พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ประกาศความพร้อมในการชำระคืนหุ้นกู้ชุดที่ 2/2565 มูลค่า 2,100 ล้านบาท ที่จะครบกำหนดในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 พร้อมเตรียมเงินทุนสำหรับชำระคืนหุ้นกู้อีก 3,130 ล้านบาท ที่จะครบกำหนดในเดือนเมษายนและพฤษภาคม 2568
ศานิต อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “บริษัทให้ความสำคัญกับการสร้างความแข็งแกร่งให้กับโครงสร้างทางการเงิน โดยมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างรายได้และกำไร ควบคู่ไปกับการบริหารจัดการสภาพคล่องทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ การระดมทุนผ่านหุ้นกู้เป็นหนึ่งในเครื่องมือทางการเงินที่บริษัทนำมาใช้ในการดำเนินงาน”
บริษัทได้เตรียมแหล่งเงินทุนที่หลากหลายเพื่อรองรับการชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนด รวมถึงการขายที่ดิน 2 แปลง ได้แก่ ที่ดิน 3.5 ไร่ ทำเลรัชดาภิเษก 17 และที่ดิน 80 ไร่ ทำเลรามคำแหง มูลค่ารวมประมาณ 1,800 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนขายการลงทุนในที่ดินริมแม่น้ำเจ้าพระยาของบริษัทร่วมทุน ซึ่งจะได้รับเงินคืนในส่วนของ Shareholder Loan อีกประมาณ 300 ล้านบาท
รายได้จากการดำเนินธุรกิจก็เป็นอีกหนึ่งแหล่งเงินทุนที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากโครงการอยู่รวยคอนโด ที่ได้รับการตอบรับอย่างดีจากแคมเปญสนับสนุนบ้านเพื่อคนไทย มียอดขายเข้ามาแล้ว 200 ล้านบาท และคาดว่าจะมียอดโอนกรรมสิทธิ์ในไตรมาสแรกของปีนี้อีก 400 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับการสนับสนุนวงเงินจากสถาบันการเงิน และมีแผนเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่อีกด้วย
เปิดแผนธุรกิจปี 68
สำหรับแผนธุรกิจในปี 2568 พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จะมุ่งเน้นการระบายสต็อกโครงการเดิม ทั้งบ้านและคอนโด โดยมีแผนเปิดโครงการใหม่เพียง 4 โครงการ มูลค่ารวม 4,900 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการแนวราบที่เลื่อนมาจากปีก่อนหน้า แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 3 โครงการ และทาวน์เฮ้าส์ 1 โครงการ
ปัจจุบัน บริษัทมีโครงการที่ดำเนินการอยู่ทั้งหมด 51 โครงการ รวมถึงโครงการร่วมทุน โดยในปีนี้จะให้ความสำคัญกับการเพิ่มยอดขายจากกลุ่มโครงการลักซ์ชัวรี่ ทั้งในกรุงเทพฯ และเขาใหญ่ ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าที่สร้างรายได้หลักให้กับบริษัทอย่างต่อเนื่อง โดยในปีที่ผ่านมา 40% ของยอดขายรวมของบริษัทมาจากกลุ่มสินค้าบ้านระดับบน
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จพร้อมอยู่ในทำเลรถไฟฟ้า ทั้งสุขุมวิท วุฒากาศ และพัฒนาการ โดยตั้งเป้าหมายยอดขายจากกลุ่มลูกค้าต่างชาติไว้ที่ 1,000 ล้านบาท