StartUp

NIA ชี้ 3 เทคสายเกษตรฯ ดาวรุ่ง มีแหล่งเงินลงทุนรอกว่า 1.7 ล้านล้านบาท เปิดเวที AGROWTH เร่งสร้างการเติบโตดีพเทคสตาร์ทอัพเกษตร พร้อมจับคู่ทำงานร่วมกับบิ๊กธุรกิจเกษตร

สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA เดินหน้าสร้างสตาร์ทอัพสายเกษตรให้เพิ่มขึ้น โดยมุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีเชิงลึก เพื่อเร่งการเติบโตและแก้ไขปัญหาซ้ำซ้อนในภาคเกษตร ที่ต้องการปรับเปลี่ยนการทำเกษตรแบบเดิมไปสู่การพึ่งพาเทคโนโลยี ในปัจจุบันประเทศไทยมีสตาร์ทอัพเกษตรอยู่เพียง 81 ราย และเป็นกลุ่มเทคโนโลยีเชิงลึกไม่ถึง 15 ราย นอกจากนี้ ยังเผยถึงมูลค่าการลงทุนในตลาดสตาร์ทอัพเกษตรที่มีอยู่กว่า 5.1 หมื่นล้านดอลล่าร์สหรัฐ หรือราว 1.7 ล้านล้านบาท โดยปีนี้ NIA ยังคงผลักดันให้เกิดสตาร์ทอัพด้านการเกษตรในระบบนิเวศอย่างต่อเนื่องผ่านโครงการ AGROWTH ซึ่งจะเปิดรับสมัครสตาร์ทอัพที่ใช้เทคโนโลยีเชิงลึกด้านการเกษตรที่มีศักยภาพเข้าร่วมโครงการ เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการ ทดสอบการใช้งานจริง ตลอดจนปรับเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจให้สอดคล้องกับความต้องการของภาคเกษตรร่วมกับบริษัทชั้นนำในภาคธุรกิจการเกษตร ซึ่งเปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้ถึง 10 พฤษภาคม 2567

ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า ภาคเกษตรมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจและสังคมของไทยอย่างมาก แต่กลับมีอัตราการเติบโตช้ากว่าประเทศอื่น เนื่องจากปัจจุบันเกษตรกรส่วนใหญ่ยังคงทำการผลิตแบบเดิม ดังนั้น NIA จึงพยายามจะพัฒนาภาคเกษตรของไทยให้พร้อมรับกับการแข่งขันและความต้องการอาหารของทั่วโลกที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 70 ในปี 2050 ด้วยการพลิกโฉมไปสู่การเกษตรที่ทันสมัยและยั่งยืน ซึ่งหนึ่งในแนวทางสำคัญคือ การเพิ่มจำนวนผู้พัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมให้สอดคล้องกับธุรกิจเกษตร โอกาสสำคัญที่จะทำให้เกษตรไทยมีมูลค่าและพร้อมนำสินค้า – บริการแข่งขันในตลาดได้มากขึ้น จากปัจจุบันที่มีเพียง 81 ราย

นอกจากนี้ ยังเผยถึงมูลค่าการลงทุนในตลาดสตาร์ทอัพเกษตรที่มีอยู่กว่า 5.1 หมื่นล้านดอลล่าร์สหรัฐ หรือราว 1.7 ล้านล้านบาท ซึ่ง NIA จะเร่งผลักดันให้สตาร์ทอัพไทยมีโอกาสเข้าถึงแหล่งทุนดังกล่าว โดยเฉพาะ 3 เทคโนโลยีที่มีศักยภาพและโอกาสในการเติบโตและรับการลงทุน ได้แก่ ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ และเทคโนโลยีชีวภาพทางการเกษตร

“สตาร์ทอัพเกษตรที่ใช้เทคโนโลยีเชิงลึกเป็นเสมือนฟันเฟืองสำคัญที่ทำให้ภาคเกษตรไทยเติบโต ถือเป็นตัวเปลี่ยนเกมทั้งช่วยทำให้ผลผลิตมีมูลค่าสูงขึ้น ต้นทุนการผลิตต่ำลง กระบวนการที่มีประสิทธิภาพ รวดเร็วตั้งแต่การเพาะปลูกไปจนถึงการเก็บเกี่ยว ตลอดจนการสร้างสายพันธุ์หรือผลิตภัณฑ์ใหม่ที่แตกต่างจากท้องตลาด ส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ดังนั้น NIA จึงเร่งสร้างสตาร์ทอัพในโครงการ AGROWTH ให้เกิดการเติบโตอย่างรวดเร็ว สามารถแก้ไขโจทย์ปัญหาอันซ้ำซ้อนของภาคเกษตรด้วยเทคโนโลยีเชิงลึก สอดรับกับตลาดผู้ใช้งานและสอดคล้องกับภาคการลงทุน ด้วยการดึงเครือข่ายธุรกิจเกษตรขนาดใหญ่เข้ามาช่วยปรับโมเดลธุรกิจ ให้คำปรึกษาอย่างตรงจุด สร้างโอกาสการลงมือทำพิสูจน์โซลูชั่นกับโจทย์ปัญหาที่ท้าทายของภาคเกษตร”

