NIA รุก AgTech รับ BCG โมเดล ผนึก 9 เมนเทอร์ เสริมแกร่งสตาร์ทอัพเกษตร 12 ราย ขยายสู่ตลาดนานาชาติ

สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ผนึกกำลัง 9 เครือข่ายพันธมิตรทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เปิดเวทีเฟ้นหาสุดยอดนวัตกรผู้ที่มีผลงานโดดเด่นและสามารถยกระดับภาคการเกษตรไทยได้อย่างยอดเยี่ยม พร้อมโชว์เทคโนโลยีและนวัตกรรมจาก 12 สตาร์ทอัพผู้ร่วมพลิกโฉมภาคเกษตรไทยสู่เกษตรอัจฉริยะ ผ่านโครงการ AgTech Connext 2022 สร้างพื้นที่เชื่อมโยงกลุ่มสตาร์ทอัพ ผู้ประกอบการ และภาคการลงทุน เพื่อการต่อยอดนวัตกรรมสู่การใช้งานจริง

พร้อมตั้งเป้าให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางธุรกิจที่สำคัญของสตาร์ทอัพเทคโนโลยีการเกษตรในภูมิภาคอาเซียน ขณะที่สตาร์ทอัพ “ทีมส่งสด” คว้า 2 รางวัลชนะเลิศ The Best Performance และ The Popular AgTech Connext 2022 Award ครองตำแหน่งสตาร์ทอัพเกษตรผู้มีผลงานโดนเด่นในการพลิกโฉมธุรกิจการเกษตร คว้าเงินรางวัลรวม 60,000 บาท

ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) เปิดเผยว่า “สตาร์ทอัพเทคโนโลยีการเกษตร (AgTech startup) เป็นหนึ่งในสาขาที่มีโอกาสเติบโตสูง เนื่องจากเป็นตลาดสากลที่มีขนาดใหญ่ โดยในปี 2564 มีมูลค่าการลงทุนทั่วโลก 3.7 แสนล้านบาท และมีแนวโน้มการเติบโตสูงขึ้นจากความต้องการความมั่นคงทางอาหาร สำหรับประเทศไทยพบว่าปี 2565 สตาร์ทอัพเทคโนโลยีการเกษตรมีเงินลงทุนรวมประมาณ 1,200 ล้านบาท ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับมูลค่าการลงทุนทั่วโลก คิดเป็นเพียงร้อยละ 0.32 เท่านั้น จึงเป็นสิ่งที่ท้าทายและมีความเป็นไปได้สูงที่จะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ด้วยการเร่งสนับสนุนและผลักดันให้เกิดการเติบโตของสตาร์ทอัพเทคโนโลยีการเกษตรไทย เพื่อดึงดูดการลงทุนในภาคส่วนนี้มากขึ้น”

