กรุงศรี ผนึกพลังพันธมิตรครั้งยิ่งใหญ่กับหน่วยงานภาครัฐและองค์กรธุรกิจชั้นนำ อาทิ กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม (The Ministry of Economy, Trade and Industry: METI) ประเทศญี่ปุ่น สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) Techo Startup Center หน่วยงานภายใต้กระทรวงเศรษฐกิจและการคลังของประเทศกัมพูชา และศูนย์นวัตกรรมแห่งชาติเวียดนาม (NIC) จัดงาน Japan-ASEAN Startup Business Matching Fair 2024 สร้างโอกาสจับคู่ธุรกิจสตาร์ทอัพกว่า 60 ราย จาก 6 ประเทศกับภาคธุรกิจชั้นนำระดับนานาชาติกว่า 180 บริษัท มุ่งเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศของสตาร์ทอัพ พร้อมเชื่อมโยงเครือข่ายเพื่อต่อยอดการเติบโตในภูมิภาคอาเซียนและญี่ปุ่น ร่วมเป็นอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนสำคัญของการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนในภูมิภาค
ในโอกาสนี้ ได้รับเกียรติจาก โอตากะ มาซาโตะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย เป็นประธานในพิธีและกล่าวเปิดงานในครั้งนี้ว่า การส่งเสริมระบบนิเวศของสตาร์ทอัพ ถือเป็นหนึ่งในพันธกิจสำคัญของรัฐบาลญี่ปุ่นภายใต้แผนปฏิบัติการร่วมว่าด้วยหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่นในระยะ 5 ปี ที่มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียวของญี่ปุ่น และร่วมผลักดันเศรษฐกิจไทยสู่การพัฒนาเศรษฐกิจแบบองค์รวมโดยคำนึงถึงความยั่งยืนของทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม (BCG Model) รัฐบาลญี่ปุ่นมีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้สนับสนุนการจัดงานใหญ่ระดับภูมิภาคนี้ ซึ่งเป็นผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมของความร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานส่งเสริมดิจิทัล หน่วยงานภาครัฐและเอกชนในหลายประเทศทั้งญี่ปุ่น ไทย และอาเซียน โดยมีความมุ่งหวังที่จะเห็นการเติบโตของธุรกิจสตาร์ทอัพ และการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลในภูมิภาค
ด้าน เคนอิจิ ยามาโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “กรุงศรี มุ่งมั่นตั้งใจที่จะร่วมเสริมสร้างระบบนิเวศของสตาร์ทอัพให้แข็งแกร่ง ผ่านการสนับสนุนด้านเงินทุน ความรู้ด้านเทคโนโลยี และข้อมูลธุรกิจต่างๆ ทั้งยังช่วยเปิดเวทีสร้างโอกาสทางการตลาดให้กับสตาร์ทอัพเพื่อดึงดูดนักลงทุนเข้ามาในภูมิภาค ซึ่งการจัดงานเจรจาจับคู่ธุรกิจสตาร์ทอัพในวันนี้จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่สอง และมีสตาร์ทอัพดาวรุ่งจากหลากหลายกลุ่มธุรกิจกว่า 60 ราย จาก 6 ประเทศเข้าร่วมงาน โดยเฉพาะสตาร์ทอัพสาย ESG ที่มีเทคโนโลยีช่วยลดลดคาร์บอน หรือแม้แต่โซลูชันในการทำโรงงานอัตโนมัติ ซึ่งจะเป็นอีกส่วนสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถดำเนินการตามแนวทางความยั่งยืนได้ดียิ่งขึ้น และด้วยความร่วมมือของพันธมิตรอาเซียน ญี่ปุ่น และเครือข่าย MUFG นำมาสู่ความสำเร็จอย่างล้นหลามในการจัดงานเจรจาจับคู่ธุรกิจสตาร์ทอัพที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ซึ่งสร้างโอกาสในการจับคู่ธุรกิจกว่า 400 คู่ภายในวันเดียว”