ดร.กริชผกา กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการศึกษาข้อมูลในตลาดสตาร์ทอัพเกษตรของไทยพบว่าที่ผ่านมามีการระดมทุนอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันมูลค่ารวมประมาณ 2,500 ล้านบาทจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งถือว่ายังไม่มากนัก และเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยมี 3 เทรนด์เทคโนโลยีเชิงลึกจากทั่วโลกที่น่าจับตาและเป็นแนวทางสำหรับสตาร์ทอัพไทยในอนาคต ดังนี้

  • ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) จากการใช้ข้อมูลทางการเกษตรขนาดใหญ่คาดการณ์และทำนายเพื่อการทำเกษตรให้เกิดความแม่นยำ และสร้างมาตรฐานใหม่ที่มีผลทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรองรับ เช่น อัลกอริธึม AI ที่ช่วยให้นักปฐพีวิทยาใช้น้ำและปุ๋ยให้เกิดประโยชน์สูงสุด และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างชัดเจน เป็นเทคโนโลยีที่คาดว่าจะเติบโตเป็น 4.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1.55 แสนล้านบาทในปี 2028 โดยในไทยมีสตาร์ทอัพเกษตรที่ได้รับการร่วมลงทุนในเทคโนโลยีนี้ ได้แก่ อีซี่ไรซ์ (Easy Rice) ระบบ AI มาช่วยตรวจสอบสายพันธุ์ข้าวเปลือกและคุณภาพข้าวสาร เป็นหนึ่งในสตาร์ทอัพที่เข้าร่วมโครงการบ่มเพาะกับ NIA เมื่อปี 2020 และได้มีโอกาสทำงานกับกลุ่มบริษัทผู้ผลิตข้าว ทำให้เข้าใจปัญหาที่แท้จริงในการตรวจสอบคุณภาพข้าว นำสมองอัจฉริยะที่เที่ยงตรงไปใช้งาน ทำให้เกิดความมั่นใจในโรงสีผู้ใช้งานมากกว่า 250 แห่งทั่วประเทศ มีการใช้งาน AI เพื่อตรวจสอบมากกว่า 300,000 ครั้ง ครอบคลุมข้าวมากถึง 6 ล้านตัน และเริ่มขยายการใช้งานไปยังกลุ่มปลูกข้าวอาเซียนในประเทศกัมพูชาและเวียดนาม จึงได้รับระดมทุนรอบ Pre-Series A กว่า 2 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 66 ล้านบาท จากบริษัท เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส จำกัด (ARV) บริษัท ยิบอินซอยและแย็คส์ จำกัด และ บริษัท อินโนสเปซ (ประเทศไทย) จำกัด
  • หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ การขาดแคลนแรงงานภาคเกษตร ผลักดันให้เกิดความต้องการนำหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติเข้ามาทำงานทางการเกษตรมากขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้สารเคมี ส่งผลต่อการลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิต เช่น การใช้โดรนช่วยพ่นยา พ่นปุ๋ย แทนแรงงานคน และมีการคาดการณ์ว่าตลาดนวัตกรรมนี้จะมีมูลค่าประมาณ 265.97 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราวหลักสิบล้านล้านบาท ในช่วงปี 2566 – 2575 ซึ่งสตาร์ทอัพด้านหุ่นยนต์ทางการเกษตรที่ได้รับความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการส่งเสริมและพัฒนาเทคโนโลยี และการสนับสนุนจากนักลงทุนและบริษัทใหญ่ ได้แก่ เอชจี โรโบติกส์ (HG Robotics) สตาร์ทอัพที่พัฒนาหุ่นยนต์และระบบบริหารจัดการอัตโนมัติ ซึ่งได้รับเงินลงทุนจากกลุ่มทรูดิจิทัลที่ขยายธุรกิจเปิดโรงงานผลิตโดรนการเกษตรและหุ่นยนต์ที่ได้รับมาตรฐานโลกแห่งแรกในประเทศไทย พร้อมผลิต “ไทเกอร์โดรน” หุ่นยนต์ระบบการบินอัตโนมัติซอฟท์แวร์ภาษาไทย ที่เก็บข้อมูลได้อย่างปลอดภัยและแม่นยำ เป็นผลงานที่สตาร์ทอัพไทยเริ่มทำตั้งแต่ออกแบบชิ้นส่วน การประกอบ จนส่งถึงมือผู้ใช้งาน โดยได้รับการร่วมลงทุนจากบริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด
  • เทคโนโลยีชีวภาพทางการเกษตร จากความต้องการปกป้องสิ่งแวดล้อม และผู้บริโภคต้องการอาหารปลอดภัย เทคโนโลยีชีวภาพขั้นสูงจึงถือเป็นกุญแจสำคัญในการเพิ่มมูลค่าของภาคเกษตรกรรม และการจัดการกับความท้าทายต่างๆ เช่น ศัตรูพืช ความแห้งแล้ง การสร้างพันธุ์พืชใหม่ อีกทั้งยังมีการประเมินว่า มูลค่าการระดมทุนของสตาร์ทอัพด้านการเกษตรที่ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีชีวภาพทั่วโลก มีมูลค่า 85.80 พันล้านบาท ถือเป็นกลุ่มเทคโนโลยีที่มีมูลค่าการลงทุนสูงมากในด้านเกษตร ทั้งนี้ ปัจจุบันมีสตาร์ทอัพเกษตรไทยที่ได้รับการร่วมลงทุนจากการนำนวัตกรรมดังกล่าวมาใช้ ได้แก่ ยูนิฟาร์ส (UniFahs) จากผลิตภัณฑ์ SalmoGuard ที่มีฤทธิ์ทำลายเชื้อแบคทีเรียซาลโมเนลล่าในลำไส้และระบบทางเดินอาหารของสัตว์ปีก เพื่อทดแทนการใช้ยาปฏิชีวนะและสารเคมี จากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีเฟจ (Phage) มากกว่า 15 ปี ทำให้สามารถออกแบบเทคโนโลยีเพื่อแก้ปัญหาอุตสาหกรรมฟาร์มสัตว์ปีกได้เหมาะสมกับผู้ใช้งานทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศได้อย่างรวดเร็ว จนได้รับรางวัลชนะเลิศด้านนวัตกรรมไบโอเทคจากเวทีการแข่งขันสตาร์ทอัพที่ใหญ่ที่สุดในโลก “Global Finalists 2022” รวมทั้งเป็นทีมชนะเลิศในการเข้าร่วมการบ่มเพาะกับ NIA เมื่อปี 2022 และมีโอกาสทำงานร่วมกับบริษัทด้านธุรกิจสัตว์น้ำ จึงได้ขยายเทคโนโลยีไปใช้กับสินค้าเกษตรกลุ่มอื่น เช่น เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ทั้งนี้ ได้รับการร่วมลงทุนจาก เอดีบีเวนเจอร์ส บริษัท อินโนสเปซ (ประเทศไทย) จำกัด และกองทุนอินโนเวชั่นวัน จำนวน 1.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 53 ล้านบาท