–NIA เผยปี 65 สตาร์ทอัพไทยสนใจเข้าสู่วงโคจรเศรษฐกิจอวกาศเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ NIA ในฐานะหน่วยงานอำนวยความสะดวกทางนวัตกรรม (Focal facilitator) จึงมุ่งพัฒนาและเร่งสร้างสตาร์ทอัพเทคโนโลยีการเกษตรและระบบนิเวศที่เหมาะสม โดยอาศัยความร่วมมือกับเครือข่ายพันธมิตร เพื่อให้สตาร์ทอัพเทคโนโลยีการเกษตรไทยได้มีโอกาสทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนของระบบ สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน เช่น โครงการ “AgTech Connext” ที่เชื่อมสตาร์ทอัพเทคโนโลยีการเกษตรสู่การขยายตลาดไปยังเกษตรกรและผู้ประกอบธุรกิจการเกษตร ด้วยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตรจากสตาร์ทอัพถ่ายทอดสู่กลุ่มเกษตรกร เพื่อทดสอบการใช้งานจริงร่วมกัน และสร้างการรับรู้ให้เกษตรกรเข้าถึงการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมของสตาร์ทอัพ โดยตั้งเป้าให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางธุรกิจที่สำคัญของสตาร์ทอัพเทคโนโลยีการเกษตรในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ดร.พันธุ์อาจ กล่าวเพิ่มเติมว่า NIA ได้ผนึกกำลัง 9 เครือข่ายพันธมิตรทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่สนับสนุนการสร้างแพลตฟอร์มเชื่อมโยงสตาร์ทอัพสู่เกษตรกรและผู้ประกอบธุรกิจการเกษตร จัดกิจกรรม Demo Day ภายใต้โครงการ AgTech Connext 2022 โดยเป็นการทำงานร่วมกับหน่วยงานเชื่อมโยงเกษตรกรภายใต้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้แก่ 1) กรมส่งเสริมการเกษตร กรมการข้าว กรมประมง กรมปศุสัตว์ หน่วยงานสนับสนุนด้านเงินทุน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) บริษัท อินโนสเปรซ (ประเทศไทย) จำกัด หน่วยงานเชื่อมต่อกับกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจเกษตร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าไทย และหน่วยงานสนับสนุน บริษัท อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด ที่ได้มอบเครดิต AWS Cloud ให้แก่สตาร์ทอัพที่ผ่านการคัดเลือก อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนจาก ธ.ก.ส. มอบเงินรางวัลมูลค่า 50,000 บาท ให้กับสตาร์ทอัพที่นำผลงานเทคโนโลยีและนวัตกรรรมไปใช้ยกระดับภาคการเกษตรไทยได้อย่างยอดเยี่ยม

“จากผลการดำเนินงานโครงการนี้พบว่า ตลอดระยะเวลาสามเดือนสตาร์ทอัพที่เข้าร่วมโครงการต่างมีกลยุทธ์ในการแก้ไขและปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานไม่ว่าจะเป็นด้านเทคนิคหรือกลยุทธ์การตลาดจนสามารถขยายเครือข่ายผู้ใช้บริการจากสตาร์ทอัพเพิ่มขึ้นถึง 25 เท่า สร้างเป็นรายได้ 15 ล้านบาท ซึ่งนับว่าเป็นความพิเศษของสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพในการเติบโต และเป็นอีกหนึ่งผลสัมฤทธิ์ที่เกิดจากการสนับสนุนของเครือข่ายพันธมิตรทุกท่าน”

AgTech Connext สะพานเชื่อมสตาร์ทอัพ

ด้าน ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง รองผู้อำนวยการด้านระบบนวัตกรรม NIA กล่าวว่า “โครงการ AgTech Connext เปรียบเสมือนสะพานที่เชื่อมให้สตาร์ทอัพได้มีโอกาสขยายเครือข่ายกับผู้ใช้งานจริง และสนับสนุนการปรับเปลี่ยนเชิงกลยุทธ์ให้สตาร์ทอัพเติบโตได้อย่างรวดเร็ว โดยการนำเสนอผลงานที่ได้ใช้งานจริงร่วมกับเกษตรกรและผู้ประกอบการธุรกิจเกษตรต่อคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจเกษตร เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตและขยายธุรกิจทั้งในประเทศและประเทศเพื่อนบ้านกลุ่มอาเซียน ซึ่งสตาร์ทอัพที่ผ่านการคัดเลือกทั้ง 12 ราย ได้นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้กับภาคการเกษตรในหลายรูปแบบ ดังนี้

