เดินทางมาถึงไตรมาสสุดท้ายของปี 2567 ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยยังคงเผชิญกับความท้าทายหลายประการแม้จะมีการฟื้นตัวในบางกลุ่ม ทั้งจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ยังปรับลงไม่มากเท่าที่ควร เศรษฐกิจที่ชะลอตัว และภาระหนี้ครัวเรือนที่สูงซึ่งส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อที่อยู่อาศัย อย่างไรก็ตาม ความต้องการในตลาดลักซ์ชัวรีและโครงการพัฒนาในทำเลที่มีศักยภาพยังคงเติบโต โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากนักลงทุนรายใหญ่ที่มีความพร้อมในการลงทุนและกลยุทธ์การพัฒนาที่เหมาะสม ทำให้สามารถดึงดูดกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้บริษัทพัฒนาอสังหาฯ ยักษ์ใหญ่ ยังคงทำรายได้ 9 เดือนที่ผ่านมาได้เป็นไปตามเป้า โดย แสนสิริ รั้งอันดับ 1 กวาดรายได้สูงสุด ตามด้วย เอพี ไทยแลนด์ และ ศุภาลัย
พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ได้รวบรวมผลประกอบการ 9 เดือน ในปี 2567 ของ 11 บริษัทอสังหาริมทรัพย์ เปรียบเทียบให้เห็นว่า แต่ละบริษัท มีตัวเลขกำไร รายได้ และอัตราการเติบโตมากน้อยเพียงใด สะท้อนกลยุทธ์ของแต่ละบริษัทที่แตกต่างกัน และสิ่งนี้ส่งสัญญาณให้ต้องจับตาอะไรต่อไปในตลาดอสังหาฯ ช่วงท้ายปีไปจนถึงต้นปี 2568
อันดับ 1 แสนสิริ รายได้รวม 28,877 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 4,009 ล้านบาท
แสนสิริมีรายได้รวม อยู่ที่ 28,877 ล้านบาท โตขึ้น 4.7% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และกำไรสุทธิ 4,009 ล้านบาท ลดลง 15.8% เนื่องจากปีที่แล้วมีการบันทึกกำไรพิเศษ ทั้งนี้ รายได้จากการขายโครงการในไตรมาส 3 สัดส่วน 2 ใน 3 ยังคงมาจากโครงการแนวราบ โดยมีรายได้หลักมาจากโครงการบ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรีและซูเปอร์ลักซ์ชัวรีที่แสนสิริเป็นเจ้าตลาด
อันดับ 2 เอพี ไทยแลนด์ รายได้รวม 28,049 ล้านบาท กำไรสุทธิ 3,727 ล้านบาท
เอพี ไทยแลนด์ มีรายรวม 28,049 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 3,727 ล้านบาท โดยรายได้ลดลง 3% จาก 28,921 ล้านบาท และกำไรสุทธิลดลง 21 % จาก 4,719 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยกลุ่มสินค้าแนวราบยังคงเป็นโปรดักต์ไฮไลต์ของเอพี ไทยแลนด์
อันดับ 3 ศุภาลัย รายได้รวม 22,792 ล้านบาท กำไรสุทธิ 4,201 ล้านบาท
ศุภาลัย สร้างรายได้รวมที่ 22,792 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.8% จาก 21,538 ล้านบาท และได้กำไรสุทธิ 4,201 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.8% จาก 3,972 ล้านบาท โดยรายได้หลักมาจากการโอนกรรมสิทธิ์โครงการแนวราบ และคอนโดมิเนียม
อันดับ 4 แลนด์แอนด์เฮ้าส์ รายได้รวม 20,419 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,898 ล้านบาท
แลนด์แอนด์เฮ้าส์ มีรายได้รวม 20,419 ล้านบาท ผลงานกำไรสุทธิ 2,898 ล้านบาท โดยรายได้ลดลง 4.1% จาก 21,289 ล้านบาท และกำไรสุทธิลดลง 27.4% จาก 3,989 ล้านบาท
อันดับ 5 พฤกษา รายได้รวม 15,607 ล้านบาท กำไรสุทธิ 753 ล้านบาท
พฤกษา มีรายได้ 15,607 ล้านบาท ลดลง 21.6% กำไรสุทธิลดลง 63.9% เหลือ 753 ล้านบาท จากปีก่อนมีกำไร 2,082 ล้านบาท เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจและการอนุมัติสินเชื่อที่เข้มงวดมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าที่มีความเปราะบาง