“สตาร์ทอัพเกษตรมีตลาดขนาดใหญ่มากรองรับอยู่ ดังนั้น การที่สตาร์ทอัพของไทยได้ความรับสนใจจากนักลงทุนและได้รับเงินระดมทุน นับเป็นความสำเร็จที่แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีสามารถแก้ไขปัญหาและตอบโจทย์ผู้ใช้งานจนเกิดการขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว แต่การที่จะทำให้เกษตรกรเปิดใจรับเทคโนโลยีใหม่ๆ และพร้อมที่จะเปลี่ยนจากวิถีการทำเกษตรแบบดั้งเดิมไปสู่เกษตรอัจฉริยะ ถือเป็นความท้าทายของสตาร์ทอัพเกษตรที่จะพัฒนาเทคโนโลยีจนเกิดผู้ใช้งานจริงในประเทศไทย จะช่วยแสดงให้เห็นถึงความคุ้มค่าในการที่จะลงทุนนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้ในธุรกิจทางการเกษตร เพื่อช่วยให้สตาร์ทอัพสายเกษตรมีศักยภาพที่จะสร้างความแตกต่างและความยั่งยืนในตลาดได้” ดร.กริชผกา กล่าวทิ้งท้าย

ทั้งนี้ AGROWTH 2024 จะเปิดรับสตาร์ทอัพที่ใช้เทคโนโลยีเชิงลึกด้านการเกษตรที่มีพื้นฐานจากการวิจัยและพัฒนาเชิงลึก พัฒนาเทคโนโลยีขึ้นเอง ในสาขาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ เทคโนโลยีไอโอที และเทคโนโลยีโลกเสมือนจริง เทคโนโลยีชีวภาพ และเทคโนโลยีเชิงลึกอื่นๆ ที่จะมาช่วยแก้ไขปัญหาของภาคการเกษตร เปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้จนถึง 10 พฤษภาคม 2567 ติดต่อ 091-541 5542 (สิรพัฒน์) sirapat@nia.or.th