ทั้งนี้ กรุงศรี เป็นสถาบันการเงินในเครือ MUFG ที่มีความเชี่ยวชาญและเครือข่ายที่ครอบคลุมกว่า 40 ประเทศทั่วโลก และด้วยประสบการณ์ที่แข็งแกร่งในการดำเนินกิจกรรมจับคู่ธุรกิจกว่า 10 ปี จึงได้ใช้ประโยชน์จากจุดแข็งดังกล่าวสร้างแพลตฟอร์มที่หลากหลายให้กับลูกค้าในการพบปะและเชื่อมต่อกับพันธมิตรธุรกิจและบริษัทที่มีศักยภาพจากญี่ปุ่นและทั่วทั้งภูมิภาคอาเซียน โดยงาน Japan-ASEAN Startup Business Matching Fair 2024 ถือเป็นอีกหนึ่งเวทีที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการและสตาร์ทอัพดาวรุ่งกว่า 60 บริษัทจาก 6 ประเทศ ได้แก่ ไทย ญี่ปุ่น กัมพูชา สปป.ลาว เวียดนาม และอินโดนีเซีย ในหลากหลายกลุ่มธุรกิจที่น่าจับตามองอย่าง Health Tech & Aging Socitey, FinTech, Food Tech, E-Commerce, Factory Automation และ ESG Solution ได้มาพบปะเจรจา และนำเสนอแผนงานธุรกิจกับบรรดานักลงทุนกว่า 180 บริษัทชั้นนำจาก 6 ประเทศในที่เดียว
นอกจากการนำเสนอผลงานและแผนธุรกิจ (Startup Pitching) แล้ว ยังมีกิจกรรมการจับคู่เจรจาธุรกิจ (Business Matching) บูธจัดแสดงจากผู้ประกอบการและสตาร์ทอัพกว่า 60 ราย งานสัมมนาเชิงวิชาการจาก Mitsubishi UFJ Research and Consulting และ Mitsubishi Research Institute ซึ่งเป็นการนำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแนวทางความร่วมมือเพื่อแก้ไขปัญหาสังคมในอาเซียนอย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงบทบาทสำคัญของสตาร์ทอัพสัญชาติญี่ปุ่นที่ส่งผลต่อการพัฒนาด้านเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมเทคของไทยและประเทศกลุ่มลุ่มน้ำโขง รวมทั้งกิจกรรม Workshop ที่จัดขึ้นโดยทีมที่ปรึกษาทางธุรกิจ Krungsri ASEAN LINK ที่พร้อมให้คำแนะนำปรึกษาสำหรับผู้ที่สนใจและต้องการขยายธุรกิจในอาเซียน และร่วมรับฟังประสบการณ์การทำธุรกิจของสตาร์ทอัพสาย E-Commerce ชั้นนำจากประเทศกัมพูชา เวียดนาม และอินโดนีเซีย ทั้งนี้ กรุงศรี ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงจำนวน 2 ฉบับ ภายในงานนี้ ฉบับแรกลงนามร่วมกับ Tokyo SME Support Center Thailand Branch Office และ กรุงศรีฟินโนเวต และฉบับที่ 2 ร่วมกับ Mitsubishi Research Institute (MRI), Mitsubishi UFJ Research and Consulting Thailand Office, Sasin Japan Center, Sasin Management Consulting และกรุงศรี ฟินโนเวต โดยความร่วมมือทั้งสองเป็นการร่วมส่งเสริมสภาพแวดล้อมและระบบนิเวศให้เอื้อต่อการพัฒนาของสตาร์ทอัพ
“ในโอกาสนี้ ขอขอบคุณเครือข่ายพันธมิตร และลูกค้าทุกท่านที่ไว้วางใจให้เราเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จในวันนี้ ซึ่งนับเป็นอีกก้าวสำคัญที่จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศของสตาร์ทอัพในภูมิภาค จนสามารถต่อยอดการคิดค้นนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีเพื่อร่วมแก้ไขปัญหาของโลกในด้านต่าง ๆ และช่วยจุดประกายความก้าวหน้าของสตาร์ทอัพให้สามารถเติบโตได้ไกลกว่าในระดับอาเซียน ทั้งยังเป็นอีกหนึ่งแรงกระเพื่อมสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจดิจิทัล และการดำเนินงานตามแนวทางความยั่งยืน (ESG) เพื่อก้าวสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนทั่วทั้งภูมิภาค” ยามาโตะ กล่าวปิดท้าย