง 100 ห้อง และห้องพิเศษ Royal Suite ขนาด 300 ตร.ม. ที่มีสระน้ำส่วนตัวและมุมชมพระอาทิตย์ตกดิน
- สิ่งอำนวยความสะดวก: โรงแรมมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น สวนน้ำขนาดใหญ่ ห้องจัดประชุมที่รองรับได้ถึง 1,000 คน ร้านอาหารหลากหลาย และกิจกรรมสำหรับเด็ก ๆ
- การปรับปรุงใหม่: การปรับปรุงครั้งใหญ่ในปี พ.ศ. 2567 ทำให้โรงแรมมีความทันสมัยและตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยวมากขึ้น
ปรับโฉมครั้งใหญ่ ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม
จุไรรัตน์ มงคลวงศ์สิริ รองประธานฝ่ายขาย โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา กล่าวว่า ภาพรวมของพัทยาในปัจจุบัน นักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัวให้ความสนใจเดินทางมาท่องเที่ยวพัทยามากขึ้น รวมถึงกลุ่มนักธุรกิจที่ต้องการทั้งทำงานและพักผ่อนไปในตัว การปรับโฉมครั้งใหญ่นี้มีเป้าหมายเพื่อรองรับลูกค้าทุกกลุ่มวัยที่ต้องการทำกิจกรรมร่วมกัน โดยสัดส่วนลูกค้าที่เข้าพักในปัจจุบันเป็นคนไทยและชาวญี่ปุ่นที่มาทำงานในไทยประมาณ 35% และนักท่องเที่ยวจากรัสเซีย จีน เกาหลีใต้ อินเดีย รวมกันประมาณ 65% รวมถึงมีนักท่องเที่ยวจากซาอุดีอาระเบียที่เพิ่มมากขึ้นด้วย
ชัยพันธุ์ ทองสุธรรม ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา กล่าวว่า เมืองพัทยาต้องแข่งขันกับเมืองท่องเที่ยวอื่น ๆ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว การทำงานร่วมกันกับเมือง การรับฟังความคิดเห็นของลูกค้า และการปรับปรุงห้องพักให้ตอบโจทย์ความต้องการของทั้งครอบครัวและกลุ่มนักธุรกิจเป็นสิ่งสำคัญ ขณะเดียวกัน การแข่งขันในพัทยาก็สูง ดังนั้นโรงแรมต้องมีจุดขายที่แตกต่างและปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมของลูกค้าอยู่เสมอ
“เรามุ่งเน้นไปที่ตลาดพรีเมียม ซึ่งยังมีโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าอีกมาก โดยตั้งเป้าหมายรุกตลาดต่างประเทศ 13 ประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มที่ชอบมาพักผ่อนและใช้เวลาร่วมกับครอบครัวในโรงแรมที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบวงจร โดยภายในโรงแรมมีห้องอาหารหลากหลายรูปแบบ ทั้งอาหารตะวันตกและอาหารญี่ปุ่น พร้อมกิจกรรมที่น่าสนใจในแต่ละวัน โดยมีทีมงานชาวต่างชาติที่จะมาสร้างความสนุกสนานให้กับเด็ก ๆ เช่น การเล่นเกมล่าหาสมบัติ และสวนน้ำขนาดใหญ่สำหรับครอบครัว” จุไรรัตน์ กล่าวเสริม
นอกจากนี้ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน โดยมีการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์เพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้า น้ำที่ใช้แล้วจากห้องพักจะถูกนำไปใช้รดน้ำต้นไม้ กิ่งไม้นำไปบดเพื่อทำปุ๋ย และสระว่ายน้ำมีระบบหมุนเวียนน้ำที่มีการตรวจสอบคุณภาพน้ำทุกวัน
ความท้าทายและคู่แข่งของโรงแรมในพัทยา
เสน่ห์ของพัทยาอยู่ที่การเดินทางที่สะดวกสบายด้วยมอเตอร์เวย์ที่เชื่อมตรงจากสนามบินสุวรรณภูมิ มีกิจกรรมหลากหลาย เช่น มิวสิคเฟสติวัล เทศกาลพลุ และการแข่งขันกีฬาต่าง ๆ เช่น วิ่งและเจ็ตสกี
ปัจจุบันมีโรงแรม 6-7 แห่งในพัทยาที่แข่งขันกันในกลุ่มครอบครัว และหลังจากสถานการณ์โควิด-19 จำนวนห้องพักในพัทยาเพิ่มขึ้น 20% ความท้าทายของธุรกิจโรงแรมในพัทยาคือการบริหารต้นทุนพลังงานและค่าแรง ซึ่งธุรกิจท่องเที่ยวจำเป็นต้องมี หากบริหารจัดการได้ดี มีเทคโนโลยีเข้ามาช่วย หรือบุคลากรสามารถทำงานได้หลากหลายมากขึ้น ก็จะช่วยลดต้นทุนได้
ทั้งนี้ การปรับปรุงครั้งใหญ่ของโรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา ทำให้พัทยากลับมาเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวอีกครั้ง ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย การบริการที่ดีเยี่ยม และกิจกรรมที่หลากหลาย พร้อมมอบประสบการณ์การพักผ่อนที่น่าประทับใจให้กับผู้เข้าพักทุกกลุ่มวัย