AIS The StartUp ชี้ถึงเวลาสตาร์ทอัพไทยอัพสกิล การทำธุรกิจอย่างยั่งยืน และวิเคราะห์ความเสี่ยง บนหลัก ESG

supersab

Recent Posts

แกะกล่อง Xperia 10 VI รุ่นน้องที่คลานตามรุ่นพี่มาติดๆ ในราคา 16,990 บาท

สวัสดีครับ วันนี้ Biztalk Gadget จะพามา แกะกล่อง Xperia 10 VI จากค่าย Sony ที่เปิดตัวใหม่เป็นประจำทุกปี โดยซีรีส์ 10 จะถือว่าเป็นน้องเล็กสุด…

10 hours ago

Lenovo เปิดตัว ThinkPad P1 Gen 7 เวิร์กสเตชันรุ่นพกพาที่มาพร้อม AI เทคโนโลยี

Lenovo เปิดตัวโมบายเวิร์กสเตชันพกพารุ่นใหม่ล่าสุด ได้แก่ ThinkPad P1 Gen 7, P16v i Gen 2, P16s i Gen 3…

22 hours ago

AIS ร่วมกับ สพฐ และ มจธ. ปั้นครีเอเตอร์วัยทีน เปิดเวทีส่งคลิปสั้นเสริมทักษะ รู้ทันภัยไซเบอร์ กับกิจกรรม “อุ่นใจไซเบอร์ Young Creator Challenge 2024”

จากการทำงานร่วมกันของ AIS สำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และ มหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าธนุบรี (มจธ.) ในการนำหลักสูตร “อุ่นใจไซเบอร์” แพลตฟอร์มการเรียนรู้ออนไลน์ด้านทักษะดิจิทัลหลักสูตรแรกของไทยที่ได้รับมาตรฐานจากสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ที่วันนี้ถูกส่งต่อไปยังโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ สพฐ. ที่ครอบคลุมเขตพื้นที่การศึกษาทั้ง 245…

22 hours ago

Huawei Digital Power เปิดตัว FusionCharge ใหม่ ระบายความร้อนด้วยของเหลวสำหรับโซลูชันชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแบบชาร์จเร็วพิเศษ สุดล้ำในไทย

Huawei Digital Power เดินหน้าขับเคลื่อนเทคโนโลยีการชาร์จพลังงานไฟฟ้าแห่งอนาคต เปิดตัวโซลูชัน FusionCharge ใหม่ ที่ใช้นวัตกรรมการระบายความร้อนด้วยของเหลว (liquid-cooled) เร็วพิเศษ (ultra-fast) ในประเทศไทย ภายในงานมหกรรมพลังงานที่ยั่งยืนแห่งอาเซียน (ASEAN Sustainable…

1 day ago

ไปรษณีย์ไทย เปิดตำนานการทายผลบอลสุดแปลก ที่นักเก็งผลกีฬาทั่วโลกต้องจารึก

ถ้าจะพูดถึงกีฬาที่แฟน ๆ ทั่วโลกตั้งตารับชมกันมากที่สุดคงหนีไม่พ้นฟุตบอล ที่ไม่ว่าจะบิ๊กแมตช์หรือการแข่งขันไหนก็มักจะได้ยินเสียงเฮจากบรรดากองเชียร์ อีกทั้งเราก็มักจะได้เห็นการสร้างสรรค์แคมเปญจากแบรนด์ต่าง ๆ ที่ให้ทุกคนได้ร่วมสนุกกับกีฬาฟุตบอล โดยในหลาย ๆ กิจกรรมก็ต้องบอกเลยว่าสนุกและครีเอทชนิดที่คาดไม่ถึงเลยทีเดียว สำหรับในไทย แคมเปญการเชียร์บอลที่บรรดาคอบอลต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ามันส์และลุ้นที่สุดก็คือ แคมเปญเชียร์บอลให้มัน เฮลั่นรับโชค ทุกที่ทุกเวลา…

1 day ago

HONOR ชวนร่วมกิจกรรม The Ai Portrait Studio Event พบเซอร์ไพรส์พิเศษ พร้อมโปรโมชันสุดปัง 6 – 7 ก.ค.นี้ ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

ออเนอร์ (HONOR) จัดกิจกรรมพิเศษ “HONOR 200 Series - The Ai Portrait Studio Event” เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกคนได้เป็นเจ้าของสมาร์ทโฟน HONOR 200…

1 day ago