-นวัตกรรมเพื่อการแก้ไขปัญหาด้านปศุสัตว์ ประเภทโคเนื้อ โคนม จำนวน 2 ราย ได้แก่ ทีมสยามโนวาส สตาร์ทอัพที่ต่อยอดและพัฒนานวัตกรรมมาจากผลงานวิจัยมามากกว่า 10 ปี ด้วยการผสมเทียมจากน้ำเชื้อแช่แข็ง เพื่อเพิ่มการติดลูกและให้ได้ลูกโคเพศเมียตามที่ต้องการอัตราสูงร้อยละ 70 และ ทีมเซียนวัว แพลตฟอร์มช่วยบริหารจัดการข้อมูลฟาร์มโคเนื้อ โคนม ครอบคลุมทุกขั้นตอน จะช่วยให้เกษตรกรรู้จักโคทุกตัว สามารถตรวจสอบข้อมูลทั้งรอบผสมพันธุ์ การคลอด แบบย้อนกลับได้ ไม่ต้องใช้กระดาษจด และเป็นพื้นที่ตลาดสำหรับซื้อขายออนไลน์

-นวัตกรรมเพื่อการแก้ไขปัญหาด้านพืชเศรษฐกิจ ประเภทข้าวและอ้อย จำนวน 2 ราย ได้แก่ ทีมอีซี่ไรซ์ สร้างเครื่องตรวจสอบคุณภาพข้าวด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ที่จะประกันการปลอมปนและตรวจสอบคุณภาพข้าวได้อย่างรวดเร็วขึ้น เป็นธุรกิจพร้อมขยายผลสู่กลุ่มธัญพืช และ ทีมออนเนียนแชค ระบบจำแนกเกรดอ้อยด้วยเทคโนโลยีการประมวลภาพและปัญญาประดิษฐ์ที่พิสูจน์ได้อย่างชัดเจนและแม่นยำ เพื่อลดข้อถกเถียงการแยกเกรดระหว่างโรงงานและชาวไร่ รวมถึงปัญหาการประเมินราคารับซื้อหน้าโรงงานอ้อย

-นวัตกรรมเพื่อการเพาะเห็ด แหล่งอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง และมีมูลค่าตลาดในประเทศ 9 พันล้านบาท ขณะที่ตลาดโลกในปี 2021 สูงถึง 1,940 พันล้านบาท จำนวน 2 ราย ได้แก่ ทีมโซมัส ระบบการเพาะเห็ดประสิทธิภาพสูง และการควบคุมโรงเรือนเพื่อให้มีผลผลิตเพิ่มขึ้น 2-3 เท่า พร้อมรับซื้อผลผลิตเพื่อแปรรูปและสร้างตลาดสำหรับกลุ่มผู้บริโภคที่ไม่ทานเนื้อสัตว์ และ ทีมฟิวเจอร์ฟาร์ม เอไอ ระบบโรงเรือนเห็ดโคนญี่ปุ่นที่ใช้เทคโนโลยี IoT และปัญญาประดิษฐ์มาช่วยควบคุมระบบการปลูกร่วมกับเกษตรกรตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ พร้อมรับซื้อผลผลิตเพื่อจัดการตลาดที่มีความต้องการสูง และราคาดี

-นวัตกรรมเพื่อการบริหารจัดการฟาร์มให้มีประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล จำนวน 2 ราย ได้แก่ ทีมเมอร์ลิเนียม ฟาร์ม แก้ไขปัญหาการทำเกษตรอัจฉริยะด้วยเทคโนโลยีผลิตพลังงานในตัวด้วยแสงความเข้มต่ำ มีแดดเพียงน้อยนิดก็ใช้งานได้ สร้างให้เกิดฟาร์มอัจฉริยะไร้สายประหยัดพลังงาน และ ทีมฟาร์มคอนเน็ค เอเชีย สตาร์ทอัพที่ต่อยอดความเชี่ยวชาญการทำฟาร์มเมล่อนเงินล้านที่ปลูกกลางทุ่งนา ด้วยการสร้างระบบควบคุมและติดตามการการปลูกพืชด้วยข้อมูล ดูแลการให้น้ำให้ปุ๋ยในแปลงกลางแจ้งและโรงเรือนด้วยเทคโนโลยี IoT และเซ็นเซอร์ที่แม่นยำ