อันดับ 6 เอสซี แอสเสท รายได้รวม 14,688 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,220 ล้านบาท
เอสซี แอสเสท ทำรายได้รวม 14,688 ล้านบาท ลดลง 7.2% จาก 15,821 ล้านบาท ทำกำไรสุทธิ 1,220 ล้านบาท ลดลง 25.2% จาก 1,631 ล้านบาท โดยรายได้หลักจากการขายมาจากรายได้ของแนวราบที่เติบโต 15% และรายได้จากแนวสูงที่เติบโตขึ้น 9%
อันดับ 7 ออริจิ้น รายได้รวม 9,638 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,318 ล้านบาท
ออริจิ้น มีรายได้ 9,638 ล้านบาท ลดลง 22.3% จาก 12,410 ล้านบาท กำไรสุทธิลดลง 45% เหลือ 1,318 ล้านบาท จากปีก่อนมีกำไร 2,396 ล้านบาท
อันดับ 8 แอสเซทไวส์ รายได้รวม 7,767 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,300 ล้านบาท
แอสเซทไวส์ ทำรายได้รวม 7,767 ล้านบาท รายได้เพิ่มขึ้น 62.5% จาก 4,781 ล้านบาท ทำกำไรสุทธิ 1,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 113.7% จาก 608 ล้านบาท
อันดับ 9 ควอลิตี้เฮ้าส์ รายได้รวม 6,641 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,683 ล้านบาท
ควอลิตี้เฮ้าส์ ทำรายได้รวม 6,641 ล้านบาท รายได้ลดลง 3.6% จาก 6,885 ล้านบาท ทำกำไรสุทธิ 1,683 ล้านบาท ลดลง 11.2% จาก 1,896 ล้านบาท
อันดับ 10 แอล.พี.เอ็น. รายได้รวม 5,978 ล้านบาท กำไรสุทธิ 226 ล้านบาท
แอล.พี.เอ็น. ทำรายได้รวม 5,978 ล้านบาท รายได้เพิ่มขึ้น 7.4% จาก 5,563 ล้านบาท ทำกำไรสุทธิ 226 ล้านบาท ลดลง 33% จาก 336 ล้านบาท
อันดับ 11 อนันดา รายได้รวม 5,167 ล้านบาท กำไรสุทธิ 321 ล้านบาท
อนันดา ทำรายได้รวม 5,167 ล้านบาท รายได้เพิ่มขึ้นถึง 107.8% จาก 2,486 ล้านบาท ทำกำไรสุทธิ 321 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 147% จาก -686 ล้านบาท
การแข่งขันในตลาดที่อยู่อาศัยยังมีแนวโน้มเป็นไปอย่างเข้มข้น ทำให้ผู้ประกอบการต้องปรับกลยุทธ์ทั้งการพัฒนาโครงการใหม่และตอบโจทย์ความต้องการของผู้ซื้อ โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลาง-สูง ซึ่งยังคงเป็นกำลังซื้อหลักในตลาด ทำให้ผู้ประกอบการรายใหญ่มีความได้เปรียบจากเงินลงทุนและสภาพคล่องที่สูง สามารถพัฒนาโครงการหลากหลายทั้งในระดับราคาและรูปแบบเพื่อตอบสนองความต้องการในตลาดที่ยังมีจำกัดได้อย่างทั่วถึง โดยปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อดีมานด์ผู้บริโภค คือสภาพคล่องทางการเงิน ตลอดจนผู้บริโภคยุคใหม่เน้นเช่ามากกว่าซื้อ เทรนด์ในการอยู่อาศัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อ เช่น เทรนด์ Pet Humanization การเลี้ยงสัตว์เหมือนเป็นคนในครอบครัว ทำให้มีความต้องการบ้านที่เหมาะกับการเลี้ยงสัตว์มากขึ้น รวมถึงบ้านที่ตอบโจทย์ผู้สูงวัย และที่อยู่อาศัยที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ เช่น ราคาบ้านที่สูงขึ้น และดอกเบี้ยทรงตัวในระดับสูงซึ่งส่งผลต่อผู้บริโภคในการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย
สุวรรณี มหณรงค์ชัย รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า “แม้ตลาดอสังหาริมทรัพย์จะยังมีความท้าทายต่อเนื่อง แต่จะเห็นได้ชัดว่าในปีนี้ก็ยังคงมีความเติบโตอย่างมีนัยสำคัญจากกลุ่มผู้มีรายได้สูง ทำให้ผู้ประกอบการหันมาโฟกัสตลาดระดับบนที่ยังมีศักยภาพในการเติบโตสูง โดยเฉพาะในจังหวัดท่องเที่ยวหลัก เช่น ภูเก็ต ซึ่งเห็นการลงทุนเพิ่มขึ้นทั้งจากนักลงทุนไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ระดับลักซ์ชัวรี เช่น วิลล่าและคอนโดมิเนียมใกล้ทะเล ความต้องการในกลุ่มนี้ยังคงสูง ส่งผลให้มูลค่าการลงทุนในภูเก็ตเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วอย่างมาก นอกจากนี้ หัวเมืองหลักในภูมิภาคอื่น ๆ ก็มีการฟื้นตัวในกลุ่มที่อยู่อาศัยสำหรับการพักผ่อนและนักท่องเที่ยว เช่น เชียงใหม่ หาดใหญ่ และ ชลบุรี สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพที่ยังคงอยู่ในตลาดอสังหาฯ ไทย ที่แม้จะเผชิญความท้าทายทางเศรษฐกิจและอัตราดอกเบี้ย แต่ยังคงเติบโตจากลูกค้ากลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงและจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวในหลายจังหวัด”
เซ็นทรัลพัฒนา ตระหนักถึงพฤติกรรมและความต้องการของนักช้อปยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าและสิทธิประโยชน์ เปิดตัวแคมเปญ “The 1 Point Countdown แลกน้อย ลดหนัก เริ่มต้นเพียง 100 พอยท์ กับกว่า 1,000 แบรนด์ดังที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศ”…
สิงห์ เอสเตท (SET:S) ประกาศผลประกอบการงวดเก้าเดือนแรก ของปี 2567 มีรายได้จากธุรกิจหลักรวมทั้งสิ้น 11,431 ล้านบาท โดยเป็น (1) รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 2,534 ล้านบาท…
JLL ประเทศไทย ประกาศความสำเร็จครั้งสำคัญในการสรรหาที่ดินให้แก่หนึ่งในบริษัทผู้จัดเก็บระบบข้อมูลและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อพัฒนาเป็นศูนย์เก็บข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือดาต้าเซ็นเตอร์ บนทำเลทองริมถนนบางนา-ตราด ซึ่งเจแอลแอลได้อาศัยความร่วมมือจากเครือข่ายระดับสากล ฐานข้อมูลขนาดใหญ่ของบริษัท และองค์ความรู้เชิงลึกด้านตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ ในการอำนวยความสะดวกให้การทำธุรกรรมมีความราบรื่นส่งผลให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุดต่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในความสำเร็จครั้งนี้ การซื้อที่ดินเพื่อลงทุนทำโครงการดาต้าเซ็นเตอร์บนถนนบางนา-ตราดในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงกลยุทธ์ของผู้ประกอบการดาต้าเซ็นเตอร์จำนวนมากในการเข้ามาลงทุนในประเทศไทย เนื่องจากประเทศไทยมีความพร้อมในการเป็นดิจิทัลฮับ จากความต้องการบริการดาต้าเซ็นเตอร์ที่กำลังเพิ่มมากขึ้น และการสนับสนุนจากภาครัฐ ซึ่งเป็นไปตามนโยบาย…
นางสาวพัชนีวรรณ ตันประวัติ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด บริษัท แมคไทย จำกัด รับรางวัลองค์กรที่มีผลงานด้านการสร้างผลกระทบเชิงบวกแก่สังคมดีเด่น ระดับแพลตตินัม จากเวที ‘AMCHAM Corporate Social Impact Awards 2024’…
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. ร่วมกับ AIS โดย นายวรุณเทพ…
อาหารไทยถือเป็นหนึ่งใน soft power ของประเทศไทยที่ชัดเจนที่สุด foodpanda ที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมากว่า 12 ปี ทั้งยังมีพันธมิตรร้านอาหารให้บริการอยู่บนแพลตฟอร์ม foodpanda ทั่วประเทศ จึงทำให้ foodpanda มีศักยภาพที่จะร่วมผลักดันอาหารไทยให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น สำหรับชาวต่างชาติ…