-นวัตกรรมเพื่อการเกษตรและประมง จำนวน 1 ราย ได้แก่ ทีมเอ็นเนอร์ยี่ออฟติงส์ สร้างระบบประหยัดพลังงานไฟฟ้าสำหรับการเกษตรด้วย Extreme Electricity Saving รองรับการใช้ไฟฟ้าควบคุมระบบต่างๆ ในโรงเรือน และฟาร์ม ให้สามารถลดการใช้ไฟฟ้าได้ประมาณร้อยละ 20 – 30 ด้วยการจ่ายกระแสชดเชยเข้าไปในระบบ

-นวัตกรรมเพื่อการสร้างช่องทางตลาดรูปแบบใหม่ให้กับเกษตรกร จำนวน 3 ราย ได้แก่ ทีมฟาร์มบุ๊คเฟรช แพลตฟอร์มที่ตอบโจทย์ด้านการตลาดและการจัดการฟาร์มให้กับเกษตรกรตั้งแต่การผลิตสู่ตลาดล่วงหน้า ทีมส่งสด ระบบช่วยบริการจัดการขายสินค้าทางการเกษตรสู่ผู้บริโภคและธุรกิจ หนึ่งแนวทางในการหาคนมาจ่ายตลาดแทน เพื่อให้ได้ของสด ของดี มีคุณภาพครบส่งตรงถึงครัวคุณ ร้านอาหาร และทุกธุรกิจที่ต้องการสินค้าเกษตร และทีมวาริชธ์ สตาร์ทอัพด้านบริการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรที่เหลือจากการจำหน่ายแบบครบวงจรทุกมาตรฐานการผลิต ตลอดจนช่วยสร้างช่องทางตลาดออนไลน์ จนถึงส่งออกไปต่างประเทศ

จิรศักดิ์ สุยาคำ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพ ธ.ก.ส. กล่าวเพิ่มเติมว่า ธ.ก.ส. เป็นธนาคารพัฒนาชนบทที่ยั่งยืน โดยมีบทบาทสำคัญในการให้ความช่วยเหลือทางการเงิน เพื่อส่งเสริมอาชีพหรือการดำเนินงานของเกษตรกร กลุ่มเกษตรกร หรือสหกรณ์การเกษตร ตลอดจนมีเป้าหมายสอดคล้องตามนโยบายของรัฐบาลด้าน BCG (Bio-Circular-Green) Economy หรือ เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว เพื่อบรรลุเป้าการยกระดับภาคการเกษตรดังกล่าวข้างต้น ดังนั้น ธ.ก.ส. มีกลไกการพัฒนาและร่วมลงทุนไปยังสตาร์ทอัพที่มีเทคโนโลยีและนวัตกรรมพร้อมใช้ที่สามารถตอบโจทย์ปัญหาของเกษตรกรได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงร่วมเป็นเครือข่ายพันธมิตรและสนับสนุนการดำเนินงานในโครงการ AgTech Connext นี้ เพื่อเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างสตาร์ทอัพและเกษตรกรให้มีโอกาสในการทำงานร่วมกัน อีกทั้งสร้างโอกาสให้เกษตรกรเข้าใจและเข้าถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมของสตาร์ทอัพในการเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต และสร้างแนวทางตลาดใหม่ๆ ส่งผลให้เกิดการขยายผลการใช้งานและเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน

สำหรับสตาร์ทอัพเกษตรผู้ชนะเลิศที่มีผลงานโดนเด่นในการพลิกโฉมธุรกิจการเกษตร รางวัล The Best Performance AgTech Connext 2022 Award โดยการตัดสินจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ พร้อมรับเงินรางวัล 50,000 บาท จาก ธ.ก.ส. และทางโครงการจัดให้มีรางวัล The Popular AgTech Connext 2022 Award ตัดสินจากผลการโหวตของผู้เข้าร่วมงาน พร้อมรับเงินรางวัล 10,000 บาท ซึ่งทั้งสองรางวัลได้แก่ ทีมส่งสด

• Facebook
• X
• Line